เปิดใจ แพร์ พิชชาภา "พิไล สะใภ้บ้านแบ้" เรื่องลับเคยแคสต์บทอื่นในกรงกรรม


ให้คะแนน


แชร์

คุยกับแพร์มาได้ไม่กี่คำถาม ทำไมสนุกอย่างนี้ นางร้ายอะไร ทำไมดูน่ารัก ถามตรงๆ เลยละกัน เป็นนางร้ายในจอ แล้วตัวจริงร้ายมั้ย คำตอบที่เราแอบคิดไว้ในใจ แพร์จะต้องตอบว่า ไม่ร้าย แพร์เป็นคนไม่ร้าย แต่เรากลับได้คำตอบที่ออกจากปากของนางร้ายคนนี้ว่า 

“จริงๆ แพร์ก็ร้ายนะ (หัวเราะ) แพร์เป็นมนุษย์คนนึงที่มีหลายมิติในตัวเอง แพร์ไม่สามารถอธิบายได้ว่า ฉันเป็นคนร่าเริงนะ เพราะแพร์ก็ไม่ได้ร่าเริงทั้งวัน และแพร์ก็ไม่ได้เป็นคนขี้หงุดหงิดทั้งวัน เรียกว่าถ้ามองรวมๆ แพร์เป็นคนชิลๆ แต่ถามว่า มีมุมร้ายมั้ย มันก็มี ถ้าคนที่ไม่ดีกับเรา เราก็มีตอบโต้บ้าง (ยิ้มเขิน)”

จากนั้น แพร์ พิชชาภา ก็เล่าต่อว่า “แต่โชคดี พอมาทำงานตรงนี้ การเป็นนักแสดงมันทำให้แพร์ต้องวางตัว ตอนแรกไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมเราต้องวางตัว ในเมื่อเรารู้สึกแบบนี้จริงๆ ทำไมเราต้องเฟก ทำไมเราต้องเสแสร้ง

แต่เมื่อเราโตขึ้นมาและได้เรียนรู้ว่า การวางตัวมันไม่ใช่การเสแสร้ง แต่เป็นการจัดการกับอารมณ์ตัวเอง ซึ่งมันสามารถเอาไปใช้ได้ในหลายๆ อย่างของชีวิตได้” อะ ก็จริงอย่างที่เธอว่า รู้จักควบคุม จัดการกับอารมณ์ตัวเอง มันไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ 

ก่อนจะถามคำถามคำถามนี้ เราก็คิดอยู่ว่าถ้าถามไปจะโดนนางร้ายลูกรักจิกตาใส่มั้ยนะ แต่เอาน่ะ ลองถามดูหน่อย ว่าแล้วก็เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เอาไว้คุยกับเพื่อนสนิทว่า ถามจริงเสียใจมั้ย ที่คนไม่ค่อยรู้จัก แพร์ พิชชาภา แต่รู้จักมากขึ้น เพราะบท พิไล จากละครกรงกรรม

“โอ๊ย เป็นธรรมดามากค่ะ (หัวเราะ) เอาจริง แพร์ก็เคยสงสัยนะว่าวงการนี้เราต้องทำตัวให้เด่นดังบ้าง มีการพรีเซนต์ตัวเองบ้าง ไม่ใช่อยู่เฉยๆ แล้วหายตัวไป แต่แพร์ก็มองว่า มันก็เป็นความสะดวกใจของแต่ละคน

บางคนอาจจะมองว่าเพื่อให้ได้งานมากขึ้น เพื่อให้เป็นกระแสให้คนมองเห็นเรา คนจะได้รู้จักเรา มีภาพลักษณ์ มีพื้นที่ในวงการมากขึ้น แต่โดยส่วนตัวแพร์จะทำแบบนั้นเป็นวาระ ต้องโปรโมตละครถึงจะลงรูปละครเยอะหน่อย พรีเซนต์คาแรกเตอร์มากกว่าพรีเซนต์ความเป็นตัวเองลงในโซเชียล (ยิ้ม)”

วางตัวดีเพราะมีแม่เป็นครู

ปกติเวลาพูดถึงนางร้าย เราก็จะนึกถึงนางร้ายที่เซ็กซี่เปรี้ยวปรี๊ดกว่ามะนาวในสวนหลังบ้าน แต่สำหรับ แพร์ พิชชาภา เรากลับไม่มีภาพเซ็กซี่ของเธอติดอยู่ในหัวของเราเลย แถมข่าวฉาวๆ ของเธอก็ไม่เคยจะได้ยินเข้าหู ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เราค่อนข้างประหลาดใจ เป็นนักแสดง แถมเป็นนางร้าย แต่ทำไมไม่มีกระแสลบๆ บ้างเลยสักนิด ซึ่งเรื่องนี้สาวแพร์เล่าให้เราฟังว่า  

