“หนิง ปณิตา” เคลียร์ทุกปม “โซ่เวรี” เลิฟซีนเรี่ยราด-หั่นฉากวายทิ้ง-ถูกขโมยเทป! ยันไม่ขายอีโรติก


ให้คะแนน


แชร์


“หนิง ปณิตา” ยิ้มกระแส “โซ่เวรี” เรตติ้งดีเพราะยิ่งจูบยิ่งดัง รับเสิร์ฟความฟินแต่ไม่เน้นขายเซ็กซ์ โต้ตัดฉากชายรักชายทิ้ง เผยจิ้นให้พอดูน่ารัก รับเสียใจจนร้องไห้หลังถูกขโมยฟุตไปออนแอร์ ยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด



เดินทางมาถึง 3 อีพีสุดท้ายสำหรับละครสุดโรแมนติกแห่งปีอย่าง “โซ่เวรี” ที่พูดเลยว่ากระชากจิตคว้าใจคนดูไปเกือบค่อนประเทศอย่างพ่อจ๋าแม่จ๋า “เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล” กับ “มุกดา นรินทร์รักษ์”ที่ทำให้ฟินกันไปทั้งเมือง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยเสิร์ฟความจิ้นความฟิน ซึ่งผู้จัดอย่าง “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” ออกปากเลยว่าเราเสิร์ฟความจิ้นกันทุกอีพียันอีพีสุดท้ายเลยก็ว่าได้ แถมงานนี้ยังเคลียร์ดรามาสารพัดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือช่องตัดฉากผู้ชายจูบกันออก หรือประเด็นเลิฟซีนเรี่ยราด รวมไปถึงถูกขโมยฟุตไปออนแอร์ก่อนละครจะออกอากาศซะอีก

“ถามว่าเรี่ยราดเกินไปไหมกับการจูบ มันก็เป็นละคร เพราะเอาจริงๆ หนิงถ่ายเผื่อเอาไว้เยอะกว่านี้อีก แต่เราก็เลือกที่ตัดต่อเอาซีนไหนออนแอร์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเส้นเรื่องมันนำเสนอเกี่ยวกับความรัก แต่มันก็เป็นการเสิร์ฟความจิ้น ความฟินให้กับแฟนๆ (คนมองว่าทุกอีพี จูบกันมาราธอนมาก?) คือก็เสิร์ฟให้ตอนละครั้ง อีพีละครั้ง เท่ากับว่ามี 15 ตอนก็จูบไปเลย 15 ครั้ง (หัวเราะ) แต่ถือว่าน้อยนะถ้าเทียบกับละครเรื่องอื่นๆ แต่บางทีก็แค่เอาหน้าเข้ามา จมูกชนกัน 

และถ้าเรื่องนี้ถูกพูดถึงมากที่สุด ก็เป็นเพราะว่าคนดูชอบอะไรแบบนี้ และในส่วนของความตั้งใจไหม แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจ 100% แต่เราก็ถ่ายเผื่อๆ เอาไว้ก่อน และพอเข้าสู่กระบวนการตัดต่อว่าเหมาะสมแค่ไหนจะเอาไปออนแอร์ ซึ่งถามว่าเป็นจุดขายไหม มันเป็นละครฟินจิ้น ถือว่าเป็นจุดขายก็ได้ อีกอย่างมันต้องสร้างเคมีพระนางให้เข้ากันมากที่สุด เพราะก่อนถ่ายทำมันมีดรามาตั้งแต่แรกแล้วว่าหนิงวางตัวละครไม่เหมาะสมกัน มันโดดกัน ทั้งคู่ไม่ใช่พระนางตามบทประพันธ์ แต่เรามั่นใจว่าทั้งมุกดาและเข้มคือพระนางอย่างงที่เรามองและอยากให้เป็นเหมือนที่เราต้องใจไว้”

