บัวผัน ทังโส เจอวิกฤตครั้งใหญ่ สูญรายได้นับล้าน ไร้เงินเก็บ ขายทองกินต่อชีวิต


ให้คะแนน


แชร์

หมอลำซิ่งคนดัง บัวผัน ทังโส เปิดใจถึงผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 งานหดหาย สูญรายได้นับล้านบาท พ้ออยู่ในวงการหมอลำมากว่า 20 ปี เป็นครั้งแรกได้รับผลกระทบหนักหน่วงขนาดนี้ แต่เจ้าตัวไม่คิดท้อถอย ยืนหยัดเป็นเสาหลักให้ครอบครัวและลูกน้องในวง แม้จะไร้เงินเก็บ แต่ยังมีทรัพย์สินอย่างอื่น ขายทองเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

พักงานหมอลำซิ่งนานเลย?
“กระทบหนักมากเลยค่ะ เราเป็นหัวหน้าวง ลูกน้องต้องแยกย้ายกันไป เครื่องเสียง เวที หางเครื่องต้องแยกย้ายกัน ตัวเราก็ต้องประคองตัวเองให้ได้มากที่สุด ตอนนี้แทบคิดอะไรไม่ออกเลย ปกติเรามีงานตลอด ตอนนี้ต้องหยุดชะงักหมดเลย อาชีพนี้ไม่ว่าจะเป็นหมอลำซิ่ง หมอลำหมู่ นักร้อง งานชะงักหมดเลย มันกระทบหมดเลย โควิดมาพังทลายหมด เป็นครั้งแรกเลยที่เจอแบบนี้ บัวผันอยู่ในวงการมา 20 กว่าปี คราวนี้เป็นครั้งแรกที่รุนแรงมากที่สุดที่มีผลกระทบมากับเรา ถามว่าเครียดแค่ไหน เครียดค่ะ ตอนแรกก็คิดว่ามันคงจะผ่านไปได้เร็ว แต่หลังจากดูข่าวว่ามันต้องยาวออกไปอีก เครียดมาก ทุกวันนี้ก็ได้แต่คิดว่าทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ยืนหยัดด้วยตัวเอง เชื่อมั่นศรัทธาในตัวของเราเองก่อน และปลอบใจลูกน้องทุกคนว่าไม่ใช่แค่เรา มันกระทบทั้งโลก ให้ทุกคนมีสติ ใช้ชีวิตทุกวันให้มีคุณค่าให้มากที่สุด อยู่กับครอบครัวให้มากที่สุดในช่วงที่โควิดมันทำร้ายเรา จะได้รู้ว่าครอบครัวเรามีความรักและความผูกพัน และมีสัมพันธไมตรีกับเพื่อนฝูง ช่วงที่อยู่บ้านกักตัว 14 วัน หนักมาก คิดอะไรไม่ออก แต่พอคลายล็อกดาวน์ไปบ้าง เราก็ออกมาช่วยพี่น้องประชาชนมาเป็นหมอลำจิตอาสาค่ะ”

ดูแลน้องๆในวงกี่คน?
“ตอนนี้มีน้องๆที่ดูแลประมาณ 6-7 คนค่ะ ในส่วนคนขับรถ คนแต่งหน้า คนดูแลเสื้อผ้า ส่วนที่เป็นหางเครื่องก็ให้ทยอยกลับบ้าน นักดนตรีก็กลับบ้าน ส่วนเครื่องเสียงก็เก็บไว้ที่โกดัง น้องๆในวงก็เหมือนเป็นครอบครัว ทุกคนที่มาทำงานกับบัวผันเราถือเป็นครอบครัว มีแต่ลูกมีแต่หลาน เป็นคนจ.อุบลฯทั้งนั้น ตอนนี้ก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปก่อน หมดโควิดเมื่อไหร่ค่อยกลับมา เราอยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว”

รายได้ที่หายไป?
“ถ้าให้ตีเป็นเงินรายได้ที่หายไปช่วงนี้ก็เป็นล้านนะคะ เดือนหนึ่งสมมติว่าเรามีงาน 15 วัน การันตีจ้างทั้งวงคืนละแสนห้า หนักอยู่ค่ะ เราไม่ได้เป็นคนมีการศึกษา ยึดถือเส้นทางนี้ในการทำมาหากิน เราไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น หนักมากจริงๆค่ะ เราก็พยายามหาอย่างอื่นทำไปก่อน เพิ่งทำน้ำสมุนไพรกำลังคิดอยู่ว่าจะใช้ชื่อแบรนด์อะไร ตอนนี้ก็ส่งให้เพื่อนๆ ฝากให้ลองชิมดูก่อนว่าเป็นยังไง คนรอบข้างก็บอกให้เราทำดีเลยกว่าอยู่เฉยๆ เราก็ลงมือทำเป็นน้ำสมุนไพร เพิ่งเริ่มทำมาได้ 2 เดือนแล้วค่ะ”