“แพร์มองว่าเรื่องกระแสเป็นเรื่องที่ชั่วคราว แพร์ไม่ได้เป็นคนที่ชอบออกโซเชียลบ่อยๆ เราแฮปปี้ที่จะอยู่เงียบๆ แฮปปี้ที่จะทำงานและได้รับกระแสตอบรับว่าทำงานดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ มากกว่าที่จะให้คนมาโฟกัสเรื่องส่วนตัวของเรา ด้วยการที่เราโพสต์รูปตัวเองเซ็กซี่ๆ หรือปล่อยข่าวตัวเอง แพร์มองว่ามันฉาบฉวย

การทำงานตรงนี้ มันเป็นโอกาสที่ผู้ใหญ่ให้เรามา ตั้งแต่ที่ยังไม่มีอะไรเลย และโอกาสตรงนี้ที่ได้มาแพร์อยากจะเก็บเอาไว้ให้นานที่สุด เลยเลือกให้คนโฟกัสที่งานของเราดีกว่าสร้างกระแส ไปเดินกับคนนั้นคนนี้ ใส่ชุดเซ็กซี่ๆ มันดูไม่เหมาะสม และแม่แพร์เป็นครู แพร์ไม่อยากให้แม่ผิดหวังในตัวแพร์” 

เล่าเรื่องมาถึงตรงนี้ สาวแพร์ยิ้มกว้าง ก่อนจะเล่าต่อถึงสิ่งที่แม่ของเธอนั้นได้ขอเอาไว้เมื่อเธอได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงว่า แม่ห้ามถ่ายแบบเซ็กซี่ สั่งนักสั่งหนาว่าใครมาจ้างก็ไม่ต้องไปถ่าย เพราะแม่อายครูที่โรงเรียน

ก่อนจะอธิบายต่อว่า แม่ของเธอนั้นไม่ได้บงการชีวิตของเธอ แต่แม่เป็นครูที่ใจดีแต่มีระเบียบก็เท่านั้นเอง และที่สำคัญก็คือ ตัวเธอก็อายที่จะมาถ่ายแบบเซ็กซี่ และไม่ชอบที่ใครจะมาซูมดูก้น ดูหน้าอกของตัวเอง บางอย่างก็อยากเก็บเอาไว้ในที่ส่วนตัวดีกว่า

จากนั้น แพร์ พิชชาภา ก็เล่าต่อว่า เธอนั้นไม่ใช่นางร้ายลุคเซ็กซี่ แต่ถ้าต้องเซ็กซี่ก็ต้องเป็นเพราะการทำงาน พร้อมกับยอมรับแบบไม่อายว่า เมื่อก่อนเธอก็เคยคิดที่อยากจะมีภาพเป็นนางร้ายเซ็กซี่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็รู้ว่าตัวเองแฮปปี้ที่จะอยู่แบบเงียบๆ เป็นตัวของตัวเอง ไปทะเลก็ใส่บิกินี แต่ไม่จำเป็นต้องลงรูปทำคอนเทนต์ให้เซ็กซี่ก็ได้ 

เมื่อถามต่อไปว่าเพราะแม่เป็นครูเหรอ เลยทำให้แพร์คิดแบบนี้ กดดันตัวเองไปรึเปล่า ซึ่ง แพร์ พิชชาภา ตอบกับเราว่า “ไม่ค่ะ แพร์ก็เป็นตัวเองแบบนี้ ไม่ได้แก่นเฟี้ยวหรือเรียบร้อย เป็นคนปกติทั่วไป คำว่ามีแม่เป็นครูไม่ได้มากดดันอะไรแพร์ แต่มันช่วยให้แพร์มีสติในการควบคุมตัวเอง ตบตัวเองให้เข้าไปในทางที่ถูกต้องเสมอ

คิดว่าการที่เป็นลูกครูเป็นสิ่งที่โชคดีมากกว่า และแม่ก็ไม่ค่อยชมแพร์เท่าไร เพราะกลัวว่าลูกจะเหลิง (ยิ้ม) แม่จะพูดเสมอว่าเราเป็นแค่นักแสดงคนนึง เป็นตัวประกอบ แต่แพร์รู้ว่าแม่ไม่อยากให้แพร์ลืมตัว ซึ่งมันเป็นโมเมนต์ที่น่ารักดี แต่ลึกๆ แพร์รู้ว่าแม่ภูมิใจ (ยิ้ม)”