รับเสียใจจนร้องไห้ หลังถูกขโมยเทปไปออนแอร์ ลั่นจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เปลี่ยนความคิด ต่อไปต้องระวังให้ดีกว่าเดิม
“นอกจากที่คนเขาจิ้นกันในจอ และตอนนี้ก็ไปจิ้นกันนอกจอ เพราะอย่างฉากเลิฟซีนที่จะให้เขาจูบกัน ในส่วนของเรื่อง
ผู้ชายเราก็จะให้เป็นหน้าที่ของผู้กำกับ ส่วนของผู้หญิงหนิงก็จะเป็นคนเข้าไปอธิบาย แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของทั้งคู่ด้วย และพอเป็นฉากแบบนี้เขินกันทั้งคู่ แต่ทั้งคู่มีสปิริตในการถ่ายทำ ซึ่งพอเราถ่ายทำเสร็จแล้วมาร้อยเรื่อง เราก็ส่งให้น้องๆ ดู เพราะถ้าอ่านบทประพันธ์จริงๆ มันค่อนข้างอีโรติกมากๆ และพอเราตัดต่อจริงๆ ไม่ได้ขายเซ็กซ์เราขายความจิ้นความโรแมนติกมากกว่า และฉากแบบนี้ในละครของหนิงจะไม่ลากยาวมากจนเกินไป

“เชื่อไหมว่าตอนนั้นเราตัดต่อตอน 13 อยู่ แต่พอเห็นว่าละครเราถูกขโมยไปฉายในเฟซบุ๊ก ทั้งๆ อีพีนั้นมันต้องออนแอร์ของคืนนั้น แต่ดันถูกนำมาฉายในตอนบ่าย หนิงร้องไห้หนักมาก หนิงไม่ทราบว่ามันหลุดไปได้ไง เพราะเรายุ่งกับการตัดต่อ เราเลยไม่รู้ว่าโลกภายนอกเป็นยังไง และก็มีโทรศัพท์โทร.เข้ามา เข้ามาเยอะมาก จนเราคิดว่าเราต้องรับแล้วล่ะ เป็นแฟนคลับเราโทร.เข้ามา บอกว่าตอนนี้มีคนเอาละครอีพีที่จะออนคืนนี้มา Live ผ่านเฟซบุ๊ก ตอนแรกก็คิดว่าเป็นการไลฟ์โปรโมตละครอยู่หรือเปล่า และเลขาเราก็เดินมาบอกว่าให้เราตั้งสติดีๆ และเขาก็บอกเรา สุดท้ายเราก็ไปแจ้งความ เครียดแหละ แต่เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ให้เป็นเรื่องของทางกระบวนการกฎหมาย และถ้าเรายังจมอยู่ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้ เราจะเดินหน้าทำงานที่ต้องตัดตอนอีก 3 อีพีที่จะจบในอาทิตย์นี้ไม่ได้

ยอมรับว่าตอนนั้นหัวร้อนมาก แต่โชคดีมากที่ยังมีสติอยู่ ไม่โพสต์อะไรที่ไม่ดีออกไป และก็บอกทีมงานว่าให้ไปเขียนใต้คอมเมนต์ว่าอย่าไปด่าใคร ให้พูดจาขอร้องให้ทางนั้นลบออกไปหน่อย เพราะสิ่งที่คุณทำอยู่มันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ทางเราจะดำเนินทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ซึ่งถ้าด่าปุ๊ปเดี๋ยวมันจะยืดยาว เดี่ยวมันไม่จบ และสักพักใหญ่ๆ เขาก็ลบออกไป แต่พอช่วงเย็นๆ มันก็ไปโผล่ที่พม่า เราก็ไม่รู้ว่ามันหลุดไปถึงนั่นได้ไง ก็ได้แต่ทำใจ เลยคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาคงอยากดูเร็วๆ เพราะละครเราดีแน่ๆ เลย 

