บอย ปกรณ์ ยันไม่ใช่พระเอกเฟรนด์ลี่พาสาวเข้าบ้าน ไม่ซีเรียสคนโยง เข้าใจเหตุโดนพุ่งเป้า


ให้คะแนน


แชร์

บอย ปกรณ์ ยันไม่ใช่พระเอกเฟรนด์ลี่พาสาวเข้าบ้าน ไม่ซีเรียสคนโยง เข้าใจเหตุโดนพุ่งเป้า

หลังจากเพจ เจ๊มอย 108 ออกมาเผยเรื่องราวที่มีสาวนักศึกษารายหนึ่ง โพสต์สตอรี่ภายในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าช่างมีมุมที่คล้ายกับบ้านของพระเอกเฟรนด์ลี่เสียจริง แถมใบ้ต่ออีกนิดว่าพระเอกที่ว่านี้ลงรูปบ้านถี่มาก

นอกจากนั้นยังเม้าธ์ต่อด้วยว่า มีคนเห็นพระเอกเฟรนด์ลี่คนนี้ยืนส่งชะนีคนนึงขึ้นแท็กซี่แถวหล่อ พอถัดมาอีกวันก็ไปเดินกับสาวอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ลงรูปในบ้านของพระเอกนั่นเอง
งานนี้ทำเอาขาเผือกทั้งหลายคาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าพระเอกเฟรนด์ลี่ที่ว่าเป็นใคร โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของพระเอกจอมเกรียน บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ติดโผด้วย เนื่องจากเจ้าตัวเพิ่งสร้างสตูดิโอของครอบครัวเสร็จ โดยมักจะอัพเดตภาพต่างๆ ลงไอจีเป็นระยะ
ล่าสุดวันที่ 13 ก.ย. “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” มีโอกาสได้เจอ บอย ปกรณ์ ในงานทำบุญ “สตูดิโอคุณแม่” ที่ ซ.ลาดพร้าว 15 จึงไม่พลาดสอบถามถึงเรื่องที่มีชื่อโยงกับข่าวเม้าธ์ดังกล่าว


เห็นข่าวเม้าธ์ “พระเอกเฟรนด์ลี่” พานักศึกษาสาวเข้าบ้านรึเปล่า?
“เห็นแล้วครับ เห็นจากเพจเห็นตั้งแต่วันแรกที่เพจลงแล้ว เพราะว่ามีน้องที่รู้จักส่งมาให้ เราก็เห็นแล้วแหละ เราก็อ่านดูในคอมเมนต์คือมีคนทายว่าเป็นผมเยอะเหมือนกัน เราก็เข้าใจที่เขาทายเป็นเราเพราะมีคีย์เวิร์ดเช่นแบบว่าพระเอกเฟรนด์ลี่ แล้วก็ลงรูปบ้านบ่อย แค่นั้นเองเราก็รู้แค่นั้นเลย แต่ถามว่าใช่เรามั้ย ผมก็มานั่งนึกว่าถ้ามีแบบพาแฟนหรือว่าคนที่คุยกันเข้าบ้านอะไรอย่างเงี้ยไม่มีแน่นอน แต่แค่มานั่งนึกว่าเอ๊ะ! มันมีเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้คนเข้าใจอย่างนั้นได้หรือเปล่า ซึ่งก็ไม่มีนะ”
ยืนยันว่าไม่ใช่เราแน่นอนที่เห็นพระเอกเฟรนด์ลี่ในข่าวเม้าธ์?
“คิดว่าไม่น่าใช่อ่ะ ด้วยตัวผมเองก็ไม่ได้มีพาใครเข้าบ้าน”
แล้วเคยไปส่งสาวคนไหนขึ้นแท็กซี่แถวทองหล่อไหม?
“ไม่มีนะ เดี๋ยวนะ…ผมขอนึกก่อนนะ ถ้ามีก็อาจจะเป็นเพื่อน แต่ว่าตอนนี้เท่าที่นึกก็ไม่มี ไม่น่ามี หมายถึงว่า…เขาบอกว่ายังไงนะ”
เขาบอกว่า วันหนึ่งไปส่งสาวคนหนึ่งขึ้นรถ พออีกวันก็ไปเดินกับสาวอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ลงรูปในบ้าน?
“อ๋อ…ไม่มีนะ ถ้าเกิดว่าไปส่งใครขึ้นรถแถวทองหล่อนี่ไม่น่ามี แต่ถามว่าผมไปทองหล่อบ่อยมั้ย ผมก็ไปบ่อยนะ ไปทำธุระอะไรแถวนั้น แต่ว่าที่ไปส่งขึ้นแท็กนี่ไม่น่ามี ถ้าตัวผมเองผมก็มั่นใจ 100% ว่าไม่ใช่ผมแน่นอน แต่ก็กลัวว่าสมมุติถ้าเกิดมีภาพผมไปส่งเพื่อนแล้วผมลืมหรือเปล่า แต่ถ้าเกิดเป็นคนที่คุยหรือว่าสาวกิ๊กกั๊กอะไรอย่างเงี้ยไม่มี”
กลัวว่าจะมีรูปอะไรหลุดออกมาไหม?
“เลยมานั่งคิดไงว่าเอ๊ะ! มันจะมีเหตุอะไรมั้ยที่ทำให้คนเข้าใจผิดได้อย่างนั้น ถ้าเกิด ณ ตอนนี้คิดไม่ออกเลย ไม่มีใครที่เป็นคนที่คุย หรือแม้แต่เพื่อนก็ยังไม่มีเพื่อนมาบ้านนานแล้ว”
สเป๊กสาวของเราเป็นนักศึกษาได้ไหม?
“เขาบอกว่าเป็นนักศึกษาใช่มั้ย ถ้าเป็นนักศึกษานี่ยิ่งไม่มีแน่นอน ไม่ใช่แน่นอน แต่ที่ผมกลัวคือเช่นสมมุติว่าแบบเป็นทีมงานหน่อง(ธนา)มาถ่ายรายการที่บ้านแล้วลงรูป กลายเป็นเข้าใจผิดกันอย่างนั้นหรือเปล่า โดนโยงอะไรอย่างเงี้ย แต่ว่าถ้าตัวผมเองไม่มีแน่นอน”
พอคนคาดเดาว่าเป็นเราเยอะ ติดใจอะไรไหม?
“เฉยๆ ครับ ผมโดนจนชินแล้วอ่ะ(หัวเราะ) ผมว่ามันเป็นเรื่องสีสัน อยากเพจที่ลงผมก็ได้อ่านเรื่อยๆ เพราะเขาชอบเขียนแฮชแท็กว่าเป็นเมียผม ผมก็ขำๆ สนุกๆ ข่าวมันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย แล้วก็ไม่ใช่ตัวเราด้วย เพราะฉะนั้นเรายิ่งไม่ต้องซีเรียสใหญ่”