อีพิไลเปลี่ยนชีวิต

แม้แต่ตัวของสาวแพร์เองยังยอมรับกับเราแบบไม่อายว่า ละครเรื่อง กรงกรรม กับบทของ พิไล ทำให้หลายคนได้รู้จักนักแสดงที่ชื่อ แพร์ พิชชาภา พันธุมจินดา มากขึ้น ซึ่งสาวแพร์บอกกับเรา 

“ตอนที่มีโอกาสได้เข้ามาทำงาน ภาพแพร์ไม่ใช่นางเอก แพร์รู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นที่จับตาของใครๆ ก็คิดว่า การที่อยู่ตรงนี้ จะอยู่ในตำแหน่งอะไรดี ก็มองเห็นนักแสดงที่เรารู้สึกว่าเขาสุดยอด อย่าง พี่นก สินจัย พี่แอน ทองประสม เราอยากเป็นแบบนี้

เราอยากอยู่ในวงการนานๆ ด้วยคำว่าคุณภาพ ไม่ใช่ข่าวที่มาๆ ไปๆ จนได้มีโอกาสได้มารับบทดีๆ จากละครเรื่องกรงกรรม ขอบคุณพี่แดง ธัญญา มากๆ ที่พี่แดงเชื่อมั่นว่าแพร์ทำได้

ซึ่งไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาเล่นบทดีๆ แบบนี้ เพราะเคยมาแคสต์บทเรณู ด้วยการชักชวนของพี่ที่ดูแลนักแสดง แต่ด้วยความที่พี่แดงเคยดูผลงานแพร์มาก่อน ก็ไว้วางใจให้มารับบทนี้ ซึ่งแพร์ก็ไม่ได้คาดหวัง แต่ก็ขอทำให้เต็มที่ ให้มาแคสต์ก็ทำ ซึ่งแพร์มองว่าไม่อยากจะแข่งกับคนอื่น เพราะเราก็คือเพื่อนกัน

พอมาเล่นจริงๆ แพร์ได้รับบทพิไล ตอนแรกงงมากว่าพิไลคือใคร เพราะตอนที่ทีมงานโทรมาแจ้งว่าได้เล่นละครเรื่องกรงกรรม เป็นพิไลนะ ก็งงแต่ก็ดีใจที่ได้งานแล้วโทรไปอวดแม่ แต่พอได้บทมาแล้วอ่านถึงกับอึ้ง เพราะบทดีมาก

ตอนแรกไม่คิดว่าบทใหญ่ๆ บทนี้ นักแสดงตัวเล็กๆ แบบแพร์จะได้รับ คิดว่าน่าจะเป็นรุ่นใหญ่ พอได้เล่นก็เลยตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุด (ยิ้ม) และแพรโชคดีที่ได้ทำงานกับพี่อ๊อฟ พี่อู๋ ทุกคนเคี่ยวจนแพรรู้สึกแฮปปี้ และอยากจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จนวันที่ผลงานออกมาและได้มีชื่อเข้าชิงรางวัล มันเหมือนฝันมาก และแพร์ก็ดีใจมาก (ลากเสียง)”

แต่ใครจะรู้ว่า กว่าจะเป็นพิไลที่ใครๆ ก็เกลียดและหมั่นไส้ไปทั่วบ้านทั่วเมืองได้ขนาดนี้นั้น แพร์เคยท้อจนแทบจะถอดใจไม่อยากจะเล่นบทนี้อีกแล้ว ซึ่งแพร์เล่าว่า

“ตอนที่กรงกรรม เล่นไปสักพักรู้สึกว่าบทพิไลมันยากเกินไปแล้ว เล่นยังไงก็ไม่ดี ไปเรียนมาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ตอนนั้นแพร์ไม่เข้าใจตัวละครอย่างลึกซึ้ง ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่ช่วยติในจุดที่เราไม่ผ่าน ทำให้เราดูไร้ที่ติในตัวละครนั้นในวันนี้ ซึ่งก็ต้องขอบคุณตัวเองที่อดทนผ่านความท้อถอยของตัวเองและลุกขึ้นสู้”

