ดัง พันกร หวนคืนอาร์เอสในรอบ 14 ปี ขอบคุณ เฮียฮ้อ ที่เปิดบ้านต้อนรับอบอุ่น


ให้คะแนน


แชร์

ถ้าพูดถึงชื่อ ดัง พันกร บุณยะจินดา นักร้องเบอร์หนึ่งแห่งยุค 90’s หลายคนต้องคิดถึงเพลงฮิตของเขาที่โด่งดังหลายเพลง อาทิ ส่องไฟขึ้นฟ้า, ท้องไม่รับ, หญิงเดียวในใจ เป็นต้น

ล่าสุด ดัง พันกร ได้กลับมาจับไมค์ร้องเพลงและขึ้นคอนเสิร์ตอีกครั้ง หลังห่างไป 2 ปี อีกทั้งกลับมาร่วมทำงานกับบ้านหลังเดิม RS ค่ายเพลง RS Music ในรอบ 14 ปี ต้องบอกว่า เป็นสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนเพลงอย่างมาก เพราะ ดัง พันกร เป็นหนึ่งในนักร้องในดวงใจของใครหลายคน

ล่าสุด ดัง พันกร ได้เปิดใจกับ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ถึงการกลับมาครั้งนี้ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า ได้ย้ายสำมะโนครัวกลับมาอยู่กับ เฮียฮ้อ แห่งอาร์เอสแล้ว และมาอยู่ค่ายใหม่ซึ่งก็คือ อาร์เอสมิวสิค ถึงแม้จะห่างกันนาน 14 ปี แต่ก็เป็นบ้านหลังเดิมที่รู้สึกอบอุ่นมากที่สุด

ดัง พันกร หวนคืนอาร์เอสในรอบ 14 ปี

“ใช่ครับผม ตอนนี้ก็ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่กับอาร์เอสแล้ว ก็อยู่กับค่ายใหม่ก็คือ อาร์เอสมิวสิค ก็อบอุ่น ดีใจที่ได้กลับมาบ้านอีกครั้งหนึ่ง น่าจะเป็นในรอบ 14 ปีนับจากเพลงสุดท้ายที่ทำกับอาร์เอสครับ”

“จริงๆ แล้ว ดังรู้สึกว่าอาร์เอสเป็นจุดเริ่มต้นของดัง เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 เฮียฮ้อ (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) เป็นคนทำคลอดกับมือ ตัดสายสะดือเรามา ที่ผ่านมาเราอาจจะไปหาประสบการณ์ แต่ว่าเราใจเรายังคงอยู่กับอาร์เอสตลอด งานนี้ต้องขอขอบคุณเฮียฮ้อ เหมือนกับเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ 

แล้วด้วยความที่เราเหมือนครอบครัวเดียวกัน สุดท้ายเราก็ต้องอยู่กับครอบครัวเรา มันก็เป็นความอบอุ่น มันเป็นอะไรที่ลึกซึ้ง นอกจากความเป็นศิลปินกับค่ายเพลง มันยังเป็นความผูกพันที่มากกว่านั้นนะครับ แล้วก็เฮียเองก็เป็นคนปลุกปั้นเรามา

เราในฐานะลูกคนหนึ่งก็ได้อยู่บ้านก็มีความอุ่นใจ เพราะว่าเฮียฮ้อก็ถือว่าเป็นแม่ทัพใหญ่ ในด้านของการวางนโยบายกลยุทธ์ การตลาดที่รวดเร็วและเฉียบคม แล้วก็เป็นฮีโร่สำหรับ ดัง เลยก็ว่าได้ เราก็อุ่นใจ และเฮียฮ้อก็ได้มีโอกาสลงมาดูงานเองด้วย งานนี้ก็คงไม่ทำให้แฟนๆ อาร์เอสผิดหวังแน่นอนครับ”

กลับมาเจอแฟนเพลงครั้งแรกในรอบ 2 ปีคอนเสิร์ตอาร์เอสมีตติ้ง 2022

“ตอนแรกไม่ได้คาดคิด เพราะเราเป็นแขกรับเชิญด้วย ซึ่งเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นมาก แล้วก็ไม่รู้ทำงานที่ไหนก็ไม่เหมือนทำงานกับบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเอาใจใส่ การพิถีพิถันทุกขั้นตอน การให้ความสำคัญกับแสงสีเสียงทุกอย่าง และที่สำคัญคือความรักของแฟนเพลงที่มีให้กับเราด้วย รู้สึกว่าเรายังไม่ลืมกัน ดู VTR น้ำตาคลอเบ้า มีความคิดถึงครับ

“เป็นการกลับมาขึ้นคอนเสิร์ตของ ดัง ในรอบ 2 ปี และมาตอนนี้เรียกว่า คงจะเป็น ดัง ที่ใหม่ขึ้น”

ดีใจที่แฟนเพลงยังให้การต้อนรับสุดอบอุ่น

“ดีใจครับ เพราะว่าอย่างน้อยเราก็รู้สึกว่า มีคนให้ความสำคัญ มีคนดูเราอยู่นะ ไม่ว่าเขาจะคอมเมนต์ดีหรือไม่ดี คอมเมนต์ดีเราก็น้อมรับ คอมเมนต์ไม่ดีเราก็น้อมรับ เพื่อมาพิจารณาแก้ไข ดูตัวเราเอง เลยคิดว่าชีวิตเรามีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ไม่ใช่ว่าเราอยู่กับที่แต่เราชอบมองหาอะไรใหม่ๆ ศึกษาอะไรใหม่ๆ เสมอ แล้วอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องตามโลกให้ทัน ดีใจที่ยังมีคนชื่นชอบเพลงของเรา ต้องขอกราบขอบพระคุณพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่านเลย เบื้องหลัง โปรดิวเซอร์ คนทำงานทุกคนเลย เพราะว่าถ้าไม่มีทุกๆ ท่าน ก็คงไม่มีดังเลยวันนี้

