แต่หนึ่งในสาขารางวัลที่ผู้ชมรอลุ้นผลกันมากที่สุด ก็คงไม่พ้นผู้ชนะด้านความเป็นเลิศทางการแสดงและในปีนี้สาขาที่ถูกมองว่าน่าจับตาอย่างยิ่งคือ “รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” ซึ่งผู้ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้าชิงรางวัลล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดฝีมือทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ จาก “ตัวละคร” ในภาพยนตร์ที่นักวิจารณ์และผู้ชมต่างก็การันตีในคุณภาพ ทั้งชายหนุ่มผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายกับการเดินทางเพื่อไถ่บาป, หนุ่มเพลย์บอยเจ้าของร้านเหล้าในนิวยอร์กที่มีอดีตอันแสนเจ็บปวด, ท่านขุนผู้หลงใหลในหญิงสาวที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพสตรีในความฝันของเขามาตลอดหลายปี, ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังที่กำลังเผชิญหน้ากับเหล่าตัวละครที่มีชีวิต หรือหนุ่มสุดท็อกซิกที่ยอมทุกอย่างเพื่อรักแท้ของตัวเอง

และแน่นอนว่างานนี้ ไทยรัฐออนไลน์ก็ไม่พลาดที่จะหยิบบทสัมภาษณ์จาก 5 นักแสดงชายผู้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ของงานสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 31 Season Change ไม่ว่าจะเป็น ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ นพรัตนยาภรณ์ (จากภาพยนตร์เรื่อง วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ), ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร (จากภาพยนตร์เรื่อง วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ), โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ (จากภาพยนตร์เรื่อง บุพเพสันนิวาส ๒), มาริโอ้ เมาเร่อ (จากภาพยนตร์เรื่อง มายาพิศวง) และ สกาย วงศ์รวี นทีธร (จากภาพยนตร์เรื่อง OMG! รักจังวะ..ผิดจังหวะ) ที่จะมาพูดคุยเล่าถึงเบื้องหลังความสำเร็จ และเคล็ดลับฝีมือที่ไม่มีใครเคยรู้

ชีวิตของคุณกับภาพยนตร์ได้โคจรมาพบกันตั้งแต่เมื่อไหร่

ไอซ์ซึ : น่าจะเพิ่งช่วงปลายปี 2019 นี่เองครับ เอาตรงๆ มันก็ใหม่สำหรับผมมากครับ

โป๊ป : ได้มาเจอกับภาพยนตร์จริงๆ คือตอนอายุ 23-24 ปีเลยครับ

ต่อ : น่าจะตอนอายุ 19 ปี ที่ได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ครับ เเต่ความจริงก่อนหน้านั้นเราก็เป็นคนที่ดูภาพยนตร์มาตลอด เเต่ความรู้สึกมันโคจรมาเจอกันจริงๆ ก็น่าจะเป็นตอนที่ตัวเองได้รับโอกาสมาเป็นคนเล่นครับ

มาริโอ้ : ตั้งแต่เรื่องรักแห่งสยามเลยครับ ถ้าย้อนไปก็ประมาณ 15 ปีที่แล้ว

สกาย : ผมจำได้คร่าวๆ ว่ามีโอกาสไปดูภาพยนตร์ครั้งแรกตอนอยู่จังหวัดระนอง ถ้าจำไม่ผิดเรื่องแรกที่ได้มีโอกาสชมคือแฟนฉัน แล้วหลังจากนั้นก็ชอบขอคุณพ่อคุณแม่ซื้อดีวีดีและวีซีดีมาดูซ้ำๆ จนเมื่อเวลาไปกรุงเทพฯ ผมก็จะชอบหาโอกาสไปโรงหนังตามห้างใหญ่ๆ เพราะได้ดูบนจอใหญ่ มันทำให้ดูสนุกกว่าและตื่นเต้นดีครับ

