รอมแพง น้อมรับความผิด พรหมลิขิต ดีไม่เท่าภาคแรก ทำได้ดีที่สุดเท่านี้
กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ สำหรับละคร “พรหมลิขิต” ทางช่อง 3 ซึ่งเป็นละครภาคต่อของ “บุพเพสันนิวาส” ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ออเจ้า มีทั้งเรตติ้งและกระแสที่ดีมากๆ แต่ใน “พรหมลิขิต” กลับถูกแฟนละครหลายคนวิจารณ์ถึงบทละครว่าไม่ดีเท่าภาคแรก โดยเฉพาะตอนจบที่ดูจะรวบรัดตัดตอนเกินไป

ซึ่งหลังจากมีกระแสดังกล่าว ศัลยา สุขะนิวัตติ์ ผู้เขียนบทโทรทัศน์ของละคร “บุพเพสันนิวาส” และ “พรหมลิขิต” ก็ได้โพสต์ข้อความตอบกลับคำถามจากคนดูผ่านทางเฟซบุ๊กไว้ว่า “พรหมลิขิตตอนจบรวบรัดเกินไป นิยายเขียนคำว่า “จบบริบูรณ์” หลังจากฉากแต่งงานของพ่อริดเและพุดตาน ต่อจากนั้นนิยายเขียนว่า “ตอนพิเศษ” ความยาว 4 หน้าหนังสือ ในเมื่อเป็นตอนพิเศษ จึงไม่เพิ่มไม่ลดไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ บทละครจึงเหมือนนิยายทุกประการ คำว่ารวบรัดเกินไปจึงขอมอบให้ตอนพิเศษของนิยายเรื่องนี้
ยังมียกต่อๆ ไป
1) คาแรกเตอร์ของพ่อริด เรื่องนี้ต้องพูดกันยาว
2) คาแรกเตอร์คนอื่นๆ : ไม่เหมือนนิยายแน่หรือ
3) ตัวละครหาย : คนเขียนบทหรือนิยายกันแน่ที่ทิ้งตัวละคร
4) เหตุการณ์พุดตานถวายตัวที่ไม่มีในนิยาย : ทำไม
5) บทอาฆาตแค้นของจันทราวดีต่ออทิตยาที่หายไป : เพราะอะไร
6) ศรีปราชญ์ : ตัวละครเจ้ากรรมตั้งแต่บุพเพสันนิวาส : มีและไม่มีเพราะอะไร
7) การเคารพบทประพันธ์และการเคารพวิถีการเขียนบทละคร : ศาสตร์ที่แตกต่างกัน
8) บทละครเหมือนนิยาย หรือต่อยอดจากนิยาย เป็นสัดส่วนเท่าไร : ต้องคำนวณ
9) การวิพากษ์วิจารณ์รวบยอดที่รุนแรงและไม่เป็นวัตถุวิสัย
ฯลฯ”
ด้าน รอมแพง ซึ่งเป็นผู้ประพันธ์นิยาย “บุพเพสันนิวาส” และ “พรหมลิขิต” ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงเรื่องนี้เช่นกัน โดยน้อมรับความผิดพลาดของนิยายที่ทำได้ดีที่สุดเท่านี้ ทำให้ทีมละครโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยบอกว่า “ขอน้อมรับความผิดพลาดของนิยายพรหมลิขิต ที่ทำได้ดีที่สุดเท่านี้ และน่าจะไม่ดีพอที่จะทำเป็นละคร จึงทำให้ทีมละครโดนวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก รวมไปถึงความอ่อนด้อยในการตอบคำถามของพิธีกรและนักข่าวก็ยิ่งสร้างลำบากใจให้กับผู้เขียนบทและทีมละครที่ทำดีที่สุดแล้ว เป็นความผิดของดิฉันเองค่ะ
หลายท่านอาจจะไม่พอใจที่ทีมทำละครโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยที่ดิฉันเหมือนลอยตัวจากการวิพากษ์นั้น จากการที่ดิฉันพิมพ์และพูดอยู่เสมอว่า หลังขายเป็นละครแล้วแทบจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของทีมละครเลย นอกจากจะมีการขอคำปรึกษาจากทีมงาน และต้องให้เกียรติคนทำงาน เพราะศิลปะการนำเสนอของละครกับนิยายแตกต่างกัน
ซึ่งประโยคเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดิฉันพูดมาเป็น 10 ปีในการไปเป็นวิทยากรทุกแห่ง จากการที่นิยายได้ทำเป็นละครมาหลายเรื่อง
แน่นอนว่าดิฉันไม่มีปัญหากับการดัดแปลงเพราะเข้าใจเป็นอย่างดีในศาสตร์ที่ต่างกัน แต่อาจจะมีความเสียดายในเนื้อหาหรือคาแรกเตอร์ที่เปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่ความเสียใจที่ขายเป็นละครอย่างแน่นอน
ดังนั้นแบ่งความคิดเห็นที่ตำหนิจากความผิดหวังในสิ่งที่คาดหวังจากละครมาทางดิฉันได้เลยค่ะ เพราะถ้าไม่โดนตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์เสียบ้าง ก็จะไม่ทำให้เกิดการพัฒนา
ขอบคุณมากนะคะ
รอมแพง”.
ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/series/2750029
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/series/2750029