เม้าท์ 2 เม้าท์ : พรนับพันความสามารถนับล้าน “เนเน่”ส่ง “สาย”แทนใจคนอกหัก
ฮัลโหลๆ แฟนๆ ที่รักของอิชั้น “คนสวยหลักสี่” คนที่เริ่ด และสวยที่สุดในย่านหลักสี่มาแล้วจ้า ใครคิดถึงอิชั้น ขอให้มาบอกกันนะคะ อย่าบอกวันอื่น อิชั้นฟังไม่ได้ยิน ฮ่าๆ ไม่มีอะไรนะคะ ไม่ได้อกหัก แต่ปกเมาท์เราอกหักอิชั้นเลยต้องเล่าเรื่องเศร้า มาค่ะมาฟังกัน
@ประเดิมข่าวแรกกันที่คนเศร้าต้องร้องไห้เมื่อเพลงที่ชื่อว่า “สาย (Gone)” ถูกปล่อยออกมา โดยเพลงนี้เป็นผลงานเพลงไทยล่าสุด Nene Pornnappan Pornpenpipat (เนเน่-พรนับพัน พรเพ็ญพิพัฒน์) ซูเปอร์สตาร์ระดับเอเชียขวัญใจแฟนๆ ชาวไทย และเจ้าของตำแหน่ง Dailynews Star ของเรา ที่ล่าสุดส่งเพลงนี้ ซึ่งเป็นเพลง POP สไตล์เนเน่ นำเสนอความรู้สึกและอารมณ์อย่างน่าสนใจ ได้นำเสนอศักยภาพทางการร้องและการแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งช่วงเริ่มต้นของเพลงจะมีความช้า ถูกปกคลุมด้วยความเศร้าที่ลึกซึ้ง บ่งบอกถึงช่วงเวลาแห่งความทุกข์ จนช่วงกลางเพลงพลิกกลับกระแทกอารมณ์ด้วยดนตรีร็อกที่หนักแน่น บวกกับเสียงร้องของเนเน่ที่เต็มไปด้วยพลัง เป็นการแสดงความรู้สึกเสียใจที่ถาโถมเข้ามาอย่างเต็มเปี่ยม
เนเน่ เล่าให้ฟังว่า “เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นตอนอายุ 17 แต่เพราะเน่ต้องเดินทางไปทำตามความฝัน ทั้งในและต่างประเทศจึงไม่มีโอกาสได้ปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้ฟัง เพลงนี้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในคลังความทรงจำ เล่าถึงความเศร้าที่ไม่บอกรัก ไม่เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกไปได้ทันเวลา จึงมานึกเสียใจภายหลัง ในวันที่เสียมันไปแล้ว ปีนี้ถือว่าเป็นโอกาสดี ๆ ที่เน่จะปล่อยเพลงนี้ออกมา หวังว่าทุกคนจะชอบ”
โดยเพลงนี้ได้ร่วมงานกับ Mick Petchpoom (มิค-เพชรภูมิ เพชรแก้ว) โปรดิวเซอร์รุ่นใหม่ ฝีมือดี ที่ฝากผลงานเบื้องหลังไว้มากมาย รับหน้าที่ทั้งโปรดิวซ์และเรียบเรียงดนตรีให้มีความเข้มข้ม กลายเป็นเพลงเศร้าที่ร็อกมากขึ้นของเนเน่ ทั้งนี้เธอยังใส่ใจในทุกรายละเอียด หวังว่าผลงานเพลงนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ฟังทุกคน ส่วนมิวสิกวิดีโอ เนเน่ยังได้แสดงศักยภาพในการแสดง สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกเหงา เศร้า ที่มาพร้อมภาพสวย ๆ จากการกำกับร่วมกันครั้งแรกของ ธรณ์ธันย์ สุวิทยะศิริ และ สุภาวัลย์ เอี๊ยะแหวด จากทีม Woofer Film โดยทาง ธรณ์ธันย์ เองก็ผ่านการกำกับมิวสิกวิดีโอมามากมาย “สาย (Gone)” ถือเป็นผลงานที่สะท้อนความเศร้าที่ลึกซึ้งของ เนเน่ พรนับพัน ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถทั้งในด้านการแสดงและการนำเสนอเพลงในแบบของเธอได้อย่างลงตัว
