"ฟิล์ม-ธนภัทร" ละเอียดอ่อนกับโมเมนต์การแสดง ในผลงานล่าสุด "รักนี้ต้องเจียระไน"


ให้คะแนน


แชร์

สั่งสมประสบการณ์ไปกับทุกบทบาทตัวละคร ท้าทายฝีมือพระเอกหนุ่ม “ฟิล์ม–ธนภัทร กาวิละ” ที่เล่นบทไหนก็อินเข้าถึงจนผู้ชมยอมรับ รวมทั้งผลงานล่าสุดกับละครเรื่อง “รักนี้ต้องเจียระไน” ทางช่องวัน 31 ฟิล์มรับบท “รัตติ” หนุ่มดีไซเนอร์จิวเวลรีชื่อดังที่รักการแข่งรถ โคจรกลับเจอกับนางเอกสาว “ใบเฟิร์น–อัญชสา มงคลสมัย” อีกครั้ง เลยชวน “ฟิล์ม” เล่าถึงการทำงานในเรื่องนี้ และการเติบโตตลอดปีที่ผ่านมาจากละคร คุณชาย กับ “แจม–รชตะ” จนกระแสตอบรับดีล้นหลาม จับคู่จิ้น!! จนมีแฟนคลับมอบความรักเพิ่มขึ้นมากมาย เริ่มจาก…

เล่าถึงบท “รัตติ” นักดีไซเนอร์จิลเวลรีที่รักการแข่งรถ มีความคล้าย “ฟิล์ม” บ้างมั้ย?

“รัตติ เป็นคนตรงไปตรงมา โรแมนติก แข็งกระด้างแต่อบอุ่น สิ่งที่ใกล้กับตัวผมคงเป็นเรื่องการชอบความเร็วเหมือนกัน คลั่งรักเหมือนกัน ผมเป็นคนคลั่งรักนะ สมมติมีแฟนก็จะคลั่งรักแฟนมาก เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวเลี้ยงสัตว์ก็จะรักมาก”

รัตติกับฟิล์มใครคลั่งรักกว่ากัน? “เท่าๆกันแล้วกัน”

ความท้าทายกับบทบาทนี้? “มันคงเป็นความละเอียดอ่อนที่มากขึ้น บทบาทที่ได้รับอาจจะไม่ได้ต่างจากเดิมมากแต่สิ่งที่มันเปลี่ยนไปคือเรื่องของการถ่ายทำ เส้นเรื่อง ความท้าทายคือเราต้องเล่นในกรอบคาแรกเตอร์ที่มันคล้ายเดิมแต่ต้องเล่นยังไงให้มันรู้สึกเป็นคนใหม่”

ทำการบ้านหนักแค่ไหน? “หนักมากครับ เรื่องเพชรก็ต้องเรียนรู้ ฝึกสเกตช์ เรื่องบู๊ไม่มากแต่เป็นแอ็กชันในการขับรถมากกว่า แต่เรื่องตัวละครก็ต้องทำการบ้านเยอะ เหมือนเราเล่นละครมาสักพักนึงแล้วมันถึงทางตัน มันรู้สึกว่าเราเล่นแล้วเราเหมือนเดิม มันคือการทำการบ้านกับตัวละครให้มันลึกซึ้งมากขึ้น ละเอียดอ่อนกับแต่ละโมเมนต์ของการแสดงมากขึ้น คิดมากขึ้นแล้วก็คิดน้อยลงในเวลาเดียวกัน คิดมากขึ้นคือทำการบ้านกับบทมากขึ้น มีสมาธิกับการเป็นตัวละครมากขึ้น แล้วสมองมันจะทำงานน้อยลง เวลาเล่นปล่อยให้หัวใจทำงาน เสพความรู้สึกตรงหน้า มันเป็นสิ่งที่เราได้พัฒนาตัวเองมากขึ้นจากการทำงานเรื่องนี้”

เรื่องที่ 4 ของ “ฟิล์ม” และ “ใบเฟิร์น” ทำงานด้วยกันเรื่องนี้เป็นอย่างไร?

