แนท อนิพรณ์ เพิ่งรู้แม่ติดหนี้ 5 ล้าน ไม่ต้องขอโทษเพราะเป็นสิทธิ์ของแม่ (คลิป)


ให้คะแนน


แชร์

เขาบอกว่าเอาของเราที่ให้ไปขาย?
“จริงๆ ก็เป็นของนอกกายเนอะ ก็เหมือนที่เขาให้สัมภาษณ์แหละค่ะ”

คุณแม่มีปัญหาการเงินมาก่อนหน้านี้ไหม?
“อืม…คือถ้าข้อมูลเนี่ยอันนี้หนูไม่ทราบค่ะ คือหนูเป็นคนที่แฟร์ๆ แมนๆ หนูเป็นคนให้เกียรติ ให้อิสระกับทุกคน เช่น หนูให้เงินเดือนตากับยาย ก็จะไม่ถามว่าตากับยายเอาเงินไปใช้อะไรค่ะ

หนูเอาเงินให้น้องไปเรียนหนังสือ หนูก็ไม่ถามว่าเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมรึยัง จะไม่ไปลงรายละเอียดตรงนั้น เพราะหนูรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบเอง”

เจ้าหนี้ไม่มีไลน์มาขอเงินเราเลยเหรอ?
“อ๋อ ที่หนูรู้เนี่ยจริงๆ เขาติดต่อไปทางพี่สาวหนูคือพี่นิต้า (อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์) แล้วทีนี้หนูก็มองว่าเฮ้ย ทำไมพี่นิต้าเงียบๆ ก็เลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอหนูทราบก็โอ้โห พี่เราเหมือนรับรู้ก่อน ก็คือรับรู้ด้วยกัน คือเหมือนเขารับโทรศัพท์อยู่”

มีเจ้าหนี้โทรมาทวงเงินไหม?
“คือมันตลกอยู่อย่างนึงก็คือ ทุกคนจะเข้าหาทางพี่สาวหนู ไม่มีใครเข้าหาหนูตรงๆ เออ…หรือว่าเราดูใจร้ายเกินไป (ยิ้ม) หรือลุคเราดูดุ เราก็ไม่ได้ดูดุนะ ออกจะเฟรนด์ลี่ค่ะ”

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สะสมมาตั้งนาน?
“หนูมองว่ามันแยกส่วนกันค่ะ ซึ่งหนูเป็นแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้นเสมอมา ส่วนในเรื่องของแม่ มันเป็นฟีลที่แบบว่า…เราต้องให้เกียรติเขาน่ะ เขาจะทำอะไร เราไม่สามารถไปบังคับชีวิตเขาได้ค่ะ”

เรายังไม่ได้คุยกับเขาหลังจากเกิดเรื่อง?
“ใช่ค่ะ หนูยังไม่ได้คุยโดยตรงค่ะ”

เห็นว่าเป็นหนี้หลักล้านเลย ประมาณ 5 ล้าน?
“คือจริงๆ ตรงนี้คือหนูคุยผ่านพี่สาว มันเป็นเรื่องกระบวนการทางกฎหมายค่ะ ซึ่งจะมีเรื่องกฎหมายเข้ามาช่วยด้วย และช่วงนี้เหมือนอยู่ในช่วงการไกล่เกลี่ย การนัดไปสถานีตำรวจเพื่อไกล่เกลี่ยจะให้มีการยอมความ

แต่คงไม่ยอมหรอก มันอาจจะมีหลายอย่าง เป็นกระบวนการทางกฎหมาย เราก็ต้องให้เกียรติกับทางตำรวจและแม่กับเจ้าหนี้ด้วย หนูยังไม่ได้เข้่าไปแทรกแซง”

ยังไม่ได้เข้าไปช่วยจัดการอะไรใช่ไหม?
“คือหนูไม่มีสิทธิ์ในการจัดการอยู่แล้วค่ะ เพราะแม่เขาก็บอกว่าตอนนี้เขากำลังนัดกับคุณตำรวจ อยู่ในกระบวนการตามกฎหมาย”

ถ้าแม่ไม่มีเงินจ่าย เราพร้อมจะช่วยเหลือแม่ไหม?
“อืม ตอนนี้หนูต้องยอมรับว่าหนูดูแลคุณตาคุณยายและน้องมาตลอด หนูเหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งหนูยังอยากทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดแล้ว เพราะตอนนี้คุณตาคุณยายก็แก่แล้ว

ไม่ว่าจะเป็นค่าหมอหรือค่ารักษาพยาบาล หนูเป็นคนที่รับผิดชอบค่ะ ในส่วนตรงนั้นหนูต้องขอให้หนูกลับไปคุยกับทางครอบครัวหนูอีกทีนึงค่ะ แต่ยังไงแล้วหน้าที่หลักๆ คือดูแลคุณตาคุณยายและมีน้องอีกค่ะ”

ที่เราบอกว่างอน ไม่ได้คุยกับคุณแม่เลย เป็นปัญหาเรื่องเงินหรือเรื่องเอาของเราไปขายรึเปล่า?
“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ งอนแบบประมาณว่าแม่มารับช้าค่ะ บางทีหนูถ่ายละครแล้วเลิกดึกแล้วแม่มารับช้า เหมือนแบบงอนๆ ค่ะ บางทีแม่เหมือนมีปัญหาเรื่องผ่าตัดตา เหมือนเขาตาฝ้าๆ ต้องทำกายภาพ

