“น้ำหวาน ซาซ่า”ตอบปมคนมองหน้าเหมือนแฟนใหม่ของอดีตสามี!
ถูกสนใจไม่ลดละเลยทีเดียวสำหรับเรื่องราวของดาราและนักร้องดัง น้ำหวาน พิมรา หรือ น้ำหวาน ซาซ่า ที่ล่าสุดออกมาเปิดใจครั้งแรก หลังอดีตแฟนหนุ่มเปิดตัวรักครั้งใหม่ เผยหมอดูทักจะเจอคนที่ใช่เร็วๆ นี้ ไม่รู้ว่าคุณแม่ของสาวน้ำหวานโอเคกับหนุ่มคนนี้หรือเปล่า แล้วจะว่ายังไงหลังชาวเน็ตมองต่างฝ่ายต่างมูฟออนเร็วไปไหม ผ่านรายการคุยแซ่บshow แบบจัดเต็ม
น้ำหวาน เผยว่า “เรื่องคุณแม่และอดีตแฟนกอดกัน ถ้าเป็นรูปนั้นน่าจะเป็นรูปเก่า แต่ในความเป็นจริงเขาได้มีโอกาสได้เคลียร์กันแล้วในทริปที่หวานไปแข่งโบกเกอร์ที่เวียดนาม แล้วทริปเมื่อเดือนธันวาคม เป็นทริปที่เขาได้เจอกันครั้งแรกหลังจากที่มีปัญหา ซึ่งเขากอดกัน แต่ตอนกอดหวานไม่เห็น ผู้จัดการเล่าให้ฟัง คุณแม่กับอดีตแฟนเคลียร์ใจกันแล้ว มีช่วงหนึ่งก่อนเขาจะย้ายบ้าน คุณแม่ได้ถามหวานว่าเขาอยากทานอะไร คุณแม่จะทำเป็นของขวัญไปให้ก่อนย้ายบ้าน มีการฝากขอบคุณกันไปมา แต่ว่าที่มาเจอกันเลยคือที่เวียดนาม ซึ่งจบสวย อย่างที่หวานเคยบอกไป ทุกอย่างมันเคลียร์ก่อนปีใหม่ ต่างคน ต่างมูฟออนไปในเวย์ของตัวเอง หลังเลิกรากันสภาพจิตใจ สำหรับตัวหวาน 100% โอเคแล้ว หวานว่าตั้งแต่เขาเคลียร์กันที่เวียดนาม มันทำให้หวานรู้สึกว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นในการที่จะมูฟออนจริงๆ เราไม่มีอะไรคาใจอีกต่อไป ทุกอย่างมันจบ เรารู้สึกว่าโอเค เริ่มใหม่”
“ส่วนที่อดีตแฟนเปิดตัวคนใหม่ หวานต้องบอกก่อนว่าหวานทราบมานานมากแล้ว แต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องของเราในการที่จะพูด คนก็ไลน์มา โทรฯมาถามความรู้สึก วันนั้นหวานไปกาญจนบุรีไปทำงาน มีคนเดินเข้ามาสอบถาม ก็ต้องขอบคุณ ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณที่ห่วงใยความรู้สึก แต่หวานทราบมานานมากแล้ว คนที่ทักมาส่วนใหญ่เขาพูดว่าสู้ๆ นะ เป็นกำลังใจให้ หรือว่าโอเคไหม ก็เป็นการเช็กความรู้สึกของเรา ซึ่งตัวเรารู้สึกทราบซึ้ง ตลอดเวลาที่เกิดเรื่องหรือมีปัญหา คนรอบข้าง เพื่อนฝูงไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ไม่เคยทิ้ง รู้สึกดีค่ะ ถามว่าเจ็บไหม ร้องไห้ไหม มีค่ะ ตอนที่หวานอัปรูปลงล่าสุดหวานใส่แว่นดำหมดเลย ก็จะมีคอมเมนต์มาในไอจีว่า ใส่แว่นดำ เพราะว่าร้องไห้หรือเปล่า ตาบวมหรือเปล่า ก็จะมีคน DM เข้ามา ซึ่งหวานอยากจะบอกว่าแดดร้อนมาก มันไม่ได้เกี่ยวกัน มันเป็นเรื่องของทางฝั่งเขาไม่ได้เกี่ยวกับเรา เราก็ดำเนินชีวิตของเราไปตามปกติ”