เป็นหมอลำซิ่งมา 20 กว่าปี พอเจอวิกฤตแบบนี้ เอาเงินเก็บมาใช้?
“ไม่มีเงินเก็บเลยค่ะ พูดแบบไม่อายเลยนะ ได้ขายทองกินแล้ว มีที่นาแค่พอได้ทำข้าวกิน ไม่ได้ขายเพราะเก็บไว้กินเลี้ยงลูกน้อง เงินที่เราเก็บสะสมมาทุกปีตั้งแต่เป็นบัวผันมาซื้อไร่ซื้อนาซื้อบ้านซื้อรถ ซื้อบ้านที่กรุงเทพฯเพื่อให้ลูกน้องได้อยู่ มันก็มากพอแล้วสำหรับผู้หญิงคนนี้ที่ไม่ได้รวย เพราะเราสร้างมาตั้งแต่ยังไม่มีอะไร สร้างด้วยลำแข้งตัวเอง จากไม่มีอะไรจนตอนนี้มีทุกอย่างแล้ว แต่ว่าเราไม่มีเงินเก็บ มันเลยกระทบหนัก ตอนที่มีงานก็ได้แค่เลี้ยงลูกน้องไปแต่ละเดือน ช่วงนี้วิกฤตจริงๆค่ะ”

เอาทรัพย์สินมาขายเพื่อความอยู่รอด?
“ขายทองไปแล้ว 5 บาท ตอนนี้ทองมันมีราคา เราถือว่ามันเป็นทรัพย์สินภายนอก มีเงินเมื่อไหร่ค่อยซื้อใหม่ก็ได้ ตอนนี้ขายไปก่อนได้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ให้พ่อแม่ ตอนนี้แม่เป็นมะเร็งเต้านม ก็ต้องไปหาหมอเป็นประจำ เราต้องหาเงินมาใช้จ่ายในส่วนนี้อยู่แล้ว เราก็ได้มีโอกาสกลับบ้านที่จ.อุบลฯไปดูแลพ่อแม่ ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบบ้านๆ ถามว่าท้อไหม เพราะเราเคยหาเงินได้เยอะ แต่ตอนนี้ไม่มีเลย คำว่าท้อไม่ได้หลุดออกจากปากบัวผันแม้แต่ครั้งเดียว เราเป็นเสาหลัก เป็นฐานให้กับหลายคน อย่าท้อถอย มีแต่รอยยิ้มตื่นเช้ามาก็ยิ้ม กลับบ้านไปดูแลให้พ่อแม่เรากินอิ่มสบาย เราคิดว่าคนที่นอนใต้สะพาน หาเก็บขยะกิน เขายิ่งหนักกว่าเรา เรายังมีมือมีเท้ามีกำลังใจ ยังสู้ต่อไป คนเราถ้าท้อถอยก็จะทำให้ตัวเองมีปมในใจไม่มีกำลังสู้ เราต้องสู้ตามแรงศรัทธาที่มีในใจ เราจะทำอะไรก็ได้ขอให้เชื่อมั่นในตัวเอง เราต้องทำได้แค่นั้นเอง”

หลังจากนี้วางแผนชีวิตยังไงต่อ?
“เรื่องเพลงใหม่เตรียมไว้แล้ว จะปล่อยหลังโควิดซาแล้ว แต่ถ้ามันยังมีต่อไปอีก เราก็ต้องทำใจ ใช้ชีวิตในแต่ละวันไม่ประมาท เหตุการณ์ครั้งนี้มันได้บทเรียนมาก ปกติเราไม่ได้เป็นคนใช้เงินฟุ่มเฟือยอยู่แล้ว เราเคยผ่านจุดความยากจนมาแล้ว เราเคยรวยมาแล้ว ตอนนี้ก็อยู่ตัว เพียงแต่ว่าตอนนี้วงของเรามันได้แค่ต่างคนต่างอยู่แยกย้ายกันไปก่อน ก็ให้คิดในด้านบวกว่าเรามาทำงานนาน ไม่เคยได้อยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่มาหลายปีแล้ว เราได้กลับไปหาพ่อแม่ในช่วง 2-3 เดือนนี้ โควิดทำให้เราคิดได้ว่าเราใส่ใจกับพ่อแม่ ใส่ใจลูก กับครอบครัวที่เราทิ้งห่างมาไกล ได้แต่ส่งเงินไปไม่เคยได้ไปดูแล ได้ทำกับข้าวซักเสื้อผ้า ถูบ้านกวาดบ้านให้ครอบครัว ได้ทำตรงนี้ก็ถือว่าดีแล้วค่ะ”

ขอบคุณภาพจาก IG : bawphanthangos

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_4177591
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_4177591