เคล็ดลับการทำงานของคุณในฐานะนักแสดงคืออะไรบ้าง

โป๊ป : อย่างแรกเลยคือ มันต้องมีความรักในการทำงานก่อน เเละข้อสองอันนี้สำคัญที่สุดรองลงมาจากความรักคือ การมีสมาธิมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานเละซื่อสัตย์กับงานครับ

ต่อ : ความขยันเลยครับ สำคัญที่สุด ผมเชื่อเสมอว่า ไม่ว่าเราจะเป็นคนเก่งหรือไม่ มันไม่เกี่ยวเลย เพราะถ้าเราขยันมากพอ สิ่งที่เราเคยคิดว่าเราทำไม่ได้ มันมักจะพาเราไปถึงเสมอครับ

ไอซ์ซึ : สำหรับผมมองว่า การแสดงมันคือการเอาใส่ใจและให้เวลาไปกับแต่ละบทบาทที่ได้รับอย่างเต็มที่ครับ

สกาย : ความรับผิดชอบในหน้าที่ครับ เพราะการเป็นนักแสดงที่ดีและสิ่งที่ต้องพึงมีคือ การมาให้ตรงเวลา ทำการบ้านมาให้พร้อม เตรียมสภาพร่างกายให้ฟิตอยู่เสมอ ทำให้ตัวเองมีข้อจำกัดน้อยที่สุด รวมถึงให้เกียรติทีมงานทุกตำแหน่งครับ

มาริโอ้ : หม่อมน้อยอาจารย์ผมสอนผมตั้งแต่ผมเริ่มมาเรียนรู้การเป็นนักแสดง หม่อมบอกว่าถ้าเราเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนก็จะเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราเห็นว่าไม่ศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์เลยที่เราทำกันอยู่ หมายถึงงานในวงการ การเป็นนักแสดง การเคารพงาน การที่เราเป็นนักแสดงที่ดีต้องเคารพในคาแรกเตอร์ในบทบาทที่เราได้รับแล้วซื่อสัตย์กับมัน หม่อมจะสอนเสมอว่าถ้าเราเชื่อ คนดูก็จะเชื่อ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราไม่เชื่อจะไม่มีใครเชื่อเราเลย มันเป็นความรักในการแสดง หม่อมสอนตลอด ผมไม่เคยลืม ผมไม่เคยมองว่าการแสดงของผมมัน ไม่มีค่า ผมรู้สึกว่ามีค่ามาก และมันทรงคุณค่ากับผมมากครับ

ตั้งแต่จุดเริ่มต้นและจุดสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้กับคุณ มันได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับคุณไปอย่างไรบ้าง

มาริโอ้ : มันเปลี่ยนสิ้นเชิงเลยครับ ตั้งแต่ผมเป็นนักแสดง ได้ทำงานในวงการ ผมรู้สึกว่ามันขัดเกลาเรา มันทำให้เราตั้งใจมากขึ้น เอาการเอางานมากขึ้น เรารู้สึกว่าเราโชคดีกว่าคนอื่นเยอะเลย เราก็ควรจะทำมันให้ดีต่อไป และมันยังสอนให้เรารู้ว่าบางวันชีวิตก็ไม่แน่นอน บางทีมีงาน จู่ๆ ก็หายไป อะไรที่เราไม่เคยได้เจอก็ได้เจอ ที่ไม่คิดว่าจะมีก็มี สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเห็นว่าไม่มีอะไรแน่นอน เราต้องลืมทุกอย่างที่เคยทำมา ผมก็เลยไม่ค่อยคิดถึงความสำเร็จในอดีต มันจะทำให้เรากังวล แล้วก็เอาจิตไปผูกกับมัน แต่ถ้าเราทิ้งไปหมดแล้วเริ่มใหม่ โฟกัสใหม่ เราก็จะทุ่มไปกับเรื่องใหม่อย่างเต็มที่ครับ