@ต่อกันที่ข่าวของ โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน ในฐานะศิลปิน-ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง จาก โคตรคูล ที่ล่าสุดมาร่วมงาน “NocNoc Fair 2024” โดยเล่าถึงสไตล์การแต่งห้องทำงานด้วยว่า “เวลาที่ผมทำงาน ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับการทำงาน น้อง ๆ ในออฟฟิศจะรู้ดี เวลาสนุก สนุกเต็มที่ เวลาทำงาน เราก็เป็นคนที่เนี้ยบมาก และไม่ค่อยปล่อยดีเทลเล็ก ๆ ให้หลุดรอดผ่านไป ความรู้สึกของผม ถ้างานออกจากเรามันต้องดีที่สุด ส่วนเรื่องออฟฟิศของผม ผมจะพยายามเอาสีมาเล่นในแต่ละชั้น ควรจะเป็นสีอะไรบ้าง ดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ งานอาร์ตต่าง ๆ รวมถึงอาร์ตทอยนำมาตกแต่ง เพราะบางทีเมื่อเราเห็นงานศิลปะก็จะทำให้เรามีไอเดียเกิดขึ้น รวมถึงไฟไลต์ติ้งต่าง ๆ ก็สำคัญ ควรวางไลต์ติ้งยังไง ชีวิตผมทุกวันนี้ ผมเป็นซีอีโอมัน work ไร้ balance จริง ๆ งานเยอะมาก ๆ ครับ มีคิวงานจนถึงเดือนธันวาคมแล้ว ว่างเดือนละ 2 วัน หน้าที่ของผมต้องโฟกัสกับงานให้มากที่สุด เพราะเราเป็นผู้นำขององค์กร รายการ เกม ค่ายเพลง ฯลฯ ทุก ๆ พื้นที่ในออฟฟิศสำหรับผมต้องทำงานได้เลย รวมถึงสามารถพักผ่อนนอนงีบได้ด้วย ไม่บาลานซ์ก็ไม่เป็นไร ขอให้เราทำงานอย่างมีความสุข ซึ่งขอบคุณที่ NocNoc มาเป็นผู้ช่วยคอยช่วยเหลือผมในการเป็นที่ปรึกษาในการดีไซน์ไอเดียการแต่งออฟฟิศ 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอยกว่า 1 พันตารางเมตร เพราะถ้าให้โอ๊ต-ปราโมทย์ ทำคนเดียว ทำไม่ได้แน่ ๆครับ”
@ต่อกันที่ข่าวของ HER CONCERT 2024 ที่รวมเหล่าตัวแม่ 7 ดีว่า คริสติน่า อากีล่าร์, แอม เสาวลักษณ์, ทาทา ยัง, โบ สุนิตา, เบน ชลาทิศ, ดา เอ็นโดรฟิน และแก้ม วิชญาณี ที่มาจับไมค์ ดวลพลังเสียง กับโชว์สุดยิ่งใหญ่ กับวงดุริยางค์เครื่องลมแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (Kasetsart Winds) มาร่วมโชว์บทเพลงแห่งแรงบันดาลใจ ที่จะมาเติมเต็ม เพื่อตอกย้ำผู้หญิงทุกคนว่า ฉันทำได้เอง ทำได้ดี ไม่ต้องมีใครมาตัดสินความสุขเรา เตรียมส้นสูงของคุณให้พร้อมแล้วมาเจอตัวแม่วัน 22 กันยายน Ballroom Hall 1- 4, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซื้อบัตรได้ทาง ThaiTicketMajor ทุกช่องทางเลยจ้า
@ยาวๆ กันที่ข่าว หลังจากเดินทางออนทัวร์ขึ้นโชว์ในงานดนตรีระดับสากลทั้งที่ ประเทศสิงคโปร์ และโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น มาแล้ว สำหรับวงดนตรีร็อกพลังเหลือ วง LEMONY ประกอบด้วย ทีม-อานันท์ พัวนิรันดร์ (ร้องนำ), แรก-คณิน กุมประสิทธิ์ (กีตาร์), เอฟ-ทรงพล เดชสุวรรณ (เบส) และ แชมป์-สิทธิกร กลัดเพชร (กลอง) จากค่าย สนามหลวงมิวสิก กลับมาอย่างซาบซึ่งกินใจ ด้วยซิงเกิลที่ชื่อว่า “ขอบคุณที่เราเคยบอกรักและบอกลา” เนื้อหาของเพลงที่อยากให้ผู้ฟังยอมรับ และขอบคุณในทุกเรื่องราวของความสัมพันธ์เอาไว้ เหมือนกับเราแค่เพียงแวะมาพบ เจอกันในช่วงเวลาหนึ่ง แล้วก็จากกันไป เพราะทุกครั้งที่คนเรารักกัน ก็คงไม่มีใครอยากบอกลาตั้งแต่แรก เราก็สามารถทบทวนถึงความทรงจำดี ๆ และขอบคุณทุกอย่างในช่วงเวลาเหล่านั้นที่เคยมีด้วยกัน
