เพจดังสรุปดราม่า “ศรราม-ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” ตั้งแต่เริ่มรัก จนถึงเลิกลา


ให้คะแนน


แชร์

ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ หลังจากหนุ่ม “ศรราม” โชว์ใบหย่า ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งบอกให้เจ้าหนี้ทั้งหลาย ที่จะติดตามทวงหนี้ ให้ไปติดต่อที่ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ อดีตภรรยาได้เลย เนื่องจากแยกกันอยู่แล้ว และเหลือเพียงสถานะพ่อและแม่ของลูกเท่านั้น

1.ปี 2561 “หนุ่ม ศรราม” คบหาดูใจอยู่กับ “นิโคล เทริโอ” แต่ต่อมามีข่าวเลิกรา พร้อมกับข่าวพัวพันอดีตนางงาม “น้ำฝน ทวีพร” ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน

2.ในขณะที่คนจับตามองความสัมพันธ์ศรราม-น้ำฝน จู่ ๆ ก็มีชื่อ “ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ส” ปรากฏขึ้นในฐานะแฟนใหม่ของศรราม ซึ่งติ๊กเป็นที่รู้จักจากรายการเรียลิตี้ “บิ๊กบราเธอร์ส” เมื่อปี 2549 ด้านน้ำฝนก็ออกมาโวยว่า เธอกับศรรามคุยกันอยู่ แล้วติ๊กมาจากไหน

3.วันที่ 21 กันยายน 2561 ศรรามในวัย 45 และติ๊กวัย 35 เข้าพิธีแต่งงาน จดทะเบียนสมรส พร้อมกับอัลตร้าซาวนด์ลูกในท้องในวันเดียวกัน แล้วเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2562 ติ๊กก็ให้กำเนิดลูกสาวชื่อ “น้องวีจิ”

4. หลังแต่งงานทั้งคู่มีข่าวดราม่าไม่ขาด เช่น ติ๊กกับน้ำฝนโพสต์ด่าจิกกัดกันไปมา มีศรรามแจมด้วยบางครั้ง, ติ๊กยืมรูปนิ้วกลางของลูกสาววัย 2 เดือน มาโพสต์ด่าชาวเน็ต ฯลฯ

5.มกราคม 2563 ศรรามแจ้งความว่าเงิน 4.5 แสนบาท หายไปจากบัญชีธนาคาร พบว่ามีคนกดจากตู้เอทีเอ็มหลายครั้ง ต่อมาธนาคารออกหนังสือชี้แจงว่า คนใกล้ตัวของศรรามเป็นคนกดเงินไป

6. จากนั้นศรรามก็ไม่ออกมาพูดอะไรเรื่องนี้อีก ทำให้เกิดข่าวเม้าท์มอยว่าติ๊กนั่นแหละเป็นคนแอบกดเงินสามี แต่จากโพสต์ในไอจีทั้งคู่ก็ยังดูมีความสุขและเข้าใจกันดี เรื่องนี้เลยเงียบไป

7.มีนาคม 2563 เมื่อเกิดโควิด-19 ระบาด เจ้าของคลินิกแห่งหนึ่งแจ้งจับติ๊กข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากสั่งซื้อหน้ากากอนามัย 2 แสนชิ้นจากติ๊ก และโอนเงินมัดจำให้แล้ว 9 แสนบาท แต่ไม่ได้หน้ากาก และติ๊กบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย ๆ

8. ศรรามออกมาไลฟ์ชี้แจงแทนติ๊กว่า จะคืนเงินทั้งหมดให้ ยืนยันว่าภรรยาไม่ได้โกง แต่ตอนนี้หน้ากากเป็นสินค้าควบคุมตามประกาศของรัฐบาล ตนไม่ต้องการทำผิดกฎหมายจึงขายให้ไม่ได้ ส่วนติ๊กแม้จะไม่ได้ร่วมชี้แจง แต่ก็คอยคอมเมนต์ตอบโต้ชาวเน็ตอย่างดุเดือด

