เปิดใจครั้งแรก แหม่ม วิชุดา หลังโพสต์แซะ หน้าอย่างหลังอย่าง รับเรดาร์จับสตอพัง
นางร้ายมากความสามารถ อย่าง แหม่ม วิชุดา ที่วันนี้จะมาเคลียร์ดราม่าครั้งแรก หลังโพสต์ข้อความหน้าอย่าง หลังอย่าง พร้อมชวน กิ๊ก มยุริญ มาเปิดความสนิทขั้นสุด ผ่านทางรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง One 31 ที่มี หนิง ปณิตา และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
คุณไปลงอะไรในสตอรี่?
แหม่ม : เพื่อนเปิดมาเราก็ต้องต่อเพื่อนนิดนึง
คุณนุ๊ก สุทธิดา?
แหม่ม : ใช่ค่ะ แต่จำไม่ได้ว่าเขาเปิดว่าอะไร หน้าอย่าง หลังอย่าง
อีโมจิเป็นรูปเท้าด้วยนะ?
แหม่ม : อยากมอบให้

หน้าอย่าง หลังอย่าง พี่เจอมาเยอะ แล้วน้องเจอบ้างไหม คืออะไร?
แหม่ม : ก็คนหน้าอย่างหลังอย่างไง แต่สกิลของคนหน้าอย่างหลังอย่างที่พี่เจอ มันไม่ใช่แค่สมมติว่าไม่ใช่แค่เจอแล้วเอาเราไปนินทา แล้วต่อหน้าเรามาทำดี สกิลของเขาคือกุเรื่อง สร้างเรื่องให้เราเป็นคนชั่ว ถ้าสมมติเล่าให้เป็กกี้ฟังก็จะบอกไม่เห็นแรงเลย ก็จะเพิ่มปริมาณความแรงจนเป็กกี้เกลียดพี่ได้ แล้ววีรกรรมมันมีหลาย EP. มาก ต้องบอกก่อนว่าพื้นฐานของคนคนนี้เขาเป็นคนชอบทำให้คนตีกัน โดยที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันเลย ไปคุยกับคนที่หัวอ่อนๆ หน่อย อย่างแบบ หนิงไม่เคยมีเรื่องอะไรกับพี่นะ แต่เคยเจอกันทั่วไป สามารถพูดจนหนิงเกลียดพี่ได้
เพื่ออะไรอะ?
แหม่ม : ไม่รู้ แล้วพี่ก็ไม่รู้เรื่องเลย พี่รู้จักมาเกือบ 10 ปี ไม่รู้เลยว่าตัวเองโดนแบบนั้น คือเรดาร์จับสตอมันพัง
แล้วไปเกี่ยวอะไรกับพี่นุ๊ก?
แหม่ม : พี่นุ๊กก็โดน แต่พี่นุ๊กเขาจะเป็นลักษณะอีกแบบ เดี๋ยวให้พี่นุ๊กมาเล่าเองนะ
ของพี่แหม่มเจอยังไงบ้าง?
แหม่ม : ยกตัวอย่างเอาเรื่องที่แรงๆ หน่อยก็ไปกุข่าวว่าพี่เป็นชู้กับเพื่อนสนิทแฟนพี่อย่างนี้ แล้วพี่ก็ทักไปถามว่าพูดอย่างนี้จริงเหรอ เขาบอกว่าเขาไม่ได้ใช้คำว่าเป็นชู้ แต่ว่ามันเป็นการกัดแซวเล่น แต่รายละเอียดขอไม่ลงดีเทลนะคะ เฮ้ย…ต้องลงดีเทล
คนในวงการบันเทิงไหม?
แหม่ม : ไม่ใช่คนในวงการบันเทิง แต่ชอบใช้ชีวิตอยู่กับคนในวงการบันเทิง ไม่ใช่ผู้จัดการดารา ไม่ใช่คนประสานงาน ไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงเลย
กว่าพี่แหม่มจะรู้ตัว คบเขามากี่ปีแล้ว?
