เอ ศุภชัย เผยทำละครขาดทุน 25 ล้าน ไม่แปลกใจ อั้ม ได้ค่าสัญญาปีละ 20 ล้าน


ให้คะแนน


แชร์

เป็นทั้งผู้จัดการดารา และผู้จัดละครมากฝีมือ สำหรับ เอ ศุภชัย อย่างละครเรื่องล่าสุด แม่เบี้ย ที่เพิ่งออนแอร์จบไปได้ไม่นาน ก็ถูกเป็นที่พูดถึงอย่างมาก ในความภาพสวยซีจีเสมือนจริง ซึ่ง เอ ได้เปิดเผยว่า ละครเรื่องนี้ขาดทุนไปกว่า 25 ล้านเลยทีเดียว เพราะทุ่มทุนสุดๆ ในการทำซีจี เสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้ ตอนนี้เตรียมขึ้นละครเรื่องใหม่แล้ว อยากได้ อั้ม พัชราภา มาร่วมงาน พร้อมสู้ค่าตัวเต็มที่ แต่ยังไม่กล้าเอ่ยปากชวนแบบจริงจัง 

นอกจากนี้ พี่เอ ยังได้พูดถึงประเด็นที่ อั้ม ได้เงินค่าตัวจากช่อง 7 ปีละ 20 ล้าน บอกว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่มองว่าสมเหตุสมผล เพราะ อั้ม อยู่ที่นี่มานาน และไม่ไปไหน ถ้าตนเองเป็นเจ้าของบริษัท ก็จะให้แบบนี้เช่นกัน

เรื่องละครที่เรารอ อั้ม พัชราภา กลับมาแล้ว ที่ผ่านมาก็ค่อนข้างเจ็บตัวเยอะ?

“ต้องบอกก่อนว่าเรื่อง เสน่ห์นาง พี่เอตั้งใจมากๆ เลย คือบทอ่านครบด้วยตัวเองแล้วนะคะ ตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 14 แล้ว ละครมีทั้งหมด 15 ตอน นั่งอ่านกับคนเขียนบทสองวันสามวัน ไปฮ่องกงเกาหลีก็เอาไปอ่าน เลยตั้งใจ คือจากประสบการณ์จากที่เราขาดทุนไปหลายล้าน จากเรื่องแม่เบี้ย ตอนนี้ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ที่ทำให้เราต้องระมัดระวัง ควบคุมงบการทำงานมากขึ้น

เลยต้องแยกซีนเอง นั่งแยกโลเคชันเอง คิดคอสตูมเอง นั่งคำนวณว่าถ้าขนาดนี้ ซีจีจะขนาดไหน เพราะเรื่องแม่เบี้ยซีจีมาแค่งู แต่เรื่องใหม่มีทั้งแมงมุม ทั้งงู ตะขาบ มีทุกอย่าง พี่เลยนั่งเกาหัวอยู่ค่ะ ว่าจะทำยังไงดีให้มันเซฟเงินมากที่สุด ที่ขาดทุนน้อยที่สุด แต่ก็ต้องขาดทุน แต่ไม่เป็นไรอยากให้ทุกคนได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุด”

ตอนแม่เบี้ยมันขาดทุนประมาณเท่าไร?

“น่าจะ 25 ล้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะพี่ทำซีจีเยอะกว่าที่เขามอบหมาย เพราะพี่เสียชื่อไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ค่ะ เหมือนที่บอกทุกคน งูเหมือนตุ๊กแกพอไปแก้ งูเหมือนอนาคอนดา”

จากเรื่องนั้นที่เสียไป 25 ล้าน มันรู้สึกยังไงบ้าง?

“ไม่รู้สึกอะไรเลย ดีใจที่คนดูได้รางวัลไปจากเรา คือเป็นรางวัลให้คนดู เพราะถ้าไม่มีคนดูในวันนี้ พี่เอก็เป็นพี่เอที่ทุกคนชื่นชมไม่ได้ เพราะอย่างงั้นเป็นรางวัลให้คนดู เขาได้ดูหนังที่ผู้จัดทุ่มสุดตัวสุดใจ”

25 ล้านเรากลับไปดูไหม มันบานปลายตรงไหน?

“ก็ซีจีนี่แหละค่ะ (หัวเราะ) เรื่องใหม่นี้ก็ซีจีค่ะ ตอนแรกเรารอดแล้ว นึกว่าไม่มี แต่ด้วยการที่เราชอบดูหนังจีนเยอะ เราเลยบอกคนเขียนบทว่า เนี่ย ใส่เต็มที่เลย ฉันชอบปล่อยพลัง ปล่อยใยไหม คนเขียนเลยใส่มาจัดเต็ม มานั่งคิดให้ผู้กำกับฯ คนทำซีจีคุยกันว่ามีวิธีไหนบ้าง บางอันที่ไม่ต้องใช้ซีจี แต่ใช้แอ็กติ้งเล่นแทน”

เรื่องนี้ตั้งงบไว้เท่าไร?

“ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งเป้าตัวเลขเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะเดี๋ยวหมดกำลังใจในการทำงาน ตอนนี้เลยทำงานอย่างเดียวไปก่อน ดูผู้กำกับฯ นักแสดง ซีน โลเคชัน ทำเองหมดเลย แต่ทำเองในที่นี้ก็คือนั่งแยกซีน แล้วเดี๋ยวเอาคนที่เป็นธุรกิจกองมานั่งคุยกัน แล้วก็คนที่ทำงานหลายๆ คน”

อะไรที่อยากทำให้กลับมาเป็นผู้จัดอีกครั้ง หลังจากเจ็บตัวมาแล้ว?

“คือพี่เอคิดแบบนี้ พี่เอได้กำไรจากคนดู คือสิ่งที่พี่เอมีอาชีพเป็น เอ ศุภชัย ได้ทุกวันนี้ พี่เอเลยรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นที่พี่เอตอบแทนไป มันก็คือเป็นกำไรที่เขามอบความเชื่อใจให้กับพี่เอ พี่เอเลยเต็มที่กับการทำงานทุกๆอย่าง ไม่รู้สึกว่าขาดทุน รู้สึกที่ดีใจที่เขาได้สิ่งดีที่สุดของพี่เอกลับไป”

โปรเจกต์ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว?

“ตอนนี้พี่เออ่านบทเกือบครบแล้วค่ะ เหลืออย่างเดียวคือแคสติ้งนักแสดงค่ะ อันนี้ขอรอเวลานิดนึง คือพูดตรงๆ ตอนนี้นักแสดงที่คิดไว้ยังอยู่ในใจเรา แต่เรายังไม่ได้เคาะอะไรเลย”

หลายคนมองว่าจะต้องตื๊ออั้มมาเล่นให้ได้เลย?

“(หัวเราะ) พี่เอไม่บังอาจ อยู่ที่ความกรุณาของพี่อั้มจริงๆ”

มีการส่งบท 15 ตอนไปให้อั้มได้อ่านหรือยัง?

“บทอยู่ในมือแม่พี่อั้มเรียบร้อยแล้วค่ะ แม่พี่อั้มก็เชียร์เรียบร้อย”

เขาว่ายังไง?

“พี่อั้มยังเฉยๆ (หัวเราะ) ก็คือพูดตรงๆ พี่เอคุยกับพี่อั้มครั้งสุดท้ายตอนต่อหน้าสื่อ ที่พี่เออ้อนพี่อั้มต่อหน้าสื่อแล้วแกตอบปฏิเสธ หลังจากนั้นพี่เอยังไม่ได้ง้ออีกรอบเลย พี่เอต้องดูเวลาหน่อย เพราะช่วงนี้พี่อั้มคงมีเรื่องหลายเรื่องให้คิด”

ทำไมถึงยังอยากร่วมงานกับอั้มในฐานะผู้จัดแล้วเขาเป็นนักแสดง?

“ใช่ พี่เอก็คิดเหมือนกันว่าทำไมรอพี่อั้ม พี่เอก็คิดว่าทำไมพี่อั้มเล่นของคนอื่นได้ แต่ทำไมไม่มาเล่นของพี่เอสักเรื่อง แค่นี้เองค่ะ (ยิ้ม) แล้วพี่เอก็ไม่รู้ว่าพี่เอจะทำละครอีกกี่เรื่อง เหมือนกับไม่รู้ว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายของพี่เอหรือเปล่า พี่เอก็ยังไม่รู้ พี่เอก็อยากได้คนที่พี่เอรักมากๆ มาอยู่กับพี่เอ อาจจะอยู่กันแล้วทะเลาะกันบ้าง หรืออะไรกันบ้าง แต่พี่เอว่าเราได้อยู่ด้วยกัน”

หลายคนมองว่าเราก็สู้เรื่องค่าตัว อันนี้หนักใจแค่ไหน?

“ไม่หนักใจเลยค่ะ ขอให้เขาเล่นก็พอ (หัวเราะ) ค่าตัวช่องจ่าย (หัวเราะ)”

คนก็แซวว่าเราต้องทุ่มเยอะๆ เขาถึงจะยอมเล่น เราหนักใจตรงนี้ยังไงบ้าง?

“ไม่จริง พี่อั้มเองเขาก็ไม่อยากให้พี่เอขาดทุนหรอกค่ะ (ยิ้ม) แกเอ็นดู แต่แกก็เหมือนตอนนี้ยังเหนื่อยกับเรื่อง ลมพัดผ่านดาว ที่กำลังจะออนแอร์ แกคงอยากให้พี่เอโฟกัสงานที่กำลังจะออกก่อนค่ะ แล้วเรื่องต่อไปว่ากันอีกทีนึง ยังไงก็แล้วแต่ พี่เอก็ตั้งใจทำเต็มที่ทั้งบทและทุกอย่าง”

กับเรื่องข่าวค่าตัวพี่อั้มกับช่อง 7 ให้ปีละ 20 ล้าน เรารู้สึกยังไง?