“เรื่องร้องไห้ไม่มีน้ำตา มันผ่านจุดนั้นมาแล้ว มันผ่านจุดเสียใจ ผ่านจุดร้องไห้ ผ่านจุดที่เป็นความรู้สึกแบบนั้น ณ วันนี้มันไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว พอเราตัดสินใจได้ว่าเราจะมูฟออน เราก็ไปข้างหน้าไม่ได้มองย้อนกลับไปเรื่องเดิม ที่คนแซวว่าเขาเปิดตัวมาหน้าเหมือนเราเลย หวานเห็นในข่าวนะ ถ้าความเห็นส่วนตัว หวานมองว่าไม่ได้เหมือน แต่อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของคนมากกว่า เป็นเพื่อนกันได้ไหม จริงๆ ช่วงนี้หวานไม่ค่อยได้คุยกับเขา ก่อนหน้านี้ระหว่างที่เขามูฟออนไปแล้ว เราก็ยังคุยกันอยู่ เพราะเรามีเรื่องของน้องหมาที่จะต้องสื่อสารกัน มันไม่ได้เกี่ยวว่าช่วงนี้ไม่คุย เพราะเขามูฟออนอันนี้ไม่ใช่นะคะ แต่เรื่องของน้องหมามันลงตัวก็เลยทำให้เราไม่ได้มีการติดต่อสื่อสารอะไรกันเพิ่มเติม ถ้าเจอตามงาน ทักทายได้ค่ะ เราก็เป็นพี่ เป็นน้องร่วมวงการ อย่างน้อยก็เป็นคนเคยรู้จักกัน ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน มันมีทั้งดีและมันไม่ดี”
น้ำหวาน เล่าต่อว่า “การมูฟออนเรื่องของเวลาอันนี้หวานไม่คอมเมนต์ เราก็ร่วมยินดีไปกับเขาด้วยที่วันนี้เขามีความสุข อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของน้อง ของเพื่อนคนหนึ่งที่จะทำให้กัน แต่ยังไม่ได้มีโอกาสแสดงความยินดีด้วยตัวเอง ก็ขอแสดงความยินดีผ่านทางรายการเลย ที่มีการเปิดข่าวว่าเราเปิดตัวอ่อที่เจ๊มอยลง เห็นแล้ว คนก็โทรศัพท์มาถามเยอะมากเหมือนกัน คุณอั้มเป็นเพื่อนกัน เขาเป็นเพื่อนที่ดีของหวาน เขาเป็นนักบิน หวานเคยร่วมงานกับเขาอยู่แล้ว แต่นานแล้ว วันนั้นก็จบในตอนไม่ได้มีการติดต่อสื่อสาร ก็เพิ่งวนมาทำความรู้จักกันใหม่เมื่อไม่นานมานี้ ด้วยความที่เราอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เวลาคุยกันก็คุยแบบง่ายๆ ไม่ต้องย่อย ก็จะถามเขาในเรื่องงานซะส่วนใหญ่ เพราะเขาก็ทำธุรกิจด้วย กับคนนี้ มีรุ่นพี่แนะนำให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ สถานะหัวใจ หวานไม่เคยถามเขาเรื่องนี้ เราเบสออนความเป็นเพื่อน เรื่องบางเรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หวานก็ไม่เคยสอบถามเขาเป็นเพื่อนที่ดี ด้วยความที่เราคุยกันง่ายๆ มันก็เลยทำให้เราเป็นเพื่อนกันได้ ตอนนี้หวานยังโสด 100% ก็ขอใช้คำว่าเราทักทายกันทุกวันแล้วซัพพอร์ตกันดีกว่า