จากนั้น แพร์ พิชชาภา เล่าถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้เล่นละครเรื่องกรงกรรม แม้เวลาจะผ่านมาเป็นปี แต่ความรู้สึกเหล่านี้ก็ยังอยู่ในความทรงจำของเธอไม่เลือนราง แพร์เล่าไปยิ้มไปกับเรื่องราวนั้นว่า “คนเกลียดแพร์มากๆ จากบทพิไล (หัวเราะ) คนถึงขั้นแจ้งจับ แต่แพร์มองว่ามันน่ารัก ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน

พอคนอินกับการแสดง แพร์ดีใจ การตั้งใจทำงานมันส่งผลให้ทุกคนอินได้ขนาดนี้เลยเหรอ จนไปแจ้งจับแพร์ แถมมีคนส่งหมอนทุเรียน ลูกทุเรียนมาให้เต็มเลย เจอกันก็ทำรูปมาให้เซ็น เป็นรูปแพร์กับรูปทุเรียน (ยิ้ม) ละครเรื่องนี้ทำให้แพร์มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นด้วย (ยิ้ม)”

แม้ละครเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จ แต่สาวแพร์ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งมากมาย แต่มันเป็นเพราะมีคนเก่งๆ เทพๆ มารายล้อมตัวเธอ และบทที่ดีมาก อีกทั้งทีมที่ทำงานก็เก่ง ไม่ว่าจะเป็น อ๊อฟ พงษ์พัฒน์อู๋ ธนากร ทุกคนคือสุดยอด ตัวเธอนั้นโชคดีมาก ไม่ว่าฟีดแบ็กจะออกมาเป็นยังไง แต่ก็ได้ประสบการณ์มามากมายจากการเล่นละครเรื่องนี้

รางวัลแรกของการแสดง

ชื่อของ แพร์ พิชชาภา พันธุมจินดา ถูกเสนอเข้าชิงรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 11 สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง กรงกรรม ซึ่งก่อนหน้านี้ชื่อของแพร์เคยถูกเข้าชิงรางวัลประเภทนี้มาแล้ว แต่ครั้งนั้นแพร์ไม่ได้รางวัลมาครอง

ซึ่งสาวแพร์เล่าว่า ในครั้งนั้นเธอรู้สึกเขินไม่น้อยที่ไปนั่งลุ้นรางวัลนี้ แต่เมื่อไม่ได้รางวัล ก็เข้าใจได้ เพราะคนที่ได้รางวัลนี้เหมาะสมกับรางวัลนั้นจริงๆ และเหตุการณ์ในครั้งนั้นมันทำให้เธอรู้ว่าไม่มีอะไรแน่นอน และทำให้ไม่ค่อยคาดหวังอะไรมาก คิดแค่ว่าคนดูพอใจ ชื่นชอบ และอินกับตัวละครที่เล่น แค่ชนะใจคนดูก็พอแล้ว

แต่เมื่อครั้งนี้เธอมีโอกาสได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมอีกครั้ง ก็ทั้งลุ้นและแอบหวังไม่น้อย ซึ่งแพร์ได้เล่าความรู้สึกหลังจากที่ได้รางวัลนี้มาครองว่า “แพร์ลุ้นมากนะ (ยิ้ม) และรู้สึกว่าแพร์ก้าวขึ้นมาอีกก้าวแล้วในการทำงาน

แพร์พยายามหาเป้าหมายในการทำงาน ว่านอกจากทำงานดีแล้ว อะไรที่อยากจะได้มายึดเหนี่ยวจิตใจเรา นั่นก็คือรางวัลจากการแสดง ก็คิดภาพตัวเองใส่ชุดราตรีขึ้นไปรับรางวัล แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้สักที (ยิ้ม) แต่วันนี้มันมาถึงแล้ว แพร์ประสบความสำเร็จขึ้นอีกก้าวหนึ่ง แต่แพร์ก็จะไม่หยุดพัฒนาตัวเองค่ะ (ยิ้ม)”

มากกว่าชื่อเสียงและเงินทอง

ตลอด 6 กว่าปีที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมา เล่นละครก็มา 20 กว่าเรื่อง ได้รางวัลจากการแสดงมาการันตีฝีมือและกำลังใจในวงการบันเทิงแล้ว เราอยากจะรู้ว่า แพร์ พิชชาภา จะวางตัวเองต่อไปในวงการอย่างไร ซึ่งสาวแพร์บอกว่า

“แพร์สนุกกับการแสดง แฮปปี้กับการสวมบทเป็นคนคนหนึ่ง ตอนนี้ก็ขอทำงานไปเรื่อยๆ ตามที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส

