ไมค์ พิรัชต์ เปิดใจทุกอย่างน้ำตาคลอ "ถ้าผมไม่อยู่แล้ว แล้วใครจะดูแลลูก"


ให้คะแนน


แชร์

หลังจากที่ ซาร่า คาซิงกินี ได้มาออกรายการ โหนกระแส ทางช่อง 3 เพื่อพูดในส่วนของตัวเองไปแล้ว และในวันนี้ ไมค์ พิรัชต์ ก็ได้มาออกรายการเช่นกัน พร้อมกับเผยถึงสาเหตุที่ไม่ได้มาออกรายการ พร้อมกับ ซาร่า โดยบอกว่า

ตนเองรู้สึกถึงความไม่เหมาะสม เพราะเดี๋ยวจะต้องเจอกันในศาลอยู่แล้ว มีอะไรไปคุยกับศาลดีกว่า อีกทั้งเรื่องพวกนี้มันอยู่ในอินเทอร์เน็ตมันลบไม่ได้ ถ้าในอนาคตลูกมาเห็น มันจะไม่เหมาะสม เลยไม่มาเจอดีกว่า ค่อยไปเจอกันที่ศูนย์ไกล่เกลี่ย วันที่ 2 พ.ย. ครั้งเดียวเลย ซึ่งเป็นครั้งแรกเลยที่จะได้เจอกัน หลังจากไม่เจอกันเกือบปี

ต้นเหตุทำให้ต้องไปร้องต่อศาลในการรับรองบุตรกับลูก มันมีหลายสาเหตุ จริงๆ มี 2 จุดที่ไม่โอเค คือ ลูกมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตอนเริ่มเจอ มีความกลัว ผวา ดูเหมือนอยากจะแสดงอะไรบางอย่างแต่กั๊กเอาไว้ ดูเกร็งๆ จากที่เมื่อก่อนเคยบอกรัก วิ่งมากอดแดดดี้ สองคือเมื่อตอนวันเกิดลูก เดือน ก.ค. ตนเองเหมือนถูกสับขาหลอก ว่าลูกกลับภูเก็ตแล้ว แต่ลูกยังไม่ได้กลับ นั่นคือฟางเส้นสุดท้าย

ส่วนเรื่องที่ ซาร่า ให้สัมภาษณ์ในรายการ ว่า ไมค์ ไปลดคุณภาพชีวิต 2 เรื่อง คือ เรื่องโรงเรียน กับ เรื่องที่อยู่อาศัย นั้น ไมค์ ได้ถามกลับว่า คุณภาพชีวิตของคนๆ หนึ่ง มันเทียบได้กับราคาและขนาดของห้องที่อยู่เหรอ คุณภาพชีวิตมันตัดสินด้วยขนาดและราคาของห้องเหรอ ตนเองได้ส่งที่อยู่ไปให้เลือกซึ่งราคาก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร เพราะมองว่าเราไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่แพงที่สุด อยู่ในห้องเล็กๆ เราก็มีความสุขได้ ห้องที่ให้อยู่ปัจจุบันกับลูก คือห้องขนาด 66 ตร.ม. คุณภาพชีวิตไม่ได้แย่อะไรเลย

ส่วนเรื่องโรงเรียนของลูก ตอนแรกเข้าไปคุยในช่วงเดือน มี.ค. ว่าเจอวิกฤติโควิดนะ ทำให้ทุกอย่างแย่ลง รายจ่ายลดลง เลยไปก็ไปขอว่าช่วยหน่อย ย้ายโรงเรียนได้มั้ย จะได้ลดรายจ่ายได้ด้วย ซึ่งตนเองก็ไปทำการบ้านและดูโรงเรียนมาให้ ซึ่งแต่ละที่ที่เลือกมา ตนเองก็ได้ถามไปทาง ซาร่า ว่าโอเคมั้ย แต่ก็ไม่ได้คำตอบ ปล่อยยาวจนกระทั่งโรงเรียนจะเปิดเทอม เลยเลือก โรงเรียนเลิศหล้า ให้ ราคา 1.5 แสน แต่อีกฝ่ายก็ไม่โอเค ไมค์เลยให้ไปดูเอง แต่ฝ่ายนั้นก็ยังไม่จัดการ จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าลูกจะเรียนที่ไหน เพราะพิมพ์อะไรไปก็ไม่ตอบตนเองเลย

