บทเรียนชีวิต เบนซ์ เรซซิ่ง แค่ไม่ทุกข์ก็สุขแล้ว ตั้งเป้าเรียนทนายช่วยคน


ให้คะแนน


แชร์

หลังจากที่ เบนซ์ เรซซิ่ง หรือ อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช อดีตสามีของ แพท ณปภา ที่ได้รับอิสรภาพ ล่าสุด เบนซ์ เรซซิ่ง ได้มาเปิดใจในรายการ เปิดปากกับภาคภูมิ ทางช่องไทยรัฐทีวีช่อง 32 ที่ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.30-16.15 น. หลังจบรายการ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐออนไลน์ก็ได้สัมภาษณ์เบนซ์ถึงการได้รับอิสรภาพในครั้งนี้ ซึ่งเบนซ์ก็ได้เล่าการใช้ชีวิตในเรือนจำให้ฟังว่า 

เดี๋ยวเบนซ์จะมีไปบวชใช่มั้ย ได้ฤกษ์หรือยัง? 
จะไปบวชครับ แต่ยังไม่ได้ฤกษ์ ในเรื่องของความคดีความยังมีเรื่องของเอกสารที่เราต้องเคลียร์ให้เรียบร้อย ถ้ามีเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบ

หลายคนบอกว่า เบนซ์ออกมาแล้วดูดีมากไม่โทรมเลย? 
จริงๆ ผมไปใช้ชีวิตข้างใน มันค่อนข้างที่จะต้องดูแลตัวเองดีกว่าอยู่ข้างนอก จะเรื่องการกิน การนอน การขับถ่าย มันเป็นตารางเวลาที่ฟิกไปหมด มันทำให้ผมค่อนข้างคลีน เพราะสิ่งเร้ามันไม่มีอะไรเลย ใช้ชีวิตถือศีลห้า ศีลแปด มันก็อาจจะทำให้เราดูสดใสขึ้น 

พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยชีวิตข้างในกินอยู่อย่างไร? 
ผมสวดมนต์ ไหว้พระ เลือกกินแต่ของมีประโยชน์ เพราะว่าการที่เราอยู่ข้างนอก เราใช้ชีวิตอิสระ เราอยากกินอะไรก็กิน จะนอนตอนไหนก็ได้ มันไม่มีอะไรตายตัว แต่พออยู่ข้างในมันต้องกินเป็นเวลา เลือกกินแต่ของที่มีประโยชน์ เพราะเราไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านวันไหน อาจจะต้องอยู่เป็น 10 ปี สุขภาพเราก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด การกินการนอนการขับถ่ายให้เป็นเวลา ทำให้ชีวิตเป็นระบบมากขึ้น ก็เลยอาจจะได้ผมจากส่วนนี้มาก (ไม่ดำเลย) ผมล้างหน้าธรรมดา ไม่ค่อยได้ออกแดดเท่าไร อ่านหนังสือ

ออกมาแล้วเริ่มปรับตัวได้มากน้อยแค่ไหน? 
ก็ค่อนข้างดีขึ้น นอนหลับได้ดีขึ้น ช่วงแรกๆ นอนวันละ 2-3 ชั่วโมง เพราะมันตื่น อยู่ที่นั่นผมตื่น 05.45 ทุกวัน และนอน 3 ทุ่มก็เลยค่อยๆ ปรับตัว มานอนหมอน นอนเตียงมันไม่ชินครับ เรียกว่าปรับเยอะอยู่เหมือนกัน กินไม่ค่อยลง มันยังไม่ชิน คงต้องเวลาอีกสักพัก 

อะไรที่ตั้งใจว่าออกมาแล้วอยากจะทำมากๆ? 
จริงๆ ทุกอย่างผมอยากทำหมด สมองก็คิดตลอดเวลามันเลยทำให้นอนไม่หลับ อยากกินอาหารอร่อย อยากกินหมูกระทะ ไปกินมาแล้ว ทุกอย่างอร่อยหมดเลย 