“ชิลมาก เราเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่แล้ว ไม่ต้องจูนอะไรเยอะเลย เราสนิทกันแบบไม่ต้องมากังวลว่าเราทำแบบนี้เฟิร์นจะรู้สึกว่าเราคุกคามมั้ย เราให้เกียรติเค้าอยู่แล้ว ไม่ต้องมากังวล ไม่ต้องห่วงว่าเฟิร์นจะคิดเยอะหรือจะรู้สึกแย่ เราสามารถทำในสิ่งที่ตัวละครอยากทำได้เต็มที่”

กับบทบาททั้งดราม่าลึกซึ้งหรือเลิฟซีนเราคุยกันก่อนมั้ย? “ไม่คุยครับ ไม่คุยจริงๆ มันเป็นความสนุกของการเล่นละครนะ พอเป็นเฟิร์นผมไม่คุยเลย เท่านี้เยอะไปมั้ยหรือยังไง ไม่คุยเพราะเรารู้ใจกันว่าเพื่อนเราไม่ได้คิดเยอะ เค้าเป็นมืออาชีพคนหนึ่ง พอคัตคือคัต ทำให้ผมสบายใจ เค้าก็สบายใจ”

ฉากเลิฟซีนถอดเสื้อก็กรี๊ดกร๊าดอยู่? “ก็คืนกำไรให้คนดูนิดหน่อย ตอนเล่นก็ชิล เฟิร์นก็คงไม่รู้สึกอะไรเวลาผมถอดเสื้อ”

เล่นกับใบเฟิร์นหลายเรื่องเห็นการเติบโตของเค้ายังไง? “เรียกว่าเห็นการเติบโตในชีวิตจริงของเค้ามากกว่าในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต เราเล่นด้วยกันเรื่องแรกประมาณ 7 ปีที่แล้วและมีต่อมาเรื่อยๆ ผมเลยพูดได้ว่าเฟิร์นเป็นเพื่อนสนิทของผมในวงการคนนึงเพราะเราอยู่ด้วยกันมานาน เวลาทำงานเค้าเป็นพาร์ตเนอร์ที่ผมไว้ใจ เชื่อใจ”

เล่นเรื่องนี้ได้มุมมองอะไรกลับมา?

“ที่ผมได้จากรัตติ ผมว่าความรักมันสวยงามนะ ความสุขเกิดได้เรียบง่ายอยู่ที่ใจเรายอมให้มันเกิดมั้ย”

เราแอบลุ้นกับกระแสตอบรับมั้ยเพราะเป็นละครเรื่องถัดมาจากเรื่องคุณชาย? “ไม่ลุ้นครับ ผมรู้สึกว่าผมทำงานของตัวเองออกมาดีที่สุดแล้ว มันไม่จำเป็นต้องมาคิดอะไรเยอะแยะ เพราะเราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทุกคนคาดหวังเรตติ้ง ผมเองก็อยากได้ แต่สิ่งที่อยากได้มากที่สุดคือคนดู ดูละครเรื่องนี้แล้วมีความสุข เรื่องนี้ตอนแรกที่เค้าติดต่อมา เป็นละครโรแมนติกคอมเมดี้ ไปๆมาๆเป็นดราม่าแอ็กชัน เรื่องนี้มีทุกอย่าง สิ่งที่ผมรู้สึกว่าละครรักนี้ต้องเจียระไนพิเศษกว่าเรื่องอื่นๆคือมันเป็นละครที่มีครบรสชาติ มันฟูลฟีลหัวใจคุณผู้ชมอย่างแน่นอน”

ปีนี้ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายอย่างที่เคยฝันไว้ ความรู้สึกเป็นอย่างไร?