สำหรับกระบวนการทำงานของเพลงนี้เริ่มจาก ทีม (นักร้องนำ) ได้ตีคอร์ดกีตาร์โปร่งพร้อมกับฮัมทำนอง จนได้ชุดทำนองหนึ่งแล้วจึงส่งต่อคนอื่นในวง โดยทางวงอยากให้ได้บรรยากาศแบบวงป๊อปร็อกอังกฤษยุคปี 2000 ความเร็วเพลงอยู่ในระดับกลาง ไม่เชื่องช้าเกินไป เพราะทางวง ไม่ได้ต้องการเพลงเศร้าที่ฟังดูฟูมฟาย แต่อยากได้เพลงที่มีดนตรีเปรียบเสมือนเพื่อนของคนฟัง เนื้อหาที่มองโลกในแง่ดี จากนั้น แชมป์ (มือกลอง) ก็ได้คิดกรูฟตาม โจทย์เพื่อมาควบคุมจังหวะเพลง เอฟ (มือเบส) ก็เข้ามาเสริม ในด้านเสียงเบส จะยึดตามกรูฟกลองและอารมณ์เพลง จากนั้น แรก (มือกีตาร์) ใส่รายละเอียดของไลน์ กีตาร์ต่าง ๆ พร้อมทั้งยังได้เล่นเอฟเฟกต์ที่แปลกใหม่จากเพลงก่อน ๆ มารวมไว้ในเพลงนี้ และส่วนในเรื่องของเสียงคีย์บอร์ดและซินธิไซเซอร์ ได้ถูกเรียบเรียบเรียงโดย คุณขลุ่ย-บริพัตร หวานคำเพราะ (มือคีย์บอร์ดและ ออร์แกนที่ร่วมเล่นกับวงอพาร์ตเมนต์คุณป้า)
ในด้านงาน MV จะมีความเรียบง่ายแต่ทรงพลังถึงความรู้สึกจริง ๆ เพราะนี่คือ MV ที่อ้างอิงจากเรื่องจริง ที่ผู้กำกับ คุณอาร์ม ภาณุวัฒน์ บัณฑิตนนท์ ได้รับฟังมาจากแฟนของเขา ที่เคยประสบกับการจากลา ของคุณพ่อ แต่คุณพ่อก็ยังทิ้งความทรงจำที่ดีมากมายรวมทั้งกีตาร์โปร่งและแมวเอาไว้ ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของคุณพ่อ เพลงนี้ยังได้นักแสดง อย่าง เนโกะ-เนรัญชรา เลิศประเสริฐ (ภาพยนตร์เรื่อง 4 คิงส์ อาชีวะ ยุค 90) มาถ่ายทอด อารมณ์ความรู้สึก ความรัก ความคิดถึงของตัวแสดงที่มีต่อพ่อที่จากไป
@มากันที่ข่าวของวง “MORE NINE” สมาชิกในวงประกอบไปด้วย เพลง-ภาวัต ทองน้อย (นักร้องนำ), โก๊ะ-เอกลักณ์ ป้อมทอง (กีตาร์), เพชร-เศรษฐีเพชร อ่ำสำอางค์ (เบส), แม็ก-กรวิชญ์ ตันชื่น (กลอง) กับสองซิงเกิลที่ปล่อยไป เพลง “อีกแค่สักวันเดียวก็พอ” และเพลง “กระต่ายกับเต่า” จากการแต่งของนักแต่งเพลงมือหนึ่งอย่าง ฟองเบียร์ ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาด มีแฟนเพลงมาติดตามพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด “MORE NINE” ได้หยิบเอาเพลงศิลปินยุค 90 ของวง “Karamail” เพลง “ทารุณ” มา Rearrange ใหม่ในสไตล์ของตัวเอง แม็ก-กรวิชญ์ ตันชื่น (กลอง) พี่ใหญ่ของวงเล่าถึงที่มาการทำงานครั้งนี้ว่า
“จริงๆ เพลงทารุณเวอร์ชั่นเดิมเป็นเวอร์ชั่นที่ดีมากอยู่แล้วนะครับ พวกเรา MORE NINE ชื่นชอบเพลงนี้เพราะด้วยเนื้อหาเพลง เมโลดี้ การร้องและการเรียบเรียง มันทำให้เราได้ยินความเป็นร็อกในแบบของเรา แล้วเพลงนี้มาในช่วงที่เราเริ่มเล่นดนตรีใหม่ๆ ครับผม ทำให้เรานึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ซึ่งการทำงานเพลงนี้ใช้เวลาไม่นานครับ อย่างที่เราได้บอกไว้ว่าเวอร์ชั่นเดิมของเค้ามีหลายอย่างที่ดีอยู่แล้ว