“โรเบิร์ต สายควัน” ครั้งหนึ่งเคยเตรียมตัวตาย! หลอนเห็นผีมารอรับ แต่รอดได้เพราะไหว้พ่อแก่


ให้คะแนน


แชร์


ครั้งหนึ่งเคยเตรียมตัวตาย “โรเบิร์ต สายควัน” รอดปาฏิหาริย์ด้วยบารมี “พ่อแก่” เผยนอนติดเตียงจนเหลือแต่กระดูก หลอนเห็นญาติที่ตายไปแล้วมารอรับไปอยู่ด้วย รับเลิกเสพยาเกือบ 9 ปีเพราะลูกสาวโตขึ้น ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ไม่เคยทิ้งกันในวันที่ตัวเองเกือบตาย

ใครจะไปคิดว่าครั้งหนึ่งของชีวิตที่เคยเตรียมตัวตาย เพราะติดยามากจนน้ำหนักลดลงเหลือ 30 กิโล จนทำให้ต้องนอนติดเตียง ถึงขั้นออกปากกับคนรอบข้างถึงการจัดงานศพและเตรียมคนบวชหน้าไฟให้ตนเอง “โรเบิร์ต สายควัน” หรือ “โรเบิร์ต ดอกมะดัน” หรือชื่อจริง “ไพฑูรย์ พุ่มรัตน์” นักแสดงและตลกชื่อดังที่ครั้งหนึ่งเคยเผยเรื่องราวของชีวิตที่เรียกว่าตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้งให้ทุกคนได้ฟังผ่านรายการ

หลังจากที่เพื่อนๆ คณะตลกออกมาแจ้งข่าวว่าเจ้าตัวกำลังป่วยด้วยอาการของโรคมะเร็งปอด แต่ก็ยืนยันว่าจะไม่ทิ้งเพื่อนคนนี้ไปไหน พร้อมจะให้เงินค่าจ้างตามปกติ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้มาอัดรายการก็ตาม แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน เพราะย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ตลกชื่อดังคนนี้ ต้องป่วยติดเตียงเนื่องจากการเสพยาขนาดหนักจนทำให้น้ำหนักลดลงเหลือ 30 กิโล รวมไปถึงเมียต้องหอบลูกหนีไป ยิ่งทำให้เจ้าตัวหาทางออกด้วยการเสพยาหนักกว่าเดิม แถมยังได้เตรียมตัวตาย จัดแจงงานศพเอาไว้เสร็จสรรพ ซึ่งเจ้าตัวยังเคยพูดผ่านรายการ “แฉ” ว่าที่รอดมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะไหว้พ่อแก่

“เกือบตายมาแล้วนับไม่ถ้วน เกิดจากการที่เราทำตัวแบบผิดๆ เกเรมาตั้งแต่วัยรุ่นก็ช่วงหนึ่ง และมาหนักๆ ก็เพราะว่าไปติดยานี่แหละ สาเหตุของการเฉียดตายครั้งแรกก็เริ่มจากการที่เราโตแล้ว เป็นวัยรุ่น สาเหตุมาจากขับมอเตอร์ไซค์เป็นเด็กแว้นนี่แหละ แต่ก็ไม่ตายนะ และตอนนั้นจากเล่นลิเก ก็มาเป็นกระเป๋ารถเมล์กับหนู เชิญยิ้ม เป็นเพื่อนกัน และจับพลัดจับผลูมาเป็นตลก และพอได้ตังค์มากขึ้นค่าตัวได้เป็นพันๆ ถ้าเทียบกับยุคคาเฟ่ตอนนั้นที่เฟื่องฟูนะ จากที่เสพน้อยๆ ก็กลายมาเป็นเสพมากขึ้น เปลี่ยนตัวยาหลากหลายรูปแบบ เริ่มเสพตั้งแต่อายุ 20 และมาหนักอีกครั้งก็ตอนแฟนที่มีลูกด้วยกัน และพอเราติดยา เขาก็ขอเลิกกับเรา ยิ่งทำให้เราติดหนักไปกว่าเดิมอีก เราดิ่งลงไปกว่าเดิม เพราะเราไม่เหลือใครแล้ว ติดหนักไปกว่าเดิมอีก อาการตอนนั้นคือหลุดไปมาก นอนตามป้ายรถเมล์ได้ คุยกับเครื่องบินรู้เรื่อง ทำให้เราต้องเลิกเล่นตลกไปเลย