“ความรู้สึกแรก ณ โมเมนต์นั้นคือเซอร์ไพรส์ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เพราะผู้เข้าชิงคนอื่นๆก็มีฝีมือมากๆ เก่งมากๆ แต่พอเราได้รางวัลแล้ว เราก็น้อมรับ มันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราสมควรได้รับจากการตั้งใจการทุ่มเทในการทำงานของเรา”

ฟินกับรางวัลมั้ย? “ก็ฟินนะกับโมเมนต์นั้น ณ วันนี้ก็ยังดีใจ แต่ก็ไม่ได้เอามาสร้างกรอบของตัวเอง ผมก็รู้สึกว่าผมคือนักแสดงคนนึงพอผมทำงานเรื่องใหม่ เราก็ต้องเริ่มทำงานจากศูนย์ใหม่ ไม่ได้มองว่าเรื่องนั้นทำให้เราได้รางวัล แล้วละครเรื่องอื่นเราจะได้รางวัลเหมือนเดิม เราก็ดีใจกับวันนั้นแต่เรายังมีงานอื่นที่เราต้องทำและเติบโตขึ้น เพราะถ้าเรายังอยู่กับความสำเร็จในปัจจุบันเราจะไม่มีทางเติบโตในอนาคต”

รู้สึกอย่างไรที่ 1 ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ได้รับความรักจากแฟนๆมากขึ้น มองเห็นความสามารถ?

“ก็ดีใจครับที่มีแฟนๆมากขึ้น มีคนรักเรามากขึ้น ก็ยิ้มเนอะเวลาที่ไปงานแล้วมีคนมารอเรา เห็นรอยยิ้มแฟนๆที่มองมาหาเรามากขึ้น”

ชีวิตเปลี่ยนไปมั้ยกับการวางตัวต่างๆหรือเป็นตัวอย่างให้คนเฝ้าดูเรา? “ในมุมมองผม ผมไม่รู้ว่าผมเป็นตัวอย่างให้ใครได้มั้ย แต่ว่าผมรู้สึกว่าผมเป็นตัวเองแบบไหนแล้วผมดี ชีวิตผมดี ผมมีความสุข ผมทำ ถ้าเค้ามองว่าสิ่งที่เราทำมันดี ตัวตนเรามันดี เดี๋ยวเค้าก็พยายามที่เอาไปแบบอย่างเอง รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้คนเข้าใจโลกมากขึ้น ดาราไม่ใช่เทวดา ทุกคนมีด้านขาวด้านดำ มีด้านดีและไม่ดี ดาราก็คือมนุษย์หนึ่งคน จงหยิบไปเฉพาะสิ่งที่ดี”

อายุแตะเลข 3 ปุ๊บ มองกราฟการทำงานของตัวเองที่ผ่านมาหลายซีซันที่ตั้งใจและทำให้มาถึงวันนี้แล้วรู้สึกยังไง? “มีความสุขครับ และก็คิดว่ายังคงอยู่ไปอีก เพราะเรามีความสุขกับการแสดงและการได้อยู่ตรงนี้ มันแฮปปี้ครับผมก็บอกไม่ถูกแต่มันแฮปปี้ มีความสุขที่ได้สร้างความสุข เป็นปีที่แฮปปี้กับการทำงาน คิวงานแน่นมั้ย แน่นมาก เป็นปีที่อายุ 30 ยังแจ๋ว คิดว่าตัวเองกำลังอร่อย (หัวเราะ) เป็นช่วงสั่งสมประสบการณ์มาได้ประมาณหนึ่งแล้ว”

ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเจอกระแสดราม่าต่างๆฟิล์มก็ผ่านมาได้หมด? “และผมก็จะผ่านไปให้ได้ครับ ถ้ามันเกิดขึ้น”

ชีวิตของฟิล์มช่วงนี้ทำงานหนักๆที่บ้านเป็นห่วงมั้ย? “ก็เป็นห่วงครับ แม่ก็รู้สึกว่าเราแก่ขึ้น เค้ามองว่าที่ผ่านมาเราเอาพลังงานชีวิตล่วงหน้ามาใช้เยอะแล้ว ที่ผ่านมาเราก็ป่วยบ่อย เข้าโรงพยาบาลแอดมิตบ่อยมาก 3 รอบแล้ว เปลี่ยนที่นอนบ่อย มันเหมือนเราใช้ร่างกายของอนาคต คุณแม่ห่วงเรื่องสุขภาพเป็นหลัก”

เคมีที่เข้ากันกับ “แจม–รชตะ” ในละครเรื่อง “คุณชาย” ทำให้คนรักเราทั้งคู่แบบสร้างปรากฏการณ์มันเปลี่ยนชีวิตเราไปแค่ไหน?

