“เบนซ์-มิค” เปิดไทม์ไลน์ล่อซื้อสินค้าปลอม แจ้งความแบบลับๆเพื่อจับรายใหญ่!


ให้คะแนน


แชร์

เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 6 มิ.ย. ที่ True Space Asoke นางพรชิตา หิรัญยัษฐิติ หรือ เบนซ์ นักแสดงชื่อดังและสามี ร้อยเอก บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ หรือ มิค ดารานักแสดงชายมากฝีมือได้ควงแขน ทนายความ นิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ ออกมาตั้งโต๊ะชี้แจงประเด็นดราม่าทางสังคม หลังถูกเข้าใจผิดว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ ITCHA (อิชช่า) ที่เจ้าตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ ถูกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ตรวจพบสารไซบูทรามีนในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ทั้งที่จริงแล้วผลิตภัณฑ์นั้นเป็นของปลอม จนทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเสียหายต่อตัวผลิตภัณฑ์และชื่อเสียงของตัวเอง ทำให้ต้องออกมาปกป้องตัวเองในครั้งนี้

ทนายเจมส์ เผยว่า “ผมขออนุญาตชี้แจงแทน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สองคนเกี่ยวข้องให้เขาชี้แจงเอง ในส่วนที่ อย.ออกมาประกาศ ภาพกล่องมี 2 ส่วน อันแรกมีลายเซ็นคุณเบนซ์ อันนั้นไม่ใช่กล่องผลิตภัณฑ์ เป็นภาพกราฟิก ที่ออกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเอง แต่กล่องผมเชื่อว่า อย.ตรวจสารเจอคืออีกกล่องนึง ภาพกล่องจริงๆ เลยและมีด้านหลัง ซึ่งเป็นลอตผลิตเมื่อวันที่ 10 มกราคมปีที่ผ่านมา เพจของบริษัทแม้แต่คุณเบนซ์ก็เตือนตัวแทน และผู้บริโภคมาตลอดว่าระวังของปลอม ซื้อของปลอมมาให้ดูในเพจด้วยซ้ำ พอ อย.เอาภาพจริงและปลอมมาเทียบกัน เรายืนยันวันนี้ว่าตั้งแต่การผลิตลอตที่ 1 จนถึงวันนี้ ในสินค้าจริงไม่มีสารไซบูทรามีน มั่นใจว่าของเราไม่มีสารดังกล่าว โดยของปลอมต้องการให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับของจริง แต่ต้นทุนถูกกว่าเลยใช้สารไซบูทรามีนครับ ต้องขอบคุณ อย.ที่ออกบอกด้วย เพราะร้านของปลอมปิดไปเกือบหมดแล้ว พอรู้มีสินค้าปลอมในตลาดเยอะ ก็มีการประกาศและมีการแจ้งความและไม่ได้บอกสื่อ เราไม่ต้องการจับตัวย่อย เราทำเงียบๆ เราต้องการจับตัวใหญ่ เราจึงไม่ได้ประกาศไง เรามีหลักฐานการแจ้งความมาด้วย ซึ่งร้านค้ามีการแอบเอาสินค้าเราไปตรวจตั้งแต่มีนาคม ผลออกเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไม่พบไซบูทรามีนนะครับ”

“หมายเรียกต้องดูก่อนว่าเรียกไปในฐานะไหน พยาน หรืออาญา ก็ต้องดูว่าไปในฐานะไหนครับ การแจ้งความมีการแจ้งความ 2 ครั้งนะครับ แจ้งความเดือนเมษายน และพฤษภาคมอีกครั้ง และมีการล่อซื้อมา บริษัทแจ้ง ครั้งแรกไปแจ้งเพราะล่อซื้อมา 2 รอบไหม”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/3508631/
ขอขอบคุณ : https://www.dailynews.co.th/news/3508631/