แหม่ม : เกือบ 10 ปี พี่มีความเหม่งๆ นิดนึง สมมติเขาเจอหนิง เขาจะเข้าไปหาหนิง สวัสดีน่ารักแล้วชอบไปคอมเมนต์ในไอจีหนิง sis เลิฟจังเลย แต่คือด่าหนิงให้พี่ฟังยับอย่างนี้ แล้วพี่ก็เอ๊ะ…ทำไมตอนเจอหนิงแล้วเขาดีกับหนิงวะ แล้วเขาเกลียดหนิงได้ขนาดนั้น พี่ก็เริ่ม…กูจะโดนไหมเนี่ย อันนี้แรง มันหลายเรื่อง เรื่องมันเยอะจริงๆ
กิ๊ก : ใช่คนเดิม คนนั้นไหม
แหม่ม : พยักหน้า

พี่กิ๊กรู้ด้วย?
กิ๊ก : รู้ค่ะ
แหม่ม : เวลามีทีก็ไปคุยกับพี่กิ๊กทำให้เราเย็นลง บางทีเรื่องมันแรง มันไม่ไหว แล้วเขาอะ สมมติพูดให้หนิงเกลียดพี่แล้ว แล้วคิดว่าพี่กับหนิงไม่มีทางคุยกันแน่ แล้ววันนึงทุกคนมาคุยกัน แล้วความแตกรู้ทุกอย่าง แล้วทุกคนที่เขาเอามาด่าเละๆ เนี่ย คือตอนนั้นคนฟังก็หูเบา คนเล่าก็ปากหมา เราก็หูเบาก็ฟัง แล้วเชื่อแบบไม่โอเคกับเป็กกี้เหมือนกันนะ แต่แปลกเวลาเจอเป็กกี้พี่ก็ประมาณนึง ไอนี่เข้าไปกอดเป็กกี้ เอ้า…เดี๋ยวสิให้กูเกลียดอยู่คนเดียวได้ยังไง มึงด่าเขาเละขนาดนี้ กูเกลียดเพราะมึงนะ นึกออกปะ แบบนี้เยอะมาก ก็เลยเอะใจ
ได้บอกเขาตรงๆ ไหม?
แหม่ม : บอก เขาก็แกล้งบล็อกไลน์ แต่มันเช็กได้ไงว่าบล็อกหรือไม่บล็อกหรืออีกอันที่แบบชั่วมากคือ สมมติเขาชวนพี่ทำธุรกิจ อยู่ดีๆ ไลน์ออฟฟิเชียลพี่หายไปเลย หาไม่เจอ ลูกค้าสั่งของไม่ได้ พี่ก็ไปเช็กจนรู้มาว่ามีหนึ่งในแอดมินลบไลน์ออฟฟิเชียล ลบบัญชีไปเลย เฮ้ย..มันพังนะ มันเรื่องธุรกิจ พี่ก็ลงเฟซบุ๊กว่าพี่เช็กได้เรื่องนี้มีผลตามกฎหมายว่าใครเป็นคนทำ ถึงค่อยส่งข้อความมาขอโทษ บอกไม่ได้ตั้งใจทำ แต่พี่มารู้ทีหลังไปพูดกับคนอื่นว่าตั้งใจแกล้ง คือเวลาที่เขาจะติดตัวใคร หรือเขาจะทำให้ใครเชื่อ เขาจะติดตัวจนเราไม่มีโอกาสได้คิดเลย พี่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน คนอื่นเตือนพี่ พี่ไม่ฟังเลย แล้วพี่ไม่เชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนแบบแย่ได้ขนาดนี้ แล้วทุกวันนี้คนที่เขาคบอยู่ก็โดนด่าเละทุกคน แต่เราจะไปเตือนเขา เขาไม่ฟังนะ เพราะเขาแก้ตัวเก่ง
กรณีแบบนี้จัดการยังไงดี?