เพียงแต่ว่า ดัง อาจจะเป็นเบื้องหน้า แต่กว่าจะมีเบื้องหน้า ต้องมีเบื้องหลังทุกแรงสำคัญ ทุกๆ คนมีความสำคัญเท่าเทียมกันเลย ขาดใครคนหนึ่งไปก็คงไม่มีวันนี้ ที่สำคัญคือแฟนเพลงทุกคนเลย ที่ชื่นชอบงานของพวกเราทุกคน

แต่ละงานที่ออกมาเราตั้งใจทำกันจริงๆ กว่าจะออกมาแต่ละเพลงมันไม่ใช่เรื่องง่าย ผ่านการคิดผ่านการทำมาหลายกระบวนการ กว่าจะทำออกมาแล้วถูกใจใครหลายๆ คน ขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับตรงนั้น เราเองในฐานะตัวแทนของอาร์เอสกรุ๊ปตั้งใจจะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องเงินเรื่องทอง แต่มันคือแพชชั่น มันคือความรักของพวกเราทุกคน”

ดัง พันกร เคยเจอดราม่าหนัก คนวิจารณ์เยอะ แต่พยายามมองโลกในแง่ดี 

“ดัง มองว่าบางคนอาจจะติเพื่อให้เกิดสิ่งที่ดี เราพยายามมองโลกในแง่ดี อย่างน้อยเขามาคอมเมนต์อะไรที่มันสะเทือนใจเราบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็ได้เข้ามาชมงานเรา

ดัง พบว่าอันนี้เป็นสิ่งสำคัญ คนเราจะให้คนรักคนชอบตลอดเวลามันก็คงไม่ใช่ ก็ต้องมีคนที่ไม่ชอบเราด้วย มีคนอิจฉามีคนไม่ชอบก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้นเราอยู่ตรงนี้แล้ว เราก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์สร้างผลงานดีๆ มอบเรื่องราวดีๆ ให้กับเยาวชน

แล้วก็เป็นกำลังใจสำคัญให้กับคนไทยทุกคนด้วย โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นสถานการณ์ของการเยียวยา ทางอาร์เอสและดังเองมองว่า ดนตรีมันค่อยแทรกเข้าไปอยู่ในใจทุกคน แทรกรอยยิ้มทีละนิดละหน่อย อย่างน้อยอาจจะได้ไม่มาก แต่ก็ค่อยเป็นค่อยไปจับมือกันไป

อยากให้คนไทยทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน มันมีทุกข์ก็ต้องมีสุข บางคนอาจจะตกงาน เครียด มันเป็นเรื่องปกติของทุกวันนี้ แต่ถ้าเรามองในเชิงธรรมะ ก็จะรู้ว่าทุกข์เกิดจากอะไร อ๋อ เกิดจากเราตกงาน เราเครียด แล้วสภาวะสิ่งแวดล้อมมันทำให้เราทุกข์ เราก็รู้ว่าเราทุกข์เพราะสิ่งนี้เอง เราจะแก้ไขยังไง เรามองโลกใหม่ มองโลกในแง่ดี

มองโลกว่าเขาก็เป็นอย่างนี้กันทั่วโลกไหม เดี๋ยวเวลามันก็จะดีขึ้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้แล้ว และเราเป็นคนไทย เรามีน้ำใจ เรารักกันอยู่แล้ว สิ่งดีๆ คือเราหยิบยื่นความรักความไว้ใจให้กับคนรอบข้าง และมอบกำลังใจเหล่านั้นและได้รับกำลังใจจากคนอื่นๆ มันก็จะช่วยให้เราก้าวข้ามผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้”

ถูกยกให้เป็นเจ้าพ่อแอคเซสเซอรี ยอมรับเป็นความชอบส่วนตัว ถ้าไม่ใส่วันนี้แล้วจะใส่วันไหน

“ไม่ค่อยเท่าไรครับ (หัวเราะ) เป็นความชอบของเราด้วย ตอนนี้ชอบพวกจิวเวอรี่ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงามที่ธรรมชาติให้กับมนุษย์และมันก็เป็นสิ่งที่มีวันหมดมันมีมูลค่าไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามแต่เช่น พลอย นับวันมันก็เหลือน้อยลงทุกที

กระเป๋าทุกอย่างมันก็คือความสุขอย่างหนึ่ง รู้สึกว่าให้รางวัลตัวเองบ้าง เพราะว่าเราทำงานมาหนักและก็มองว่าถ้าเราชอบ เราก็ต้องใส่ บางคนจะไม่ค่อยกล้าใส่กันแต่จริงๆ แล้วของพวกนี้เขาแข็งแรงกว่าที่เราคิดเยอะ จะเก็บไว้ใส่ชาติหน้าหรอครับ (หัวเราะ) มีเราก็ต้องใส่ ชาติหน้าก็คงไม่มีใครใส่ ขายไปเถอะซื้ออะไรที่เราได้ใช้

เมื่อเราถามว่า ตอนนี้ของสะสมทั้งหมด มีมูลคารวมกันกี่ล้านแล้ว ดัง ยิ้มแล้วบอกว่าว่า “ไม่ขอพูดแล้วกันครับ แต่เรียกว่า เป็นของใส่เล่นดีกว่าครับ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2672996
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2672996