เราแค่มาเติมรายละเอียดดนตรีในแบบของเราใส่เพิ่มไป รายละเอียดของดนตรีหลายๆ อย่างในต้นฉบับเรายังรักษาไว้ เพราะมันมีเอกลักษณ์ แต่เราเพิ่มความโกรธ ความเจ็บปวด ความหนักแน่นในแบบของเราลงไป เพลงนี้ก็มีถ่ายทำเอ็มวีเป็นไลน์ซิงค์ไว้ครับ ถ่ายกันยาวๆ เลยครับ เลิกกองตี 3 กว่า สุดท้ายนี้ฝากติดตามพวกเรา เพลง “ทารุณ” ในเวอร์ชั่นของ MORE NINE ไว้ด้วยนะครับ ผมว่าเนื้อหาสะใจ น่าจะโดนใจใครหลายคนที่กำลังอยู่ในความเจ็บปวดกับความรัก ที่ถูกคนที่เรารักทำร้ายอย่างเจ็บปวดและทารุณ นอกจากนี้แล้วสำหรับซิงเกิลใหม่ก็กำลังลุยทำงานกันเต็มที่นะครับ หลังเพลง “ทารุณ” เราจะมีปล่อยออกมาให้ฟังกันต่อเลย ปีนี้เจอกับ MORE NINE ตลอดปีแน่นอนครับ”
@ยาวๆ กันที่ข่าวของนักร้องสาวคนเก่ง POPPY C. (ชัชชญา ส่งเจริญ) หรือ ป้อปปี้ วง 3.2.1 ที่หวนคืนวงการเพลง พร้อมซิงเกิลใหม่ Try Me (ลองดู) สไตล์ POP R&B ที่กระแสตอบแรงจนเจ้าตัวยิ้มปลื้ม งานนี้ชีวิตจริงลัคกี้อินเกมแอนด์ลัคกี้อินเลิฟ เพราะความรักครั้งกับรุ่นพี่ก็สดใสจนหลายหลายคนอิจฉา
“เป็นความรักที่มีแต่ความรู้สึกสบายใจมากๆ ค่ะ เราคือคนที่เต็มที่กับความรักมากๆ กันทั้งคู่ และให้ความสำคัญกับคนที่เรารักเสมอ จากความผิดหวังในความรักที่ผ่านมา ทำให้เรากลัวการเริ่มต้นใหม่ กลัวความผิดหวัง โดนหักหลัง และกลัวเสียใจมากๆ แต่พอได้มารู้จักกัน เราใช้เวลาค่อยๆ เปิดใจ รักอย่างมีสติ บาลานซ์ความสัมพันธ์ดีๆ ให้เกียรติ เรียนรู้ และปรับตัวเข้าหากันจนวันนี้ เราซัพพอร์ตกันในทุกเส้นทางของชีวิต ไม่ว่าเราหรือเค้าจะทำอะไร ก็จะคอยอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจกันเสมอ อย่างเส้นทางครั้งนี้ ในการกลับมาเป็นศิลปินของป้อปปี้ พี่เค้าก็คอยซัพพอร์ตตั้งแต่ก้าวแรกจนวันนี้เลยค่ะ สำหรับรักครั้งนี้คบกันมาประมาณ 1 ปีกว่าๆ อายุห่างกันประมาณ 10 ปีค่ะ เป็นความพอดีที่ลงตัวมากๆ เรา 2 คนผ่านประสบการณ์ความรักทั้งสมหวังและผิดหวังกันมาทั้งคู่ จนตอนนี้ที่มาเจอกัน เราเรียนรู้จากความผิดหวังต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้เรามีมุมมองความรักที่อยู่บนความเป็นจริง และให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นอย่างดีเลยค่ะ เรื่องอนาคต เคยถามกันว่า ถ้าเรามองถึงอนาคต เราตั้งใจวางแผนเรื่องความมั่นคงในชีวิตของเราทั้งคู่ก่อน แล้วถึงวันที่เราพร้อม หนูเชื่อว่าเราจะสามารถอยู่ดูแลกันได้เป็นคู่ชีวิตที่ดีต่อกัน อาจจะอีก3-4 ปี ค่อยๆ อยู่ดูแลกันไป เราจะเป็นคู่ชีวิตที่ดีของกันและกัน”