“อันนั้นพี่เอไม่ทราบรายละเอียด เพราะพี่อั้มรับตรง (หัวเราะ) พี่อั้มเป็นผู้จัดการพี่เอ แล้วพี่เอไม่รู้เรื่องเลยค่ะ (หัวเราะ)”

เราตกใจกับข่าวที่ออกมาไหม?

“ได้ฟังครั้งแรกก็อยากได้ส่วนแบ่งเลยเนี่ย (หัวเราะ) อยากได้ส่วนแบ่งเอามาทำละครเลย (หัวเราะ)”

คิดว่ามันเป็นไปได้ไหมกับตัวเลขนี้?

“ยังไม่ทราบเหมือนกันเลยค่ะ (ยิ้ม) ก็อยากให้พี่อั้มได้เยอะๆ เพราะพี่อั้มตั้งใจทำทุกอาชีพทุกหน้าที่ พี่เอว่ามันก็ไม่ได้แปลกเลย เพราะพี่อั้มอยู่ช่อง 7 มานานมาก แล้วก็รักในความเป็นนางเอกช่อง 7 ไม่ไปไหน พี่ว่ากับความเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นบริษัทพี่เอก็ให้แบบนี้เหมือนกัน”

เราเปิด A Entertainment ได้ชวน อั้ม มาร่วมหุ้นด้วยมั้ย?

“เดี๋ยวอนาคตต้องไปคุยกับแกค่ะ ว่ามีอะไรช่วยกันได้บ้าง หรือว่าถ้าได้กำไรเอาเงินไปให้แกง่ายกว่ามั้ยคะ (หัวเราะ) พี่ว่าอันนั้นง่ายกว่าค่ะ”

สุดท้ายฝากในฐานะที่เราเป็น CEO A Entertainment การกลับมาของเราครึ่งปีหลังมันจะปังแค่ไหน? 

“เราเป็นคนที่อยู่ในวงการนี้มานานแสนนานจริงๆ ถึงเวลาแล้วที่เราจะเปิดเป็นบริษัท เป็น A Entertainment ของเราจริงๆ จากเมื่อก่อนเวลาเราพาเด็กเราไปฝากช่องโน้นช่องนี้ แต่วันนี้พี่เอก็รู้สึกว่าเราสามารถทำได้อยู่ในมือของเรา ก็คือโซเชียลที่เป็นอีกสื่อหนึ่งที่ช่วยทำให้คนรู้จักเด็กเราก่อน

พอวันหนึ่งคนรู้จัก เราก็สามารถพาไปช่องใหญ่ ให้ช่องใหญ่เขาเบากำลังในการปั้น อาจจะได้คนที่มีคนรู้จักแล้วไปเล่นเลย ให้คนได้รู้จักก่อนเหมือนเป็นตัวนำทาง นำร่อง ต่อไปเวลาไปเล่นก็รู้จักว่า คนนี้ร้องเพลงได้ เขาก็รู้ความสามารถของเด็ก เหมือนเขาเอ็นดูอยู่ในใจแล้ว อยากให้มันเป็นแบบนั้นในสิ่งที่คาดหวัง แต่ความสำเร็จจริงๆ อยู่ที่เหตุการณ์และเวลามาเป็นตัวตัดสินค่ะ”

หนักใจมั้ย มีหลายบริษัทที่มีเด็กในสังกัดเยอะ การแข่งขันสูง?

“พี่เอไม่หนักใจเลย เพราะว่าเรามีหลายธุรกิจ เราสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ธุรกิจให้มันเป็นตัวเงินได้หมดทุกธุรกิจเลย ถ้าเราไม่หยุดนิ่ง บางทีคนที่เขาตกงานหรือว่างงาน บางทีเรานั่งคิดแค่เส้นทางเส้นเดียวที่เรามอง แต่จริงๆ พี่เอพูดอยู่เสมอว่า ถนนเข้าสู่กรุงโรมมันมีอยู่เป็นร้อยสาย อยู่ที่ตัวคุณจะไปสายไหน

แต่ถ้าคุณมองแค่ถนนสายเดียวเข้าสู่วงการบันเทิง แล้วหาเงินสายนี้สายเดียว พี่เอว่ามันก็อาจจะลำบาก แต่ถ้ามองเหมือนพี่เอ ไปเปิดร้านอาหารบ้าง ไปเปิดแบรนด์สินค้า ถ้าคุณทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด ให้มันเป็นตัวจริง พี่เอว่ายังไงทุกคนก็ยอมรับในสิ่งนี้ได้ค่ะ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/celeb/2718707
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/celeb/2718707