เขาไม่พูดถึงอดีตหวานเลย ใช่ค่ะ ไม่เคยถาม เป็นเรื่องที่ไม่ได้ปรึกษา หวานว่าด้วยความที่เรามาเป็นเพื่อนกันตอนโต บางสิ่งบางอย่างมันก็เป็นสเปซในเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน เหมือนเรื่องเขา หวานก็ไม่เคยถาม มันแล้วแต่เราจะพูดคุยยังไง หวานมองไปที่อนาคตมากกว่า ระหว่างทางจะบาดเจ็บขนาดไหนหวานไม่เคยสน แล้วมันก็จบอย่างที่เห็น ในช่วงที่เป็นโสดอยู่ตอนนี้ หวานก็คิดได้ว่า จริงๆ เราก็ลืมมองว่าปัจจุบันนี่แหละเป็นสิ่งที่เราดีลได้ เป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ เพราะฉะนั้นชีวิตหวาน ณ วันนี้ก็คืออยู่กับปัจจุบัน มีความสุข หวานว่ามันเป็นเรื่องของสุขนิยมแล้วก็อยู่กับปัจจุบันโดยที่ไม่คาดหวังเรื่องอนาคต เพราะว่าอนาคตมันยาก สิ่งที่แน่นอนมันคือสิ่งที่ไม่แน่นอน สิ่งที่ไม่แน่นอนมันอาจจะเป็นสิ่งที่แน่นอนก็ได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ในชีวิต เรามีประสบการณ์ แต่หวานไม่อยากให้ประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตทั้งหมด มันเป็นแค่ประสบการณ์ที่ผ่านไป ทุกอย่าง ทุกดราม่าที่เราเจอ มันต้องหล่อหลอมให้เรากลายเป็นคนที่โตขึ้น เป็นเวอร์ชั่นที่ดีมากยิ่งขึ้นในทุกๆ ประสบการณ์ ไม่งั้นมันจะไม่มีประโยชน์เลยผ่านมาก็ผ่านไป”
“ช่วงที่เจ็บหนักๆ หวานโชคดีมาก หวานมีคุณพ่อ คุณแม่ที่ไม่เคยปล่อยมือหวานเลย ทั้งที่คุณแม่ก็เจอหนักมาก รวมถึงเพื่อนๆ หวานด้วย อาจจะไม่ได้มีกันเยอะมาก ทุกวันนี้ 24 ชม. เพื่อนยังวนเวียนเฝ้าเวรยามกับหวาน หวานรู้สึกว่าถ้าไม่มีครอบครัวหรือเพื่อนๆ หวานมาตรงนี้ไม่ได้เลย เพราะว่าเรื่องที่เจอมันหนักมาก อย่างในเรื่องของคุณแม่หวานเองหวานค่อนข้างรู้สึกไม่ดี ช่วงนี้เป็นช่วงที่หวานแข็งแรงมากในการดำเนินชีวิต มันทำให้หวานมีโอกาสย้อนกลับไปดูพวกคลิปสัมภาษณ์ตัวเองที่ผ่านมา หวานจะชอบกดเข้าไปดู แล้วหวานก็ไม่แปลกใจที่ทัวร์จะลงบ้านหวานแล้วทัวร์มาลงคุณแม่อยู่เสมอ เพราะว่าหวานพูดไม่หมด ไม่ใช่หวานพูดไม่จริง แต่หวานพูดไม่หมด มันมีบางสิ่ง บางอย่างที่เราอยากพูด แต่เราพูดไม่ได้ เพราะว่าถ้าการพูดของเรามันไปทิ้งบอมบ์ให้คนอื่น หรือทำให้คนอื่นเดือดร้อน มันเป็นเรื่องมารยาทในการพูด ถ้าสังเกตหรือย้อนกลับไปดูคลิปสัมภาษณ์เก่าๆ ก็จะเห็นว่าหวานเลือกที่จะตอบคำถามกลางๆ หมดเลย เพราะเราไม่ต้องการให้กระทบใคร อันนี้คุณแม่ก็กำชับมาเวลาสัมภาษณ์ให้พูดกลางๆ ทั้งหมด