"แต้ว" ยอมรับพา "ณัย" มากินข้าวกับครอบครัว ยังไม่ได้เป็นการเปิดตัวแฟน


ให้คะแนน


แชร์

หลายคนก็ชื่นชม ต้น-อาชว์ ที่ในวันงานดูแลแต้ว และครอบครัวดีมาก?

“เราก็มองเค้าเป็นเหมือนคนในครอบครัว อย่างพี่เต๋าเวลามีงานอะไรก็จะชวนพี่ต้นมาด้วย เราก็รู้สึกว่าอยากให้เค้ามา อีกอย่างเขาเองก็ผูกพันกับคุณพ่อมากเห็นเค้ามาตั้งแต่เด็กๆ และเค้าก็มาด้วยความเต็มใจ เค้าอยากที่จะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณคุณพ่อด้วย”

แสดงว่าต้นก็เปรียบเสมือนอีกคนในครอบครัวไปแล้ว?

“มันรู้สึกแบบนั้นนะ เพราะเค้าเป็นคนที่หวังดีกับเราคนหนึ่ง และเราก็หวังดีกับเค้า”

ล่าสุดเห็นพาครอบครัวไปทานอาหารญี่ปุ่นเห็นณัยไปด้วย?

“ใช่ค่ะ ได้มาเจอกันหลายๆคน”

หลายคนมองว่าเป็นการเปิดตัวแบบเป็นทางการ?

“ไม่นะคะถ้าเป็นทางการไม่น่าจะเผลอขนาดนั้น”

ตัวเรายังไม่พร้อมด้วยใช่ไหมที่จะเปิดตัวแบบเป็นทางการ?

“แต้วว่ามันเป็นเรื่องที่เราต้องค่อยๆ เรียนรู้ค่ะ มันไม่ใช่อีเวนต์ที่จะต้องเปิดตัวหรือแกรนด์โอเพ่นนิงอะไร”

ความสัมพันธ์กับณัยเป็นไงบ้าง?

“ก็ดีค่ะ เหมือนเราค่อยๆรู้จักกัน ทุกอย่างมันก็ต้องใช้เวลาเนอะ ก็ค่อยๆเรียนรู้ไปค่ะ”

ถ้าให้สถานะตอนนี้ จะเรียกว่าอะไร?

“ก็เรียกว่าเป็นเพื่อนที่เราพยายามรู้จักกันให้มากขึ้น”

เหมือนทางครอบครัวคุณแม่ รวมไปถึงแก๊งเฟอร์บี้ก็ไฟเขียวแล้ว?

“ก็เป็นคนที่เรารู้สึกหวังดีด้วย และเราก็เชื่อว่าเค้าหวังดีกับเรา เราเลยอยากจะพาไปรู้จักกับคนที่เราอยากให้รู้จัก คำว่าไฟเขียวถ้าจะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ หรือจะใช่ก็ไม่ได้ อย่างตอนที่เราเป็นแฟนกับพี่ต้น เราก็ยังอยู่ในสายตาคุณพ่อคุณแม่มาตลอด ยังโดนว่า ยังโดนติ เราเลยคิดว่ามันไม่ได้มีคำว่าไฟเขียวขนาดนั้น เพราะทุกๆอย่างในชีวิตเรา เราจะปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ตลอด คงไม่ได้มีไฟแดงไฟเขียวอะไร”

แก๊งเฟอร์บี้มีคอมเมนต์มั้ย?

“ไม่มีนะคะ เราก็เจอกันคุยกันปกติไม่ได้มีนอกรอบ”

ก่อนหน้านี้ก็เจอกระแสเยอะเหมือนกัน อย่างดราม่าเรามูฟออน แล้วยังไม่มีโอกาสได้พูด เราอยากพูดอะไรมั้ย?

“ใช่ค่ะ แต่แต้วไม่ได้เอามาคิด แต้วว่าทุกคนมีสิทธิ์พูดแต่แต้วคิดว่าเป็นการตัดสินใจของเรา กว่าจะมาถึงวันนี้มันก็ใช้เวลา ทั้งตอนที่เรามีปัญหาจนถึงวันนี้ ถามว่าเสียใจมั้ย เราก็เสียใจอยู่แล้ว แต่ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความทุกข์หรือความสุข เราก็เรียนรู้ที่จะก้าวออกมา ทุกข์ก็อย่าไปทุกข์นาน เรื่องที่ทุกข์ที่สุดในชีวิต กลัวมากๆคือการเสียคุณพ่อ เราก็ต้องมูฟออนออกมาให้เร็ว เพราะต้องกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม หรือเวลาเรามีความสุขมากๆก็อย่าไปยึดติดมาก พยายามอยู่กับตรงนี้ อนาคตจะเป็นอย่างไร พยายามมีสติเราไม่สามารถห้ามใครได้ และไม่มีใครสามารถห้ามแต้วได้เหมือนกัน เพราะมันคือการตัดสินใจของเราที่เราจะรับผลกระทบเอง เราแคร์คนรอบๆข้าง ไม่ทำให้ ใครเสียใจกับการตัดสินใจของเราก็พอแล้วค่ะ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1913791
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1913791