โป๊ป : มันทำให้มีคนรู้จักเรา เราจะต้องมีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น เราได้ช่วยเหลือคนอื่นและสังคมได้อย่างมากอย่างที่ไม่เคยคิดว่าเราจะทำได้

ต่อ : แน่นอนที่สุดคือ มันทำให้ผมได้รู้จักกับคำว่าแพสชันในชีวิตตัวเองจริงๆ ว่าผมชอบอะไร มันทำให้ผมรู้สึกว่าเราไม่เคยอยู่คนเดียวเลย ทุกๆ ผลงานที่เราตั้งใจทำมันมีทั้งทีมงานที่เราเชื่อใจ คนรอบตัวที่รักเรา แฟนๆ ของเรา รวมถึงคนเสพผลงานเราทุกคน เราเลยไม่พร้อมที่จะดูถูกใครเหล่านี้เลย มีเเต่อยากพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ

ไอซ์ซึ : เรียกว่าเปลี่ยนแปลงไปมากเลยครับ ทั้งในส่วนของประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้และเติบโตไปกับการแสดงในแต่ละบทบาท รวมไปถึงการที่อาชีพนี้ทำให้ได้ร่วมงานกับผู้คนทีมงานที่หลากหลาย ได้พบเจอกับคนที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน

“OMG! รักจังวะ..ผิดจังหวะ” คือผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของคุณ มันท้าทายและเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปอย่างไรบ้าง

สกาย : หนึ่งในความฝันของการเป็นนักแสดงของผมก็คือการได้เล่นหนัง ซึ่งจริงๆ เรารู้จักหนังมาก่อนซีรีส์เสียอีก แต่แค่ช่วงหลังกระแสซีรีส์มาแรง เคยมีคนมาถามว่าเล่นหนังทำไม สมัยนี้เล่นซีรีส์น่าจะคุ้มค่าในเชิงผลลัพธ์มากกว่านะ แต่เสน่ห์ของหนังกับซีรีส์มันคนละแบบกันในมุมของผม จนในที่สุด OMG! รักจังวะ..ผิดจังหวะ เป็นภาพยนตร์ที่เปิดประตูให้มีโอกาสกระโจนมาสู่วงการหนัง รู้สึกว่าทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่สุดตั้งแต่เคยออกกองมาเลย อาจจะเพราะทุกคนได้ทำหนังเป็นเรื่องแรก เลยเหมือนเรียนรู้ไปด้วยกัน ไม่ใช่แค่ทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน แต่ถ้าใครเห็นข้อผิดพลาดส่วนไหนก็จะช่วยทัก แก้ไขทันที เป็นกองที่ตั้งใจทำงานกันทั้งทีมงานและนักแสดงครับ

คุณคิดว่าจุดสูงสุดในอาชีพนักแสดงคืออะไร

ต่อ : ผมคิดว่าไม่มีนะ เพราะผมมองว่ามันเป็นศิลปะมากๆ และมันก็ดูเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ว่าเค้าวางเป้าหมายชีวิตตัวเองไว้ยังไง แต่ส่วนตัวผม วันที่อาชีพนี้พาไปถึงเป้าชีวิตผมก็คงสูงสุดสำหรับผมแล้วครับ

มาริโอ้ : บางคนอาจจะมองว่าจุดสูงสุดของนักแสดงคือการได้รางวัลการันตี แต่สำหรับผมไม่ได้มองที่รางวัล เรื่องรางวัลก็เป็นจุดสูงสุดของการที่เราเป็นนักแสดง หรือการที่เราทำอาชีพอะไรก็ตามแล้วได้รางวัล มาจากคณะกรรมการหรือผลโหวตอะไรก็ตาม สำหรับโอ้คือกำลังใจในการทำงานมากกว่า เพราะนั่นหมายถึงเราทำแล้วมีคนเห็น สิ่งที่เราทำมันเอฟเฟกต์กับคนที่เราอยากให้ไปถึงแล้วมันไปถึงจริงๆ เขาชอบเขาติดตาม แค่นี้ผมพอใจแล้ว