วันที่รู้สึกว่ารักในอาชีพนี้คือหลังจากที่ได้เรียนแอ็กติ้งกับครูเงาะ ทำให้ได้เรียนรู้ศาสตร์การแสดง มันไม่ใช่แค่จิกหน้า เบะปาก แต่มันเป็นศาสตร์ที่ทำให้เข้าใจตัวเอง เข้าใจเพื่อนมนุษย์มากขึ้น มันล้ำลึก หลังเรียนการแสดงรู้สึกเป็นคนใหม่ เข้าใจอะไรได้หลายๆ อย่าง รักอาชีพนี้ มองตัวละคร เข้าใจความเป็นมนุษย์ของอีกคน

ซึ่งหลายคนอาจจะพูดได้ว่า สวยหล่อก็มาเป็นดาราได้ แต่การจะเป็นนักแสดงมันมีองค์ประกอบหลายอย่าง เรื่องของระเบียบวินัย นิสัยส่วนตัว การพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาและวงการบันเทิงให้อะไรหลายอย่างกับชีวิตของแพร์มาก

ตั้งแต่เข้ามาในวงการบันเทิง แพร์เป็นคนที่ตรงต่อเวลามากขึ้น โดยที่ไม่ต้องมีคนมาพูดว่าต้องมาตอนนี้ ห้ามเลตนะ แต่เราจะรู้ได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ทำงานวันแรก มีมารยาทมากขึ้น

ยกตัวอย่างนะคะ ตอนที่ไม่ได้เข้าวงการ เราก็มีมารยาท แต่เวลาเดินผ่านคนที่ไม่รู้จัก เราก็ไม่ได้ยกมือไหว้ แต่ตอนนี้เราต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไหว้ตั้งแต่พี่ยามเลย เพราะพี่เขาเปิดประตูให้แพร์ วงการนี้ทำให้แพร์เป็นคนซอฟต์ขึ้น มีมารยาทมากขึ้น รู้จักเข้าสังคมมากขึ้น

และอีกอย่างคือ ชื่อเสียงเงินทองที่ได้จากการทำงาน ก่อนหน้านี้แพร์ไม่มีเงิน ต้องขอเงินพ่อแม่ ตอนนี้ก็สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ และดูแลครอบครัวได้

แพร์ซื้อรถยุโรปให้ตัวเองด้วยเงินสด (ยิ้ม) จากที่เมื่อก่อน แพรต้องผ่อนรถญี่ปุ่น เดือนละ 7 พันกว่าบาท บางเดือนก็ไม่มี ต้องไปขอเงินแม่มาจ่าย จนมาวันนี้เราซื้อรถยุโรปด้วยเงินสด ที่ไม่ผ่อนเพราะคิดดอกเบี้ยแล้วเป็นล้าน เงินทองหายาก ต้องใช้ให้คุ้ม (หัวเราะ)”

คุยกันมาเกือบ 1 ชั่วโมง เราได้ข้อคิดและมุมมองการใช้ชีวิตจากนางร้ายคนนี้มาเยอะไม่น้อย ทั้งสวยและมีความคิดดีๆ ให้เราได้ทึ่ง และรู้สึกมั่นใจว่าวงการบันเทิงจะมีนักแสดงคุณภาพที่เน้นทางด้านความสามารถมากกว่าการเป็นข่าวมาประดับวงการอีกหนึ่งดวง

และก่อนจาก แม้จะเป็นนางร้าย เล่นแต่บทร้ายๆ แต่ แพร์ พิชชาภา ก็ยังยืนยันหนักแน่นกับเราว่า บทร้ายที่เธอเล่นนั้นมันร้ายหลากหลาย ทุกบทร้ายที่ได้รับเล่นล้วนมีมิติ ที่มีมา มีปมที่แตกต่างกัน ไม่ได้ร้ายกรี๊ดกร๊าดจนน่าปวดประสาทหูแต่อย่างใด

เหมือนกับละครเรื่อง วาสนารัก ในบท พรรณษา ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องที่เธอได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้มาโชว์ฝีมือทางการแสดง ซึ่งแพร์ก็แอบอ้อนว่าตัวละคร พรรณษา จะเป็นอีกหนึ่งนางร้ายที่ทำให้คนดูรู้สึกสงสารและเห็นใจ มากกว่าเกลียดเธออย่างแน่นอน.  

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

ช่างภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย 

กราฟฟิก : Varanya Phae-araya, Sathit Chuephanngam

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1928391
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1928391