ชาคริต ชีวิตเปลี่ยนตั้งแต่มีลูก เผยจุดที่ทำให้รัก แอน ภัททิรา มากขึ้นทุกวัน


ให้คะแนน


แชร์

นักแสดงชื่อดัง ชาคริต แย้มนาม ควงแขนภรรยา แอน ภัททิรา และ ลูกชายสุดที่รัก น้องโพธิ์ เปิดใจในรายการ WOODY INTERVIEW อัปเดตชีวิตครอบครัว หลังชีวิตเปลี่ยนเป็นคนละคนเพราะมีลูก จากเคยใช้ชีวิตลุยๆ อยู่ๆ ก็กลัวตายถึงขั้นเป็นแพนิก ตอบชัดพร้อมมีลูกคนที่ 2 หรือไม่ 

วู้ดดี้ รู้จักกับ ชาคริต มา 20 กว่าปีและเห็นทุกช่วงของชีวิต แต่ว่าตอนที่ได้มีโอกาสแต่งงาน เราก็ไม่ได้เจอกันแบบเป็นทางการ หลังจากโควิดก็ไม่ได้เจอเลย แต่งงานกันมากี่ปีแล้วครับ?

แอน “6 ปีแล้วค่ะ”

ชาคริต “เข้าปีที่ 6 ลูกโตแล้ว”

เป็นยังไงบ้าง?

ชาคริต “ดีครับ ทุกอย่างเรียบง่าย สบาย”

มีคิดบ้างหรือยังว่าอยากจะมีลูกคนที่ 2 ให้กับน้องโพธิ์?

ชาคริต “อยากมาสักพักใหญ่ๆ แล้วครับ พยายามปั้นอยู่ทุกวัน”

มีปรึกษาหมอไหม?

ชาคริต “ตอนแรกธรรมชาติก่อน แต่ว่าทำไมไม่ติดสักที ก็มีลุ้นกันด้วยว่า ช่วงนี้ประจำเดือนไม่มา ผ่านไป 3-4 วันไม่มาเอาแล้ว เตรียมเฮแล้ว วันที่ 5-6 มาซะงั้น จนสุดท้ายก็ยอมรับเลยไปหาแพทย์”

แอน “คุณหมอบอกว่าหลักๆ ก็คือเรื่องของอายุ” 

ชาคริต “ด้วยอายุที่มันมากขึ้น ต่อให้ปฏิสนธิโดยธรรมชาติมันก็มีเสี่ยงที่อาจจะแท้ง หรือเด็กอาจจะออกมาไม่สมบูรณ์ อะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นก็เลยใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย ก็เลยเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง ก็ผ่านไปรอบหนึ่งลองเก็บไข่ดูก็ยังไม่ผ่าน แต่ก็ยังจะลุยกันต่อ”

แอน “แต่ด้วยอายุแล้วคุณหมอก็อยากจะให้รีบทำ เพราะอายุทั้งพ่อและแม่ค่อนข้างที่จะเยอะ คุณหมอเลยไม่อยากให้ปล่อยเวลาไป แต่ก็พยายามทุกเดือนค่ะ”

เพื่อนของวู้ดดี้บางคนเขาเครียดมากนะ ต้องมีตารางและหมอก็จะมีท่าแนะนำด้วย ก็เลยจะถามพวกคุณว่าหมอเขามีแนะนำไหม?

ชาคริต “เคยมีช่วงคลอดโพธิ์ พอคลอดโพธิ์ที่โรงพยาบาลเขาบอกว่ามีต่อเลยนะคะ เขายื่นกระดาษมาให้ประมาณ 3-4 แผ่น พอเปิดดูก็เป็นท่าเพื่อจะได้ลูกสาวอะไรแบบนี้ ตอนนั้นด้วยความที่เรามีโพธิ์แล้วเราก็วุ่นกับโพธิ์ แล้วก็เริ่มกลับไปทำงานก็เลยไม่ได้ปฏิบัติ”

แอน “ช่วงนั้นคือเหนื่อยมากด้วย”

ชาคริต “ก็ยังเสียดายกันอยู่ แล้วเป็นช่วงที่กำลังขยับขยาย ย้ายอะไรหลายอย่างทั้งออฟฟิศทั้งเรื่องบ้านเรื่องอะไรวุ่นไปหมด เลยพักไปก่อน แล้วพอจะทำอีกทีก็อายุเยอะ ตอนนี้ก็เลยมาคิดเรื่องอายุด้วยนะ ว่าน้องอายุ 20 เราจะอายุเท่าไร เพราะเราเองก็อยากเที่ยวกับลูกด้วย ถ้าไม่พร้อมปีนี้ก็อาจจะพับไป มีน้องโพธิ์คนเดียว”

สิ่งที่ได้ค้นพบกับการมีลูกได้เรียนรู้อะไรบ้าง?