“เรียกว่าส่งเสริมดีกว่าไม่เรียกว่าเปลี่ยน เพราะชีวิตผมก็ยังเหมือนเดิม ผมก็ยังเป็นผมคนเดิม ผมทำผลงานละครออกมาให้คนดูมีความสุขนั่นคือตัวละคร ไม่ใช่ฟิล์ม-ธนภัทร ผมสร้างความสุขให้กับเค้าแต่ผมก็ต้องมีความสุขในฐานะฟิล์ม-ธนภัทร ด้วยไปพร้อมๆกัน”

เวลาที่คนอื่นชื่นชอบเราจากละครคุณชาย เรามีความกังวลบ้างมั้ยว่าบางทีเราอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่เค้าคาดหวัง? “ไม่นะ ผมคือผม ผมรู้สึกว่าผมขอบคุณที่รักในตัวละครเทียน-จิว แต่ได้โปรดรักในฟิล์ม-ธนภัทร และในแจม-รชตะ ที่เป็นตัวเราในแบบของเราด้วย ผมรู้สึกแบบนั้นนะ ที่คนอินจริง คนคิดไปนั่นไปโน่นจริง ผมไม่ได้รู้สึกแย่หรืออะไรเลย ผมรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่เค้าอินละครจนรักเราขนาดนี้ แต่ผมก็คือผม ฟิล์ม-ธนภัทร ที่ผมรู้ตัวเองว่าผมเป็นอะไร ผมเลยไม่ได้กังวลว่าคนจะคาดหวังกับเรายังไง คนจะคิดกับเรายังไง ผมไม่ได้คิดตรงนั้น ผมถึงบอกว่าศิลปินดาราก็คือมนุษย์คนนึง คนอาจจะมองเราเป็นแบบนึงแต่จริงๆเราก็แบบนี้ เราอาจจะไม่ใช่คนในอุดมคติ แต่เราคือเรา”

ณ วันนี้ “ฟิล์ม” ก็เป็นพระเอกรุ่นพี่ของน้องๆในช่อง ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้น้องๆเยอะมั้ย?

“ก็มีครับ มีน้องๆเข้ามาถามบ้าง ก็มีโอกาสได้แนะนำบ้างถ้าทำงานร่วมกัน”

แจม–รชตะ ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์ของเราก็ถือว่าเป็นน้องใหม่ เราแนะนำการอยู่ในวงการอย่างไร? “ก็ทุกๆอย่างนะ อะไรที่สามรารถถ่ายทอดให้ได้ ผมถ่ายทอดให้หมดเลย ทั้งการแสดง การใช้ชีวิต ผมก็ทำหน้าที่ของผมนะ ผมรู้สึกว่าครั้งหนึ่งเราเคยเป็นผู้รับ เราเคยเป็นคนที่ถูกดัน วันนึงที่เราเป็นคนที่ดันคนอื่นได้ เราก็จะทำ วันนึงที่เราสามารถทำให้ชีวิตคนหนึ่งดีได้ เราก็จะทำ แต่ผมได้แค่แนะนำส่งเสริม สุดท้ายแล้วคนคนนั้นจะไปได้ไกลแค่ไหนขึ้นอยู่กับตัวคนคนนั้นเอง”

เรียกว่ากับแจมก็แนะนำแบบไม่มีกั๊ก? “ถูกครับ จริงๆผมก็เป็นกับทุกคนนะไม่ใช่แค่แจม แต่ผมทำงานกับแจม ใช้เวลาด้วยกันเยอะ มีโอกาสพูดคุยกันเยอะเลยได้คุยกันบ่อย เป็นพาร์ตเนอร์ในการทำงานของผมและเป็นน้องที่สนิทในช่อง”

เตรียมมีผลงานกับ “แจม”? “ใช่ครับ มีซีรีส์กับแจมเรื่อง Laws of Attraction เป็นละครพล็อตใหม่แนวโมเดิร์น ต่างจากคุณชายเลย เป็นละคร Bromance กำลังจะเริ่มถ่ายทำครับ แฟนๆรอติดตามเลย”

ในวัย 30 ตอนนี้มุมมอง “ความรัก” เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไร?