ซึ่งบางทีเขาลุกไม่ไหวในการที่จะมารับส่งเรา เราก็งอนว่าทำไมไม่มาหามารับสักที แต่น้าเราเป็นคนมาสแตนด์บายตลอดค่ะ เราก็จะงอนๆ”

สรุปว่าเรื่องภาระหนี้สินเราไม่เคยระแคะระคายมาก่อนเลย?
“ใช่ค่ะ หนูก็รู้พร้อมทุกคน”

คุณแม่ขอโทษเราไหมหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้?
“คือจริงๆ แม่ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกค่ะ อย่างที่หนูบอกเป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาจะทำอะไร หนูไม่สามารถที่จะห้ามได้อยู่แล้ว มันก็เหมือนถ้าเรามีลูก เราเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาได้

แต่เราไม่สามารถเลี้ยงความคิดความอ่านเขาได้ ถ้าเป็นในกรณีนี้มันอาจจะคล้ายกัน คือทุกคนมีสิทธิเสรีภาพทางความคิด ซึ่งหนูไม่สามารถไปจำกัดความคิดอะไรใครได้ค่ะ”

แม่บอกว่าไม่อยากให้ใครต่อว่าเรากับพี่สาว?
“หนูก็รู้สึกดีใจนะ แต่จริงๆ เจ้าหนี้ก็ไม่มีใครได้มาคุกคามหรือมาต่อว่านะคะ เขาก็น่ารัก ไม่งั้นเขาคงเขียนด่าหนูไปแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่มีนะคะ”

เรากังวลไหมว่าข่าวจะกระทบกับงาน ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือของเรา?
“คือเหมือนที่หนูบอกว่าต้องแยกส่วนกัน อันนั้นคือสิ่งที่แม่ทำ แต่ว่าในส่วนตัวหนู ถามว่ากังวลมั้ยเหรอ หนูก็ไม่ได้กังวลมากมายขนาดนั้นค่ะ เพราะเราก็รู้อยู่ว่าเราเป็นยังไงค่ะ หนูเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นเหมือนเดิมค่ะ”

แบบนี้ต้องตัดขาดการทำธุรกิจร่วมกันกับคุณแม่เลยมั้ย?
“โอ้โห คำยิ่งใหญ่มาก (หัวเราะ) คือจริงๆ หนูเรียกว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการบริหารมากกว่า หลักๆ คือหนูมีผู้จัดการคือมีช่องและพี่เออยู่แล้ว ก็มาคุยบริหารจัดการตรงนี้มากกว่า”

ก่อนหน้านี้แม่เคยมายืมเงินหรือขอเงินพิเศษมั้ย?
“คือในส่วนที่หนูมีให้เขา หนูก็ให้เขาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล อย่างที่คุณแม่ผ่าตัดตาสองข้าง หนูก็โอนให้แม่อยู่แล้ว ค่าทำกายภาพหรือไม่ว่าค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ก็มีการดูแลมาตลอดอยู่แล้วค่ะ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังดูแลอยู่ค่ะ”

โมเดลลิ่งของแม่ที่ชวนคนมาทำงานคือมีอยู่จริงใช่มั้ย?
“คืออันนี้หนูไม่ทราบจริงๆ ค่ะ”

มันไม่ใช่อยู่ในส่วนที่เราต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ใช่มั้ย?
“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ คือก็เหมือนกับว่าแม่ช่วยหางานให้เรา เราก็ให้แม่เขา 30% มันก็คนละส่วนกันค่ะ”

เป็นห่วงแม่มั้ยว่าเขาจะเครียดหรือคิดมากมั้ย?
“ในฐานะลูกก็เป็นห่วงอยู่แล้วค่ะ ถามว่ากลัวเขาจะคิดมากมั้ย หนูรู้สึกว่าถ้าเขามาถึงตรงนี้ได้เขาก็สตรองนะ เพราะเราก็รู้พร้อมกันหมด คือมันไม่ได้มีมาก่อนหน้านี้เนอะ

ถ้าสมมติเจ้าหนี้ไม่ทวงถามหรือโทรหาพี่สาว เราก็ไม่ทราบ ก็เป็นห่วงอยู่แล้วค่ะ เป็นห่วงความรู้สึกคุณตาคุณยายด้วย ซึ่งตั้งแต่หนูเข้าวงการ หนูบอกเสมอว่าหนูจะดูแลตากับยายให้ดีที่สุดค่ะ”

คุณตากับคุณยายทราบแล้วใช่ไหม?
“ก็ทราบพร้อมๆ กันนะคะ แต่ท่านอายุเยอะแล้ว ท่านก็ใช้คำว่าเข้าใจและต้องยอมรับค่ะ”

แต่เรื่องนี้ไม่ได้สร้างความแตกหักระหว่างเรากับแม่ใช่มั้ย?
“จริงๆ ก็ไม่ได้สร้างความแตกหักหรอกค่ะ มันแยกส่วนกันค่ะ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1928308
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1928308