9.จากนั้น “นายอัฉริยะ” ซึ่งเป็นคนพาเจ้าของคลินิกมาแจ้งความ ออกมาปูดว่าศรรามกับติ๊กหย่ากันตั้งแต่มกราคม 2563 แล้ว จนเกิดเป็นข่าวสะพัดไปทั่ว

10. ติ๊กให้สัมภาษณ์ว่าหย่ากันจริง แต่เป็นการหย่าแก้เคล็ด ตอนนี้ตนกับศรรามยังอยู่ด้วยกัน ยังรักและเข้าใจกันดี พร้อมโพสต์ภาพครอบครัวอบอุ่นยืนยัน

11. วันที่ 3 กันยายน 2563 ศรรามโพสต์รูปใบหย่าซึ่งสลักหลังว่าให้ลูกอยู่ในความดูแลของบิดา โดยศรรามระบุในแคปชั่นว่า มีคนตามทวงหนี้ติ๊กถึงบ้านและโทรหาตนด้วย จึงขอแจ้งว่าตนกับติ๊กหย่าขาดกันแล้ว และติ๊กก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านตนแล้ว ให้เจ้าหนี้ติดต่อติ๊กโดยตรง ตนกับลูกไม่รู้เรื่องด้วย

เพจดังสรุปดราม่า "ศรราม-ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์" ตั้งแต่เริ่มรัก จนถึงเลิกลา

12.ต่อมาติ๊กโพสต์รูปแม่หมา ลูกหมา และแคปชั่นว่า “อิจฉาหมา หมามันยังรักลูก แล้ว…ล่ะ” พร้อมแท็กศรราม

13.ศรรามตอบโต้ด้วยการโพสต์คลิปพร้อมแคปชั่นว่า “รักลูก รักสามี มันเป็นแบบนี้หรือครับ? เหตุเกิดวันที่ 29 สิงหาคม 2563 ให้อภัย ให้โอกาส ให้เวลาครบถ้วนแล้วครับผม”

14. โดยคลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่ศรรามโทรคุยกับเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งที่จ้างเขาไปโชว์ตัว เจ้าของร้านบอกว่าจ่ายค่าตัวให้ศรรามครบแล้ว ครั้งแรกจ่ายมัดจำ 55,000 บาท และครั้งที่ 2 จ่ายเป็นเงินสดหลังเสร็จงาน

15. ในส่วนของเงินมัดจำนั้น เจ้าของร้านบอกว่าติ๊กบอกให้โอนเข้าบัญชีติ๊กแทนบัญชีศรราม แต่ติ๊กกลับไม่บอกศรรามว่ารับเงินมัดจำมาแล้ว

16.เดือดกว่านั้นอีก เมื่อศรรามตอบคอมเมนต์ “มอส ปฏิภาณ” ที่เข้ามาให้กำลังใจว่า แม้แต่ทองที่คนรับขวัญน้องวีจิก็หมดไปแล้ว ส่วนล็อกเก็ตทองคำรูปน้องวีจิที่มอสสั่งทำให้นั้น โชคดีที่มีคนซื้อไว้และเอามาคืนให้

17.เดือดไปอีกเลเวล เมื่อติ๊กมาคอมเมนต์ว่า “ระวังความหายนะกลับไปหาตัวพี่เอง ถ้าไม่หยุด เดี๋ยวสังคมจะรู้ว่าเล่นบทบาทรักเมียรักลูกมากจะเป็นยังไง”

18. ต่อมาติ๊กไปออกรายการ “โหนกระแส” ของ “หนุ่ม กรรชัย” และยอมรับว่าออกจากบ้านศรรามมา 11 วันแล้ว ช่วงแรกยังคุยกันตามปกติ แต่หลัง ๆ ศรรามบอกให้คุยผ่านทนาย เธอจึงบล็อกไลน์และเบอร์โทรของเขาไป

19. ติ๊กยอมรับว่าเธอกับศรรามหย่ากันเพราะมีปัญหา ไม่ได้หย่าแก้เคล็ด แต่ที่ให้สัมภาษณ์ว่าหย่าแก้เคล็ดก็เพราะตอนนั้นเธอเชื่อว่าจะสามารถทำให้ครอบครัวกลับมาอยู่จุดเดิมได้