เอาจริงๆ วันนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันหลุดไปได้ไง แต่ก็ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนตัวหนิงก็เดินหน้าทำงานของเราไป ทางช่องก็ตกใจไม่แพ้กัน ซึ่งถ้าถามหนิงว่าเราจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไหม คือตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะเอาไปถึงแค่ไหน เพราะเราต้องตัดวีกต่อวีก ซึ่งพอละครอวสานไปแล้ว เราค่อยมาคุยกันอีกทีว่าเราจะเอายังไง และเรื่องราวมันอยู่ในกระบวนการกฎหมายแล้ว หนิงเชื่อว่ากฎหมายยุติธรรมเสมอ เพราะตลอดมาทุกฝ่ายก็ระมัดระวังอยู่แล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมีข้อดีเสมอ มันทำให้เราต้องระมัดระวังในการทำงานทุกขั้นตอน เราจะได้รู้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร ดีกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

ยันฉากคู่วายไม่ได้ถูกช่องตัดทิ้ง แค่เสิร์ฟความจิ้นให้ฟินตามเนื่อเรื่อง ปัดทำละครเน้นอีโรติก
“ส่วนคู่วายไม่ได้หายไปไหนนะ ก็มีความเข้มข้นในทุกๆ อีพีตามเนื้อเรื่องอยู่แล้ว แต่คนดูอาจจะอยากเห็นเลิฟซีนด้วย คือพูดตรงๆ แต่มันก็มีความจิ้นๆ กัน หน้าชนกัน ป้อนขนมกัน ถามว่าหนิงถ่ายเผื่อไว้ไหม เราถ่ายเผื่อไว้แน่นอน หนิงได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้แล้วตั้งแต่เปิดกล้องว่าเราได้เผื่อไว้เอาไว้ทุกคู่แล้ว แต่ทั้งหมดมันอยู่ในบริบทของการตัดงานและจะดึงส่วนไหนมาออกอากาศ 

ส่วนคนที่บอกว่าหายไปเยอะ หนิงขอตอบเลยว่าเรื่องเซ็กซ์หายไป เพราะหนิงรู้สึกว่าเราเสนอแค่จิ้นๆ เอาแค่พอดี หนิงว่าโอเคแล้ว เพราะจุดประสงค์ที่เราทำละครเรื่องนี้เราไม่ได้นำเสนอเรื่องเพศ เรื่องเซ็กซ์มากเกินไป เพราะความรักไม่ว่าจะเป็นเพศไหน มันเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าวันนั้นเราใส่กิจกรรมบนเตียงของคู่วายคู่นี้ หนิงว่าคนดูจะไม่รักคู่นี้ หรืออาจจะดูรุนแรงเกินไป อาจจะทำให้คนดูตีความว่าคู่นี้หลงกันเฉพาะเรื่องเซ็กซ์ และคู่นี้เป็นการนำเสนอเรื่องเพศที่สาม ถ้าเราใส่เรื่องเซ็กซ์เข้าไปเยอะ คนก็จะตีความว่าคู่รักเพศที่สามรักกันเพราะเรื่องเซ็กซ์อย่างเดียว 

ในมุมของหนิง หนิงคิดว่าเพศแบบนี้เขารักกันจริงๆ มันก็มี เราไม่อยากให้ภาพละครของเราที่นำเสนอ LGBT ให้ออกมาว่ารักกันเพราะเรื่องเซ็กซ์อย่างเดียว ไม่อยากตอกย้ำ เพราะในชีวิตจริงบางคนเขาก็รักกันจริงๆ เขาสิ่งเสริมกันทำดีๆ เอาจริงๆ สาววายไม่ผิดหวังหรอก เราก็มีเสริมจิ้น เสริมฟิน และก็มีฉากใหญ่ของคู่นี้แน่ๆ หนิงว่าดูละครเสิร์ฟความน่ารักดีกว่า ขนาดเราเป็นผู้จัดนั่งตัดในละครและเห็นผู้ชายเอาหน้าใกล้กัน เรายังกรี้ดๆ เลย”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9630000093238
ขอขอบคุณ : https://mgronline.com/entertainment/detail/9630000093238