พลอยทำให้แฟนหนุ่ม ตี๋ AF–วิวิศน์ บวรกีรติขจร แอบหวงมากและหวั่นคนดูติดลุคเซ็กซี่ติดตัว ส่วนความหวานก็คงเส้นคงวาแต่ยังไม่มีแพลนแต่ง ถึงแม้ ฝ่ายชายกำลังเร่งสร้างบ้านซึ่งคาดว่าจะเป็นเรือนหอในอนาคตรึเปล่า

ปาล์ม เผยว่า “ตอนที่ปาล์มจะไปแคสซีรีส์เรื่องนี้ พี่ตี๋จริงจังมากเหมือนไปแคสเองเลย (หัวเราะ) จะสอนเราต้องเชื่อเป็นตัวละครตัวนั้นศึกษาตัวละครนั้นๆ ไม่ต้องสนใจกล้องให้โฟกัส มีสมาธิกับการแสดง”

ช่วยต่อบทให้เราด้วย? “มีค่ะ แต่บางบทไม่ต้องช่วยก็ได้ (หัวเราะ) ในเรื่องด้วยความเป็นภาพการทำงานกลางคืน ในเลานจ์ จะมีบทที่ลูกค้าถึงเนื้อถึงตัว แต่ของปาล์มไม่ค่อยวาบหวิวเท่าไหร่ แต่มีฉากเสื้อผ้าเซ็กซี่อาจจะมีเลิฟซีนนิดๆหน่อยๆอะไรแบบนี้ ตอนแรกไม่ได้บอกเค้า พอเค้ามาอ่านบทก็จะร้อง หะ มีจูบด้วยเหรอ มีแซวๆบ้าง”

หวงแบบนี้มีตามมาเฝ้าที่กองมั้ย? “ไม่ค่ะ พี่ตี๋เค้าเป็นคนปล่อยในเรื่องการทำงาน ต่างคนต่างทำงาน เค้าเหมือนเค้าให้เกียรติรู้อันนี้เป็นงานของเรา เซ็กซี่โน้นนี่นั่นแต่สุดท้ายกลับมาเป็นตัวเราเอง ไม่ใช่คนเซ็กซี่แต่ในบทเซ็กซี่มากก็กลัวคนอื่นเค้าจะติดลุคเราเป็นคนเซ็กซี่ไปเหมือนกัน พี่ตี๋มีพูดเหมือนกัน ถ้าเกิดเรื่องนี้หนูเล่นแบบนี้ เรื่องหน้าจะต้องไปเซ็กซี่แน่ๆ ภาพคนจำเราไปแบบนี้แต่เค้าก็ไม่ได้ห้าม ถ้าไม่ได้โป๊จนเกินไป”

อาการแบบนี้หวงของตี๋ทำให้เรารู้สึกดีมั้ยแฟนหวงมาก? “จริงๆโอเคนะคะ เพราะปกติพี่ตี๋เป็นคนนิ่งๆ ไม่แสดงอาการเท่าไหร่
พอมีเรื่องนี้เข้ามา ดูเรื่องชุด ถามพี่คอสตูมปิดตรงนี้ได้มั้ย อะไรแบบนี้แต่เค้าเคารพการตัดสินใจของเราไม่ถึงขนาดไม่ให้ทำนะ”

ความรักหวานชื่นขึ้นเรื่อยๆ? “ตอนนี้ก็โอเค หวานชื่นมั้ยจริงๆ ก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ยังอยู่ในระดับปกติ ไม่ได้หวานมาก ไม่ค่อยโรแมนติกเพราะเวลาอยู่ด้วยกันเป็นฟิลพี่น้องมากกว่า ไม่ค่อยมุ้งมิ้งๆ”

นิสัยที่แตกต่างกัน? “จริงๆก็อาจจะต่างเพราะเวลาพี่ตี๋ไม่ทำงานก็จะเป็นคนนิ่งๆ โลกส่วนตัวสูง แต่หนูจะเป็นแนวแหย่ๆ แกล้งๆ พูดเยอะๆ บางทีช่วงนึงหนูเงียบๆ เค้าเป็นคนคุยก็จะสลับกัน”

จะมีงานคู่กันบ้างมั้ย? “มีร้องเพลง คือปาล์มมีเล่นหนัง อิโตอินเลิฟ ประเทศญี่ปุ่น และปาล์มก็ร้องเพลงประกอบหนังเอง ทางผู้กำกับเลยดึงพี่ตี๋ มาร้องมาฟีเจอริงด้วยกัน พอทำงานด้วยกันโอเคนะคะ พี่ตี๋ก็สอนอีก (หัวเราะ) แต่ก็โอเคค่ะ”

ตี๋มีนิสัยความเป็นเฮียจะสอนเก่งเรารับมือยังไง? “ใช่ค่ะจะเป็นแนวสอนมากกว่า แต่ทำหรือไม่ทำอยู่ที่เรา(หัวเราะ)”

ต้องปรับจูนกันขนาดไหน? “น้อยมาก ไม่ต้องปรับหรือต้องจูนเท่าไหร่ อย่างที่บอก ถ้าช่วงแรกๆ จะเป็นเรื่องที่แบบว่านิสัยบางอย่าง บางมุมเวลาเค้าไม่ยิ้มดูดุมาก เสียงจะเข้มๆ แข็งๆ ดูจริงจัง ตอนแรกๆไม่ชิน ด่า พูดเสียงดุ เราจะไม่ชิน มีพูดๆ บ่นเรา ด่าเราหรือเปล่าแต่เล็กๆ น้อยๆ ไม่ค่อยมีอะไรต้องปรับจูนกันมากเพราะนิสัยและไลฟ์สไตล์เราคล้ายๆกันกิน ง่าย เที่ยวลุยๆเหมือนกัน ตอนแรกพี่เค้าขับมอเตอร์ไซค์ หนูก็ชอบ แม้กระทั่งต่อโมเดล”

คุยๆ เรื่องแต่งงานกันบ้างหรือยัง? “ยังไม่คุยค่ะ น่าจะเรื่อยๆ เพราะว่าทุกวันนี้ก็รู้สึกว่าแฮปปี้มีความสุขดี ปล่อยไปตามธรรมชาติ ทำงานเก็บเงินก่อน ตอนนี้พี่ตี๋มีสร้างบ้านยังไม่เสร็จเลย”

วางแผนเป็นเรือนหอในอนาคตด้วยหรือเปล่า? “จริงๆบ้านหลังนี้พี่เค้าซื้อมาตั้งนานแล้ว 5-6 ปีแต่ยังทำไม่เสร็จเสียที ตอนแรกเค้าไม่มีเวลา หนูยังแซวเลยทำงานเยอะขนาดนี้มีเวลาใช้เงินเหรอ (หัวเราะ)”.