“อยากเจอใครสักคนที่ขยันทำงาน มีเป้าหมายในชีวิตเหมือนกัน เข้าใจกันพอละ”

อีกอย่างต้องผ่านด่านแม่ด้วยรึเปล่า? “ใช่เลย ต้องรักแม่เราและทำให้แม่เรารักได้ด้วย”

ที่ผ่านมามีหลุดเข้าตาให้พิจารณามั้ย? “ไม่มี ยังไม่ใครสามารถผ่านคุณสมบัติได้ เราก็ตั้งไว้ก่อน (ยิ้ม) คือถ้าสมมติเรารักกัน เรารักเค้า แต่แม่ไม่รัก แล้วเราอยู่กับแม่ด้วย เราจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง สมมติวันนึงแต่งงานไป อยู่บ้านด้วยกันแต่ตีกันกับแม่ตลอดเวลาผมคงปวดหัวมาก เลยยังไม่มีใครผ่านเกณฑ์”

คิดจะลดเกณฑ์ลงมาหน่อยมั้ย? “ผมว่าเกณฑ์ของผมก็ไม่ได้เยอะนะ ผมไม่ได้มีสเปกหน้าตาอะไรเลยนะ” ณ

วันนี้มองว่าความรักสำคัญกับชีวิตมั้ย? “สำคัญครับ มนุษย์ขาดความรักไม่ได้ แต่จำเป็นต้องมีคู่มั้ย ท้ายที่สุดมันอยู่ที่คนมากกว่า มนุษย์ขาดความรักไม่ได้ แต่มนุษย์รักตัวเองได้ เราไม่จำเป็นต้องได้รับความรักจากคนอื่นเสมอไปแต่เราเริ่มจากการรักตัวเองก่อนได้ แล้วเราอาจจะมีความสุขกับการรักตัวเองก็พอแล้วก็ได้ วันนึงผมอาจจะไม่ได้มีคู่ก็ได้ อาจจะมีความสุขกับการอยู่คนเดียวก็ได้”

เป็นคนคลั่งรักแต่ตอนนี้ยังไม่มีใครให้คลั่ง ถ้ามีแฟนคงติดแฟนมาก? “คิดว่านะ ช่วงนี้แฟนครับยังไม่มาก็จะติดแฟนคลับเป็นพิเศษ”

ความสุขของการเป็นนักแสดงของฟิล์มวันนี้?

“คือการได้เล่นละครที่ผมเชื่อ ผมจะรู้สึกว่าถ้ามันเป็นบทละครที่เราอินเราเชื่อ เราจะมีความสุขมาก ยิ่งได้พาร์ตเนอร์ที่ดี เราจะมีความสุขมากขึ้นอีก”

ความเป็นนักแสดงอยู่ในสายเลือด? “เราก็คิดออกนะ ว่าถ้าไม่เป็นนักแสดงจะเป็นอะไร แต่การแสดงมันเป็นชีวิตผมไปแล้ว ส่วนงานปีนี้มีซีรีส์ และเตรียมมีแฟนมีตติ้งที่ต่างประเทศเป็นครั้งแรก แฟนๆต่างประเทศบินมาหาเราแล้ว เราก็จะบินไปหาบ้าง ก็คงเป็นอีกฟีลนึงที่เป็นความสุขอีกแบบ ผมคิดว่าไม่เตรียมตัวอะไรเลยคงเตรียมความสุขไปให้แฟนๆ ความเป็นนักแสดงอินไปในบทบาท กับการขึ้นโชว์บนเวทีมันไม่เหมือนกันเลย การแสดงใช้กล้องบันทึก เทก คัตได้ แต่การแสดงโชว์บนเวทีมันคือการแสดงสดๆ ไม่สามารถเอาใหม่ได้ ถามว่าตื่นเต้นมั้ย ถ้ามีโชว์เราก็แค่ต้องซ้อมโชว์ให้ดี แต่มากกว่านั้นก็คือเตรียมใจครับ”.

เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/novel/news/2697166
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/novel/news/2697166