20.ติ๊กบอกว่าก่อนคบกับศรราม เธอมีหนี้ 3 แสนบาท ซึ่งเธอก็บอกศรรามตรง ๆ และเขาก็ใช้หนี้ให้ แต่ยังมีหนี้อื่นที่ไม่ได้บอกเขาอีก หนี้ก้อนนี้เธอยอมให้ยึดมอเตอร์ไซค์ดูคาติไปแล้ว แต่เรื่องลุกลามถึงขั้นยึดบ้านและที่ดิน ซึ่งศรรามก็ช่วยจ่ายหนี้ส่วนนี้ให้อีก

21.นอกจากนี้ยังมีหนี้ที่เกิดจากการลงทุนฝากเงินกับธนาคารปีละ 2.7 แสนบาท เมื่อเงินไม่พอจึงไปยืมจากคนรู้จัก 2 คน นำไปให้ธนาคาร แต่ต่อมาเจ้าหนี้ทั้งสองมาทวงหนี้พร้อมกัน และขู่ว่าถ้าไม่ได้เงินจะบอกนักข่าวและบอกศรราม เธอจึงไปขอเงินจากศรรามมาใช้หนี้อีก

22. ที่ไม่ได้บอกเรื่องหนี้สินทั้งหมดตั้งแต่แรก เพราะไม่คิดว่าจะมาถึงขั้นแต่งงานกัน เมื่อแต่งแล้วก็คิดว่าจะทำงานใช้หนี้เอง เช่น ค่าตัวที่ได้จากการออกงานด้วยกันจะเอาไปจ่ายหนี้เรื่อย ๆ แต่สุดท้ายก็จ่ายไม่ทัน

23. ยอมรับว่าความรู้สึกของศรรามพังเพราะเรื่องเงิน เขาดีมาก ๆ ใช้หนี้ให้เธอทุกครั้ง แต่มันเกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนเขารู้สึกว่าทำไมมันถึงไม่จบไม่สิ้นเสียที ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเธอเอง

24.ส่วนเรื่องแอบกดเงินจากบัตรเอทีเอ็มศรรามนั้น เกิดจากเธอไปยืมเงินคนรู้จักมาแล้วไม่มีเงินใช้คืน จึงไปลองเล่นการพนันออนไลน์ (บาคาร่า) หวังจะได้เงินมาใช้หนี้ แต่กลายเป็นเสียเงินไปอีก 2 แสน เธอรู้รหัสผ่านบัตรเอทีเอ็มของเขา จึงแอบไปกดเงินมาใช้หนี้

25.ติ๊กบอกว่าเธอกดเงินไป 4 ครั้ง 1 แสนบาท 2 ครั้ง และ 50,000 บาท อีก 2 ครั้ง รวม 3 แสนบาท มาถึงตรงนี้กรรชัยแย้งว่า ทราบมาว่าติ๊กกดไป 5 แสน ไม่ใช่ 3 แสน ติ๊กยืนยันว่าไม่ถึง 5 แสน เธอกดมา 4 แสนเท่านั้น เพื่อเอาไปคืนเจ้าหนี้ 2 แสน และอีก 2 แสนเอาไปใช้หนี้พนันออนไลน์

เพจดังสรุปดราม่า "ศรราม-ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์" ตั้งแต่เริ่มรัก จนถึงเลิกลา

26. ติ๊กอ้างว่าที่จริงศรรามรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นคนกดเงิน วันนั้นเขาเดินเข้ามาในบ้านแล้วบอกว่าเงินหาย เธอจึงบอกว่าหนูเป็นคนเอามาเอง ศรรามทำท่าเหมือนรับรู้แต่กลับไปแจ้งความ ซึ่งเธอคิดว่าศรรามน่าจะจำไม่ได้ เพราะเขาอยู่ในช่วง ‘ซัคเซสร่างกาย’ (ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าแปลว่าอะไร)