“เราคุยกันตลอดว่า ความรักไม่ใช่แค่เรื่องของคน 2 คน เราเลยมองภาพกว้างมากๆ ทั้งครอบครัว คนรอบตัวพี่เค้าและคนรอบตัวที่สำคัญมากๆ ในชีวิตเรา เราให้เกียรติและใช้ทุกๆวันเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความตั้งใจรักของเรา2คนจริงๆ ณ วันนี้ สมรสเท่าเทียมได้เกิดขึ้นแล้ว กฎหมายรองรับ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ สำหรับทุกๆคู่ LGBTQIA+ เราได้แสดงถึงความเท่าเทียมในสังคม ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ หนูในฐานะคู่รักอีก 1 คู่ รู้สึกภูมิใจในความรักที่ไม่มีการแบ่งแยก เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เพศไหน ทุกคนเท่าเทียมกันจริงๆ ทำให้เราได้มองถึงอนาคตร่วมกันอย่างจริงจัง ด้วยความมั่นใจ และมั่นคงมากยิ่งขึ้น ถ้ามีโอกาสได้แต่งงาน หนูถือว่า เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ในฐานะคนรัก คู่ชีวิต และการให้เกียรติคนในครอบครัวของเราทั้งคู่เช่นกัน แต่สุดท้ายแล้ว การแต่งงาน ก็ไม่ใช่ตัวการันตีถึงชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เพราะการมีคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอด ขึ้นอยู่กับการประคับประคองความสัมพันธ์ของคน2คน ว่าจะจับมือกันผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้ไหม ไม่ว่าจะผ่านเรื่องดีหรือร้ายในชีวิต จะยังอยู่เป็นความสุขของกันและกันไหมมากกว่า หนูเชื่อว่า สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงมากที่สุด คือการที่เราจะมีคู่ครองในชีวิตที่รัก ซื่อสัตย์ ให้เกียรติ และสามารถดูแลเราต่อไปในอนาคต ถ้าลูกมีความสุขและมั่นคงจริงๆ คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็จะหมดห่วงค่ะ การสมรสเท่าเทียม ดีมากเลยค่ะ มันเป็นส่วนที่สำคัญมากๆสำหรับทุกๆ คู่รัก และแสดงถึงความเท่าเทียมและเปิดกว้างของสังคมไทยเราได้ดีมาก ดีใจกับทุกๆ คนมากจริงๆ ค่ะ”
@ปิดท้ายกันที่ข่าวของ เป็นประจำของทุกปี ที่รัฐบาลกำหนดให้วันที่ 29 กรกฎาคม เป็น “วันภาษาไทยแห่งชาติ” และได้จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมคนไทยให้ใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้จัดงาน “วันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช 2567” ขึ้น ซึ่งครั้งนี้ผลผลิตจากรายการ The Golden Song เวทีเพลงเพราะ นำโดย ผิงผิง-สรวีย์ ธนพูนหิรัญ แชมป์ซีซั่นที่ 2 ได้รับรางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลหญิง และ สปาย-ภาสกรณ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ รองแชมป์ซีซั่นที่ 1 ได้รับรางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลชาย จากผลการประกวดเพลง (เพชรในเพลง) ในการขับร้องเพลงดีเด่นด้านการใช้ภาษาไทย โดยได้รับเกียรติจาก คุณยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยนั่นเอง
แหม หมดเวลาอีกแล้ว ยังไงใครอยากอ่านข่าวดีต่อ รบกวนรอหน่อยนะคะ ขอเวลาไปหาข่าวมาเสิร์ฟก่อน ตอนนี้นอนรออิชั้นก่อนนะคะทุกคน บัยบายค่า
คอลัมน์ “เม้าท์ 2 เม้าท์”
โดย “คนสวยหลักสี่”
ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/3667706/
ขอขอบคุณ : https://www.dailynews.co.th/news/3667706/