แอน “การเรียนรู้สเตปของความเหนื่อยและการมีความสุข คือมันเหนื่อยบนพื้นฐานของการมีความสุข อีกอย่างหนึ่งคือเขาช่วยเลี้ยงทุกอย่าง ไม่เคยไปไหน”

ชาคริต “สำหรับเราเองคือเมื่อก่อน มุทะลุทุกอย่าง ลุยไม่สนใจอะไร ไร้กังวล มีลูกปุ๊บ อยู่ดีๆ กลัวตาย ตายไม่ได้ เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเขา แล้วเหมือนโรคจิต Anxiety กลัวในช่วงที่โควิดเข้ามา แล้วเรายังทำงานอยู่ เราอยู่กองถ่าย เจอคนในกองละคร 30-40 คนต่อวัน ไม่รู้ว่าโรคนี้จะเป็นยังไง จะติดตัวมาไหม

เห็นเขาตัวเล็กๆ 1-2 ขวบ นอนอยู่ พอเราไปถึงก็ไม่กล้าขึ้นไปนอนบนเตียง ทำยังไงดี น้ำตาไหล กลัวว่าลูกเราจะเป็นอะไร กลัวลูกจะมีอุบัติเหตุ กลัวลูกจะป่วย จนกลายเป็นแพนิกไปหมด จนต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่าที่ มันจะรีแลกซ์ ต้องอยู่กับปัจจุบันอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่ก็ทำให้ดีที่สุด”

อะไรในผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้ เราหลงรัก เพราะว่าอยากถามมาตั้งแต่วันที่ประกาศแต่งงานแล้ว?

ชาคริต “คือเขาเป็นคนที่มีความเป็น Human ที่แบบว่าจิตใจสะอาดมาก แต่ว่าให้ค่าตัวเองน้อยมาก ตอนคบกันที่เป็นเพื่อนกัน ต้องคอยบอกเขาว่าอย่าลืมคุณค่าของตัวเอง มันมีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกที่อยากจะดูแลเขาให้ดี ให้เขาได้ภูมิใจในความที่เป็นเขา อีกอย่างเขาก็เป็นคนที่อารมณ์ดี บ้าๆ บอๆ อะไรที่เป็นเรื่องซีเรียสเขาก็จะมีวิธีคุยที่ไม่ได้ฮาร์ดคอร์เท่าไร”

ความท้าทายในความเป็นภรรยาของ ชาคริต แย้มนาม ในแง่ของการที่จะต้องเป็นคนในสื่อบ้าง หรือจะต้องมีคนสนใจมากขึ้นในโซเชียล?

แอน “คือความที่เวลาเขาอยู่กับเรา เขาไม่ได้ทำตัวเป็นดารา คือเมื่อเป็นข่าวออกไป มันก็จะมีคอมเมนต์มีอะไรต่อว่าเราเยอะแยะมากมาย แต่แอนก็จะมีวิธีการปลอบใจตัวเองว่า เขาไม่รู้จักเราแล้วเขามาตัดสินเรา ให้มารู้จักกันก่อนสิ แล้วเดี๋ยวจะรู้ว่าเราเป็นยังไง แล้วความกดดันก็คือไม่มี เพราะแอนเป็นคนค่อนข้างใช้ชีวิตยังไง เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าวันนี้เรามาแต่งงานกับชาคริตแล้วเราเป็นคนดังนะ”

ชาคริต “วันที่จะแต่งงานก็นั่งคุยกันบอก เตือนญาติๆ ด้วยนะ 3 ชั่วโมง ชีวิตเปลี่ยน (หัวเราะ) เพราะเรารู้ว่าพอออกไปแล้วชีวิตเขาจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นก็เลยอยากใช้เวลาให้รู้จักซึ่งกันและกันให้ดี แล้วก็ทำทุกอย่างให้มันเรียบร้อยกับทางผู้หลักผู้ใหญ่ให้จบให้เคลียร์ก่อน ว่าเดี๋ยวพายุกำลังจะมาแล้วนะ”

แล้วให้กำลังใจเขายังไง?

ชาคริต “แทบจะไม่ต้องให้ เพราะเราอยู่ด้วยกันตลอด แล้วเขาก็รู้อยู่แล้วว่าจริงๆ แล้วเราเป็นยังไง เลยไม่ได้มีสภาวะเครียด เพราะเราเองก็ไม่ได้จะไปไหนอยู่แล้ว”

ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหลายปี แน่นอนว่าเราก็คบกับคนที่จะต้องมีคนขอถ่ายรูป และเดี๋ยวนี้ลูกเราเอง คนให้ความสนใจมาก?

ชาคริต “เดี๋ยวนี้คนไม่ถ่ายกับผมแล้ว ถ่ายกับแม่กับลูก เพราะเขาดูช่องบักโพธิ์ จะดูแต่แม่แอนกับน้องโพธิ์”

แอน “(หัวเราะ)”

แปลว่าตอนนี้คนขอถ่ายรูปก็เป็นเรื่องปกติแล้ว?

แอน “ปกติแล้วค่ะ เขาจะเป็นคนสอนเราด้วยซ้ำ จะสอนเราสอนลูกเสมอว่า การที่คนมาขอถ่ายรูปแปลว่าคนเขารักเรานะ แปลว่าเรายังอยู่ในใจของเขา และอยากมีรูปกับพวกเรา เขาก็จะสอนเสมอ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/celeb/2727571
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/celeb/2727571