27. เมื่อรู้แน่ชัดว่าเธอเป็นคนเอาไป เขาก็ไม่เอาเรื่อง ศรรามขอให้เธอพูดกับเขาตรง ๆ ทุกเรื่อง ถ้ามีอะไรต้องใช้จ่ายก็ขอให้บอก ซึ่งเธอก็รับปากว่าจะไม่ทำอีก

28. กรรชัยถามว่าได้เงินเดือนจากศรรามหรือไม่ ติ๊กบอกว่าไม่ได้เป็นเงินเดือน แต่ศรรามให้ใช้อาทิตย์ละ 500 บ้าง 2,000 – 3,000 บ้าง

29. ส่วนเรื่องเงินมัดจำค่าตัว 55,000 บาทนั้น ติ๊กยอมรับว่าเธอเอามาจริงโดยไม่ได้บอกศรราม เพื่อเอาเงินจำนวนนี้ไปไถ่โฉนดที่ดินคืนให้พ่อ

30. ติ๊กบอกว่าเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม มีการเคลียร์กันในครอบครัว โดยพ่อบุญธรรมของเธอมารับฟังด้วย ศรรามพาเธอไปวัดและขอให้เธอพูดความจริงทุกอย่าง ซึ่งเธอก็พร้อมจะพูดทุกอย่าง รวมทั้งกำลังจะบอกเรื่องเงินค่าตัว แต่ศรรามมารู้เองเสียก่อน จึงโกรธมาก และให้ตนออกจากบ้าน

31. จากนั้นกรรชัยถามเรื่องทองรับขวัญที่มีคนซื้อให้น้องวีจิ เช่น เฮียฮ้อ, นิด อรพรรณ, มอส ฯลฯ ร่วม 10 บาท ซึ่งศรรามบอกกรรชัยว่าตอนนี้เหลือแต่ล็อกเก็ตอันเดียว ที่เหลือเพราะติ๊กให้คนชื่อ “พี่ปรีชา” ขี่มอเตอร์ไซค์พาไปขายทอง พี่ปรีชาเห็นล็อกเก็ตน่ารักดี จึงขอซื้อในราคา 4,500 บาท ซึ่งตอนนี้ศรรามซื้อกลับมาแล้ว

32. ติ๊กบอกว่าเธอขายทองของลูกจริง แต่ขายไปแค่ 3 บาทเท่านั้น และขายทีละเส้นเพื่อใช้หนี้ ทองของลูกยังเหลืออีก 7 บาท รวมทั้งแหวนและกำไลเพชร ซึ่งเธอเก็บซ่อนเอาไว้ แต่ศรรามไม่รู้

33. ส่วนเรื่องหน้ากากอนามัย ลูกค้าจ่ายมัดจำมา 9 แสนจริง และเธอโอนเงินทั้งหมดให้โบรกเกอร์ (นายหน้าจัดหาหน้ากาก) ไปแล้ว แต่โบรกเกอร์หาหน้ากากให้ไม่ได้และไม่ยอมคืนเงิน ศรรามคิดว่าเธอเอาเงินไปเล่นพนัน แต่เขาก็ยอมจ่ายหนี้ให้

34. กรรชัยถามว่าถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่ฟ้องโบรกเกอร์ ติ๊กบอกว่ากลัวมีปัญหาตามมา เพราะมีชื่ออยู่ในลิสต์ (ไม่แน่ชัดว่าลิสต์อะไร จับใจความไม่ได้) และกลัวเรื่องถึงหูนักข่าว

เพจดังสรุปดราม่า "ศรราม-ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์" ตั้งแต่เริ่มรัก จนถึงเลิกลา

35. จากนั้นกรรชัยเล่าว่า เขาถามศรรามว่า ทำไมจึงโพสต์เรื่องทั้งหมดลงโซเชียล ไม่กลัวลูกจะมีปมตอนโตหรือ ศรรามตอบว่าเขาต้องเลือกและต้องแลก เพื่อให้ติ๊กหยุด ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็หยุดติ๊กไม่ได้ ถ้าติ๊กยังเป็นแบบนี้จะไม่มีวันได้เจอลูกอีก