จะกลับไปแข่งรถมั้ย? 
อาจจะขี่เที่ยว เพราะว่าเราก็โตกว่าจุดเดิม คงไม่ได้ไปซิ่งแล้ว เรื่องแข่งยังไม่แน่ใจ ขอศึกษาก่อนว่ามันเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้ว 

เข้าไปอยู่ข้างใน ได้ความรู้สึกอะไรจากที่นั่นมาบ้าง? 
อยู่ข้างในได้มีเวลาอยู่กับตัวเองเยอะ ได้ทบทวนหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่าง สิ่งที่เราทำผิดพลาดไป โอกาสที่เรามี ตอนที่เรามีเวลาเรากลับมองข้ามไปไม่ได้ทำ ก็เหมือนได้บทเรียน สุดท้ายแค่ไม่ทุกข์มันก็สุขแล้ว ไม่ต้องไปไขว่คว้าหาอะไรเลย แค่เราไม่ทุกข์มันก็เป็นความสุขที่สุดแล้วครับ 

แพลนชีวิตระยะยาวไว้อย่างไร? 
ผมมีความคิดว่าอยากจะไปเรียนต่อนิติศาสตร์ให้จบ อยากจะไปสอบทนายเพื่อที่จะได้มาช่วยเหลือคนอื่นต่อ คนที่เขาต้องมีคดีความแต่ไม่มีความรู้อะไรแต่ต้องเข้าไปติดคุก ผมก็ใช้เวลาศึกษาตลอดตอนที่อยู่ข้างใน หากเป็นไปได้ก็อยากจะช่วยเหลือสังคมในจุดนี้ด้วย 

ตอนที่ออกมา นอกจากครอบครัว-เพื่อนแล้ว คนอื่นๆ ต้อนรับอย่างไรบ้าง? 
มันคนละเรื่องเลย จากที่ตอนแรกมีแต่คนด่าๆ และตัดสินไปแล้วว่าเราผิด แต่ตอนนี้ทุกคนก็มาแสดงความดีใจกับเรา มันเป็นพลังบวกทำให้เรามีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป 

เวลาออกไปเจอคนข้างนอกยังมีความรู้สึกเกร็งอยู่มั้ย? 
ยังค่อนข้างตื่นคนอยู่เวลาไปที่คนเยอะๆ บางทีเขาก็มองเรา เราก็รู้สึกว่าเราหายไปนาน ไม่ได้มาเจอคนเยอะๆ แบบนี้ ยังไม่ค่อยชิน ยังเขินๆ อยู่ กลับบ้านดีกว่า ไม่เดินแล้ว ไปห้างไปไหนก็มีแต่คนมองหมดเลย มันทำตัวไม่ถูก ก็มีคนมาขอถ่ายรูปบ้างครับ 

วันนี้ความจริงปรากฏแล้วอยากจะบอกอะไรถึงคนที่เขาเคยตัดสินเราไปก่อนแล้ว? 
ในส่วนของโลกโซเชียลกับความเป็นจริงผมตัดขาดออกจากกันแล้ว เมื่อก่อนเวลาไปนั่งดู อ่านข่าวตัวเองเขาด่าพ่อแม่ก็เครียด จิตตก มันทำให้เราทุกข์ใจ แต่สุดท้ายแค่เราปิดจอมันก็จบ แล้วก็อยู่ในโลกของความเป็นจริง คนที่อยู่ข้างเรา เรามีความสุขกับเขาดีกว่า ใครจะรักเราก็รัก ใครจะเกลียดเราเขาก็ด่าไป เราเปลี่ยนใจเขาไม่ได้ครับ (กลับมาเล่นโซเชียลแล้ว) ครับ แต่ก็ยังมึนๆ งงๆ อยู่เลย ไม่ได้ลากนาน ปรับตัวอยู่

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/celeb/2737045
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/celeb/2737045