สกาย : ในฐานะนักแสดง ณ ตอนนี้ รู้สึกว่ามันมักจะมีกำแพงความท้าทายอีกเป็นร้อยเป็นพันให้เราทลายอยู่เรื่อยๆ คิดว่าไม่มีจุดสูงสุดครับ น่าจะมีแค่อายุที่สูงขึ้นเรื่อยๆ (หัวเราะ)

ไอซ์ซึ : ผมเองก็ไม่รู้ว่าจุดสูงสุดมันคืออะไรนะ แต่ผมมองว่ามันคือการที่ได้มีความรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ได้ทำ และน้อมรับเสียงวิจารณ์เพื่อปรับปรุงการแสดงในแต่ละงานครับ

โป๊ป : “สั้นๆ เลยครับ คือการทำให้คนดูเชื่อในตัวละครที่เราเเสดงถ่ายทอดออกไปว่า เราคือคนคนนั้นจริงๆ

คุณมีอะไรอยากบอกกับคนรุ่นใหม่ที่ฝันอยากขึ้นมาเป็นนักแสดงบ้าง
โป๊ป : ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ชื่อเสียง เงินทอง เราจะต้องรักในงานนั้นจริงๆ ศึกษามันจริงๆ อดทนกับมันจริงๆ เเล้วทำมันจริงๆ เเน่วเเน่ ไม่โอนเอนไปกับสิ่งรอบตัว เเละที่สำคัญต้องเป็นคนดีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ต่อ : ถ้าชัวร์ว่าชอบมัน รักมันจริงๆ อย่ายอมแพ้ ไม่ว่าอะไรก็ตาม ขอให้ใส่สุดในทุกๆ โอกาส เเละขอให้อย่าเสียใจทีหลังกับสิ่งที่เราเลือกครับ

มาริโอ้ : ถ้าเราชอบอะไรหรือรักอะไรก็ตามที่มันเป็นสิ่งที่ดีก็ทำมันต่อไปครับ ความยากและความกดดันทุกอย่างมันจะทำให้เราค่อยๆ โตขึ้นเพราะเราไม่ได้เก่งมาตั้งแต่วันแรก และใครที่กำลังเหนื่อยหรือท้อกับบางสิ่ง คิดว่าทำไมชีวิตมันถึงลำบากก็ขอให้สู้กันต่อไปเพราะมันจะมีวันที่ดีกว่าอยู่แน่นอน วันแรกๆ อาจจะท้อแต่ก็ต้องสู้ต่อไป อย่าเพิ่งยอมแพ้ให้กับมันนะครับ

สกาย : ถ้ามีโอกาสก็ให้คว้าไว้ ทุกโอกาสมีค่า มีหลายๆ อย่างในอาชีพการเป็นนักแสดงที่ผมรู้สึกว่าตอนเข้าวงการมาใหม่ๆ เราปฏิเสธโอกาสไปเยอะ ซึ่งถ้าได้ลอง มันอาจจะทำให้เราเจอมุมมองใหม่ๆ ได้เร็วกว่านี้ ใช้โอกาส และลองผิดลองถูกให้เต็มที่

ไอซ์ซึ : ขอให้ได้ทำอย่างที่ฝันไว้ ตัวผมเฝ้ารอติดตามชมผลงานของพวกคุณอยู่ครับ

ใครจะเป็นผู้คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมบนเวทีสุพรรณหงส์ครั้งที่ 31 Season Change ประจำปี 2565 ไปได้ ร่วมลุ้นกันได้ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ทางสถานีหลัก ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ช่องทรูอินไซด์ (ช่อง 335, 113, 38) และชมออนไลน์ทาง TrueVisions NOW รวมถึงแอปพลิเคชันส์ ทรูไอดี