เพราะการทิ้งบอมบ์ให้คนอื่นมันไม่ดี เราอยากจะเลิกกันแบบผู้ดี มันเป็นเจตนาแบบนั้นตั้งแต่วันแรก แต่พอเรื่องมันผ่านไปเรื่อยๆ มันก็ทำให้บานปลายใหญ่โต แล้วคนก็มาว่าคุณแม่เยอะมาก แต่แม่เองก็ชิล เรารู้แก่ใจ ความจริงมีหนึ่งเดียว แต่มันแล้วแต่วิจารณญาณและมุมมองของคนที่จะมองเข้ามา คอมเมนต์ส่วนใหญ่ว่าคุณแม่หมดเลย หวานเองก็เสียใจ เราเป็นลูกไม่สามารถพูดออกไปได้หมด เพราะการพูดของเราทำร้ายคนอื่น เราเลือกที่จะไม่ทำอยู่แล้ว”
“จริงๆ มันควรจะจบ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องในบ้าน มันไม่ควรที่จะถูกเผยแพร่ออกไป แต่ ณ วันนี้เรื่องในบ้านมันถูกกระจัดกระจาย ไม่ว่าหวานจะทำอะไร อย่างหวานสัมภาษณ์ หวานมีคนคุยบ้าง คนก็ว่าคุณแม่ มันมาได้ยังไง หวานก็งง เลิกกับแฟนก็ว่าคุณแม่ว่าคุณแม่เป็นต้นเหตุ พอหวานอ่านแล้วมันไม่ใช่ อะไรที่คุณแม่ผิดหวานยอมรับผิดมาตลอด เราไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาลที่ทำทุกอย่างได้ถูกต้องเสมอไป ทุกคนมันต้องมีส่วนผิด จากนี้จะคอมเมนต์อะไรอยากให้พูดถึงกันในแง่ดีนิดนึง เพราะคุณแม่เริ่มส่งทนายไปพูดคุย แล้วมีหลายคนวนกลับมา ก็เอาเป็นว่าตอนนี้ หวานโสด (ยิ้ม) แต่จริงๆ หวานมีความสุขกับตัวเองนะ จะมีแฟนหรือไม่มีแฟน มันไม่ใช่ประเด็น ถ้ามีแล้วปวดหัว ไม่มีดีกว่า แต่ก็มีหมอดูทักว่าจะเจอคนที่ใช่ก่อน 30 เม.ย. บางคนก็บอกก่อน บางคนก็บอกหลัง เริ่มสับสน แต่หมอดูทักว่าจะมีคู่ ก็สบายใจ จะได้เริ่มวางแผน ตอนนี้ใช้ชีวิตโสด สวยๆ ไปก่อนได้ สเปกเหรอ อย่างแรกชอบคนที่หน้าตา หน้าตาถูกใจ นิสัยค่อยๆ ดูไป ชอบคนที่พอดีกับเรา ตลกได้ (ร้องเพลงไหม?) ไม่เอาดีกว่า (ยิ้ม) หวานชอบคนเก่ง มีความสามารถ มันต้องเจอ อายุไม่ห่างกันมาก ซึ่งคนในวงการเป็นพี่เป็นน้องกัน (ต่างชาติล่ะ?) หวานชอบจองกุก หวานเป็นอาร์มี่ หนุ่มนักบินคุณแม่หวานคุณแม่ไม่ได้เมนต์เรื่องเรา เขาไม่เคยมายุ่งเรื่องเรา แม่เจอตอนที่เขาแวะมารับที่บ้าน แม่ไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกว่าไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน เดี๋ยวฉันโดนทัวร์ลง (ยิ้ม) เขาแค่เป็นห่วงเรื่องขับรถ ช่วงที่เกิดปัญหา หวานขับรถชน ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบ ถอยรถชนยุบไปเลย ตอนนั้นมันไร้สติ”
ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/3150418/
ขอขอบคุณ : https://www.dailynews.co.th/news/3150418/