ช่วงนั้นเราไม่มีเงินใช้ เราก็ไปขอเงินเพื่อนๆ ที่เป็นตลก ซึ่งพวกเขาก็ไมได้รังเกียจเรา แต่ถ้าเขาให้เรา ก็เหมือนว่าเขาส่งเสริมให้เราเอาเงินไปซื้อยามาเสพ เขาก็เลยคุยกันว่าจะไม่ให้เงินเราอีกแล้ว บวกกับร่างกายเราก็ไม่ไหว ตอนนั้นน้ำหนักลดลงเหลือแค่ 30 กิโล มีแต่กระดูก ข้างในมันแห้งหมดแล้ว ตอนนั้นเราก็นอนอยู่บ้านก็มีเพื่อนๆ ตลกแวะมาเยี่ยม เหมือนแวะมาสั่งลา มาถึงก็ถ่ายรูปคู่กับเรา มันก็จะเก็บรูปนี้เอาไว้เล่าในงานศพ ว่าไปเยี่ยมมา และตอนนี้ไปซะแล้ว เขาก็พูดแซวๆ ซึ่งในตอนนั้นเราก็เตรียมตัวตายเรียบร้อยแหละ เตรียมจัดงาน ไปหารุ่นน้องว่าจะให้ใครบวชให้บ้าง เพราะตอนนั้นเราเดินไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ออก และเวลานอนก็จะเห็นแต่ผี ทั้งญาติเราที่ตายไปแล้ว เขาก็จะมาหา มาคุยกับเรา และคนที่เฝ้าเราก็จะเห็นว่าเรานอนคุยกับใครอยู่ ซึ่งเขาไม่เห็นว่าเราคุยกับใคร แต่เราเห็นว่ามีคนมาคุยกับเราหลายคนเลย แต่ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการหลอนจากยา หรือจะเป็นจุดสุดท้ายของชีวิตที่เจ้ากรรมนายเวรจะกลับมา เจอแบบนี้อยู่หลายเดือน

และที่ฟื้นกลับมาได้ ก็เพราะว่าเราได้พูดกับรุ่นน้องว่าก่อนตาย เราอยากจะไหว้ครูสักครั้ง เราไม่เคยจัดงานไหว้ครู ไหว้พ่อแก่เลย และตอนนั้นเองก็ไม่มีเงิน ปกติเราก็ยกมือไหว้ตลอด แต่เรายังไม่เคยจัดงานไหว้ครูเลยสักครั้ง เรียกได้ว่าขอไหว้ก่อนตายก่อน เราก็ฝากรุ่นน้องที่ดูแลเราไปบอกข่าวให้เพื่อนๆ ตลกว่าเราจะทำพิธีไหว้ครู หลังจากการไหว้ครูไม่กี่วัน ประมาณ 3 วันได้ หลังจากกินอะไรไม่ได้ ก็กลับมากินได้ เริ่มลุกขึ้นได้ เริ่มเดินได้บ้าง ผมว่าส่วนหนึ่งมาจากกำลังใจนะ เพราะมีเพื่อนๆ ไปเยี่ยมที่บ้าน และต่อจากนั้นก็มีงานไหว้ครูของบอล เชิญยิ้ม เพื่อนๆ ก็ไปรวมตัวกันที่นั่น เราก็ไปด้วย และพอเห็นเขาขึ้นไปเล่นโชว์ในงานนั้นมันทำให้เราอยากเล่นด้วย เราจึงคิดว่าเราต้องรีบหายไวๆ

และชีวิตหลังจากรอดความตายเพราะการไหว้ครูเลย ตอนนี้ไม่ได้ยุ่งอีกเลย และมีเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กมาถามว่าทำยังไงถึงเลิกได้ ผมก็จะแนะนำเลยว่าง่ายๆ เลยถ้าคุณไม่เข้าไปยุ่ง ไม่ไปเกี่ยวกับมัน คุณเลิกได้แน่ จิตใจต้องเข้มแข็ง อย่างที่ครูเคยสอนไว้ว่าโจรปล้นยังเหลือบ้าน ไฟไหม้ยังเหลือที่ ถ้ายาเสพติดย่ำยี ชีวีคุณจะไม่เหลือ และพอเราเริ่มดีขึ้นบอล เชิญยิ้มก็บอกว่าให้มาอยู่ทีมเดียวกัน”