36. ส่วนที่โพสต์คลิปเสียงเพราะไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่านี้แล้ว ตนมีแค่ 2 ทางเลือก คือ 1. มีคนไปเคาะประตูบ้านทวงเงิน ซึ่งในบ้านมีลูกกับแม่อยู่กันสองคน เพราะเขาต้องไปทำงาน 2. เขาเชื่อว่าเมื่อลูกโตขึ้นลูกจะรับได้ ดีกว่ามีคนไปทวงหนี้แม่ แล้วเกิดอันตรายกับชีวิตลูก

37.ศรรามอยากให้ติ๊กเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ ใช้ชีวิตใหม่ อยู่กับตัวเองให้มากขึ้น หาที่อยู่-หางานทำให้เป็นหลักแหล่ง แล้วจะได้ย้อนกลับไปดูแลลูก แต่ ณ ตอนนี้ศรรามมองว่าติ๊กเป็นบุคคลที่ไม่สามารถดูแลลูกได้

38.กรรชัยบอกว่าเขาถามศรรามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ศรรามตอบว่าเขาช่วยติ๊กมาตลอดทุกครั้ง แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ เพราะแทบไม่เหลืออะไรแล้ว ต้องเก็บเงินไว้ให้ลูก

39.ติ๊กบอกว่าหนี้ที่มีคนมาทวงถึงบ้านแค่ 26,000 บาทเท่านั้น และตอนนี้เขาก็ยกหนี้ให้แล้ว เพราะมันนานมากแล้ว ตอนนี้ตนไม่มีหนี้แล้ว

40. กรรชัยถามย้ำว่า แน่ใจนะว่าไม่มีหนี้แล้ว ติ๊กจึงยอมรับว่ายังมีหนี้อยู่อีก 4 แสน เจ้าหนี้เป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งและเขาไม่ได้ทวง มีแล้วค่อยจ่าย เป็นหนี้ที่เกิดจากการที่เธออยากได้ที่นา 14 ไร่

41. ติ๊กบอกว่าที่ผ่านมาเธอกับศรรามเคยคุยกันภายในครอบครัวหลายครั้ง แต่เธอรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของเธอ และไม่ได้อยากจะรับฟังเธอจริง ๆ

42. เป็นที่สังเกตว่าตลอดการสัมภาษณ์ติ๊กร้องไห้ตลอด และพูดจาวกวน ตอบไม่ตรงคำตอบ จนกรรชัยต้องบอกให้ตั้งสติ ฟังคำถามให้ดี ๆ อย่าตอบไปทางอื่น

เพจดังสรุปดราม่า "ศรราม-ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์" ตั้งแต่เริ่มรัก จนถึงเลิกลา

43.ติ๊กพูดทิ้งท้ายว่า ถึงแม้เธอจะไม่มีประสิทธิภาพในการเป็นเมีย แต่เธอเชื่อว่าตัวเองมีประสิทธิภาพในการเป็นแม่

44. หลังติ๊กไปออกรายการ ศรรามให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่าสิ่งที่ติ๊กพูดมีจริงบ้างไม่จริงบ้าง แต่ขอปล่อยผ่าน ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เพราะแค่นี้ก็ทุกข์พอแล้ว

45. ศรรามบอกว่า หากติ๊กเป็นคนใหม่ได้ ตั้งใจทำงาน มีชีวิตที่ดีขึ้น เขาก็อยากให้ติ๊กมาดูแลลูก แต่ตอนนี้ดูแล้วติ๊กคงจะไม่พร้อมจริง ๆ

46. ต่อมาติ๊กได้โพสต์ขอโทษทุกคน ทั้งศรราม ลูก และเจ้าหนี้ ยอมรับว่าตนพลาดไปแล้ว ขอน้อมรับทุกคำด่า สมควรแล้วที่ตนจะสูญเสียคนรักและครอบครัวไป แต่จากนี้จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อลูก และจะไม่ผิดพลาดอย่างนี้อีก

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/ent/442675
ขอขอบคุณ : https://www.komchadluek.net/news/ent/442675