กิ๊ก : พี่ว่าเราต้องใช้ทางธรรมนำก่อน อย่างน้อยแหม่มเขาจะเห็นระบบกรรมทำงาน สุดท้ายเขาว่าคนอื่น เขามีความสุขกับการเห็นคนอื่นแตกแยก สุดท้ายเขามีความสุขไหม ตัวเขาแน่ๆ ไม่มีความสุข เพราะคนที่อยู่รอบข้าง พอมารู้ก็ไม่มีใครคบเขาจริงไหม ระบบกรรมมันใช้เวลา มันไม่ใช่ทำปุ๊บแล้วมันเห็นทันที แต่เมื่อเขาเปิดช่องให้อกุศลส่งผล คือทำไม่ดีมากๆ ไปยุแยง การทำบาปด้วยวาจามันหนักนะคะ อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ การที่ทำให้คนแตกแยก เพ้อเจ้อ พูดโกหกต่างๆ มันเป็นกรรมทางวาจาที่เป็นกรรมหนัก เพราะมันทำให้คนขาดความรัก ความสามัคคีกัน สิ่งนี้มันจะมีผลกระทบค่อนข้างเร็วแล้วก็รุนแรง แต่มันใช้เวลา
แหม่ม : ชีวิตมันค่อยๆ พังไปเรื่อยๆ จริงนะ เวลาคุยกับพี่กิ๊ก พี่กิ๊กจะไม่พูดว่าแหม่มปล่อยเขาไปเถอะ ปล่อยวาง พี่กิ๊กจะไม่อะไรแบบนี้ พี่กิ๊กจะใช้คำนี้พูด พอฟังแล้วมันปลดล็อก แล้วเรารู้สึกว่าโอเคยังไงวันนึงมันก็ต้องมีแล้วมันเป็นอย่างที่พี่กิ๊กพูดจริงๆ

พี่แหม่มคิดว่า ณ ตอนนี้เขารู้ตัวหรือยังว่าหน้ากากเขากำลังจะถูกฉีกออก?
แหม่ม : ถ้าสมมติว่าถูกฉีกจากกลุ่มนี้เขาก็จะเปลี่ยนกลุ่ม ไปเป็นแบบนี้กับคนอื่นต่อ
กิ๊ก : ถ้าใช่คนนี้พี่ไม่รู้จักเขา แต่พี่ฟังจากที่แหม่มพูด พี่บอกเลยว่าคนคนนี้ปัจจุบันเขาก็ไม่ได้มีความสุข ชีวิตครอบครัวเขาก็ไม่สมบูรณ์
ถ้าเขาดูอยู่อยากบอกอะไรเขา?
กิ๊ก : พี่มั่นใจว่าคนเราจะอยู่ร่วมกันได้ มันจะต้องมีความรัก มีความจริงใจ มีความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน หากเราทำสิ่งเหล่านี้ผลที่เราได้รับการตอบสนองก็จะมีแต่คนรักเมตตา ปรารถนาดีกับเรา สิ่งที่น้องทำอยู่ หากน้องรู้ว่าเป็นตัวเอง พี่ก็ไม่อยากให้น้องทำต่อไป เพราะพี่บอกเลยว่ากฎแห่งการกระทำ ยุติธรรม เสมอ หนูทำอะไร หนูต้องได้รับผลแบบนั้น แต่หากรู้ว่าไม่ดี เราลด ละ เลิก ตั้งเจตนาที่จะปรับปรุงตัวเองอันนี้เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญและน่ายกย่องมากๆ
แหม่ม : พี่ไม่รู้จะบอกอะไร คือเขาเป็นเกลือเกินแกงมากแล้ว ไม่มีอะไรจะพูดกับเขา ตอนนี้พี่ปล่อยมากแล้ว ก่อนหน้านี้อยากจะไปหาถึงบ้าน
กิ๊ก : พี่จะบอกแหม่มว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร แต่ถ้าเราให้อโหสิเขาอย่างแท้จริง เราก็จะปล่อยวางจากเขาไปเลย เขาก็จะเป็นคนไม่ดีของเขาต่อไป แต่เราหลุดจากเขามาแล้ว เพราะฉะนั้น โกรธ เกลียดใคร ต้องยิ่งเมตตาเขา ให้อภัยเขา ไม่โกรธเขา ไม่เกลียดเขาคือการให้อภัยตัวเอง ทำให้ตัวเองหลุดจากเขามา เราจะได้ไม่ต้องมาเกิดแล้ววนมาเจอเขาอีก ยิ่งไม่ชอบใคร ยิ่งต้องให้อภัยให้ได้จริงๆ จากใจของเรา

ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2726771
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2726771