คุณแม่มาถามบ้างไหม?
“ไม่มี ผมคิดว่าอันนี้มันเป็นข่าวซุบซิบในโลกโซเชี่ยล บางทีแม่เขาก็ยังไม่ได้เห็น แต่สมมุติอย่างวันเนี้ยแม่เห็นแล้ว แต่แม่ก็ไม่เคยถามนะ แม่เขาก็จะรู้อ่ะ พูดง่ายๆ ถ้าผมพาเข้าบ้านทำไมแม่จะไม่รู้ล่ะใช่มั้ย แม่ต้องเห็นอยู่แล้ว คนที่บ้านต้องเห็น”
การที่ตอนนี้เราไม่มีเป็นตัวเป็นตน ส่งผลให้โดนโยงอยู่เรื่อยไหม?
“ส่งผลแหละ การที่เราโสดอยู่ ไม่ได้มีคุยกับใคร มันก็เป็นธรรมดาที่พอมีอะไรขึ้นมาคนก็พร้อมที่จะเดาว่าเป็นเรา ยิ่งด้วยคาแร็กเตอร์ของผมด้วย”
แบบนี้จะยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์เราให้ดูเป็นหนุ่มแบบไปเรื่อยไหม?
“โอ๊ย! มันโดนภาพนี้มานานแล้ว จนเราก็ไม่รู้จะทำยังไง เราไม่ใช่อ่ะ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องซีเรียสมาก เฉยๆ”
หาเป็นตัวเป็นตนเลย?
“เนี่ยแหละอย่างที่เคยตอบๆ ไป ถึงวาระแล้วที่แบบจะต้องเริ่มเปิดใจให้มากขึ้น พยายามแฮปปี้กับตัวเองให้น้อยลง คือเอาจริงๆ 2 ปีที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าอยู่คนเดียวมันดี มันแฮปปี้ สบาย จนบางทีขี้เกียจจะเริ่มต้น ตอนนี้ก็คงที่จะต้องลดตรงนั้น แล้วคิดที่จะเริ่มต้นมันจริงๆ บ้าง”
พอคนถามเยอะๆ นี่กลายเป็นแรงกดดันให้เราเหมือนกันไหม?
“ผมว่าที่โดนถามเยอะๆ ไม่เคยกดดันเลยเอาจริงๆ ถ้าจะกดดันก็เป็นเรื่องของอายุ วาระ วัย เรื่องของรู้ว่าแม่อยากให้มี อันนี้ก็คือไม่ถึงกดดันนะแต่ก็เป็นเรื่องที่กระตุ้นให้รู้สึกว่าต้องมีมากกว่า แต่ถ้าเกิดว่าเรื่องโดนถามบ่อยๆ เฉยๆ ผมไม่ได้รู้สึกว่าโดนกดดันอะไร”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_4899215
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_4899215