นอกจากปาฏิหาริย์ของการ “ไหว้พ่อแก่” แล้ว ตลกชื่อดังยังได้ถ่ายทอดชีวิตของการติดยาว่าครั้งหนึ่งเคยติดคุก เพราะถูกตำรวจจับ เหตุตัวเองไปนอนอยู่ข้างถนน ถูกขังไป 15 วัน แต่พอหลังจากนั้นออกมาแล้วก็ยังหวนกลับไปเสพเหมือนเดิม ซึ่งในรายการ “ตีท้ายครัว” ยังเล่าให้ฟังสาเหตุที่ทำให้เลิกยาเสพติดอย่างจริงมากว่า 9 ปีแล้วก็เพราะลูกสาว 2 คนนี้

“เมื่อก่อนช่วงวัยรุ่น โตมาจากพ่อแม่ไม่ได้อยู่ใกล้ ไม่ได้มีใครบังคับ มันก็เลยทำให้เราได้ใช้ชีวิตได้อิสระ ได้ลองทุกอย่างเลย และถามว่าเคยโดนจับไหม ก็เคย เคยขึ้นโรงพักแต่ไม่ถึงกับต้องติดคุก ตอนนั้นเราติดยาแล้ว เราก็จะมาขอตังค์พวกตลกด้วยกัน ด้วยอาการอยากยา 

ตอนนั้นเราก็เดินไม่ไหว และพอดีตรงนั้นมีสวนหย่อม เราก็นอนตรงสวนหย่อมข้างวัดพระแก้วจนถึงเช้า จนมีตำรวจเขาขับรถสายตรวจผ่านมาพอดี เขาเลยโทร.หาพี่ดี๋เลย เพราะเขาเป็นเพื่อนกัน บอกพี่ดี๋ว่าเจอลูกน้องมึงด้วย ไม่รู้ว่ามันเมายาหรือเปล่า เพราะมันโทรมมาก พี่ดี๋ก็บอกเลยว่าจับมันไปขังเลยเพราะมันติดยา ถ้าปล่อยไปเดี๋ยวมันตาย 

เพื่อนพี่ดี๋ก็เลยเอาเราไปขังไว้ 15 วัน เพื่อให้เราเลิก จะได้ทำให้เราห่างยา แต่ไม่ได้มีการลงบันทึกประจำวันอะไรนะ คือเขาขังให้เราเพื่อให้เราเลิกยาและพอครบ 15 วัน ตำรวจเขาก็ปล่อยเราออกมา เห็นว่าเราเลิกขาดแล้ว แถมยังให้เงินมา 600 บาทและก็บอกว่าสงกรานต์นี้ กลับไปบ้านเลยนะ แต่เราก็เอาเงิน 600 บาทไปซื้อยาต่อ เพราะมันยังไม่สำนึกไง

แต่จุดเปลี่ยนของการเลิกยาเพราะด้วยลูกนี่แหละ ลูกเราโตขึ้นแล้ว เป็นผู้หญิงทั้งสองคนเลย เรียกได้ว่าหักดิบเลย และเราได้ไปงานบวชที่เกาะช้าง ระหว่างที่อยู่บนเรือ ในมือเรายังเหลืออยู่อีกก้อนหนึ่ง เราก็สาบานต่อหน้าทะเล ต่อหน้าฟ้าตรงนั้นเลยว่า เลิกแล้วนะ จากวันนี้ รับรองว่าจะไม่กลับไปอีกแล้ว และก็ทิ้งลงไปในทะเลเลย จากวันนั้นจนมาถึงวันนี้ก็ไม่ได้ยุ่งอีกเลย คือเลิกมาแล้ว 9 ปีที่เลิกขาดแล้ว”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9630000086138
ขอขอบคุณ : https://mgronline.com/entertainment/detail/9630000086138