ซึ่ง ไมค์ บอกว่า ตนเองขอแค่ต้องการเจอลูกแบบง่ายๆ แค่ต้องการช่วยตัดสินใจว่าชีวิตลูกจะเดินไปทางไหนเท่านั้นเอง ที่ผ่านมาตั้งแต่ ซาร่า คลอดลูกออกมา ไมค์ ดูแลน้องตั้งแต่คลอด จ่ายมาตลอดตั้งแต่ค่าทำคลอดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตนเองได้ให้ฝ่ายบัญชีทำแฟ้มรายจ่ายขึ้นมา ไล่เรียงทุกอย่าง แยกค่าใช้จ่ายเป็นปี รายละเอียดทุกอย่างจำได้หมดเลย มีทั้งค่าคอนโด ค่าประกันชีวิตของลูก เซ็นเช็คจ่ายหมดเลย แม้กระทั่งค่าจัดวันเกิดตนเองก็จ่ายหมดทุกอย่าง

ส่วนเรื่องค่าเทอม ซาร่าเคยให้สัมภาษณ์ว่าช่วยกันจ่ายกับไมค์ ไมค์บอกว่า ถ้างั้นรบกวนให้อีกฝ่ายทำบัญชีมาชี้แจงได้มั้ย เพราะตนเองจ่ายทั้งหมด 100%

เรื่องการตรวจดีเอ็นเอ คือมันมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นในช่วงนั้น แต่ไม่ขอพูดว่าเรื่องอะไร และการตรวจเป็นการยินยอมทั้ง 2 ฝ่าย และ ซาร่า ก็ยอมตรวจเพราะกระแสสังคมมันรุนแรงมาก เพื่อความสบายใจของผู้ใหญ่ด้วย

เมื่อ หนุ่ม กรรชัย ถามว่า กรณีเรื่องบางเรื่องที่ไม่อยากจะพูด ที่มันไปเกี่ยวข้องกับที่เพจดอกจิกที่ลงล่าสุดมั้ย ว่าซาร่าเหมือนกับตั้งครรภ์มาก่อน ที่ตรวจดีเอ็นเอเพราะว่าคบซ้อนตลอด เกี่ยวโยงมั้ย ทำให้จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ ไมค์บอกว่า เรื่องนี้ผมขอไม่พูด เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องของอดีต มันอาจจะเอฟเฟกต์ในอนาคตได้ ปล่อยผ่านไปไม่เป็นไร เรื่องนี้มีคนมาบอกเหมือนกัน แต่ยังไม่มีเวลาเข้าไปอ่าน

ประเด็นเรื่องคอนโดที่ ไมค์ ได้เอาของพี่ชายให้ ซาร่า อยู่ แล้วตัดไฟ อันนี้ไม่ใช่เรื่องจริง ตนเองไม่สามารถไฟตัดไฟเค้าได้ เพราะช่วงโควิดพี่ชายก็ช็อต เพราะไม่มีคนจ่ายค่าเช่าเลย เค้าเลยอยากจะขายคอนโดห้องที่ซาร่าอยู่ เลยมาคุยกับ ไมค์ อีกทั้งตนเองได้ไปเห็นผู้ชายคนอื่นมาอยู่ในห้อง กลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นในภายหลัง พี่แซนเลยให้นิติตัดคีย์การ์ดกับตัดน้ำ

ส่วนเรื่องที่มีภาพหลุดออก ภาพที่ซาร่าท้อง หนุ่ม กรรชัย บอกว่า ซาร่ายอมรับว่า ตัวเค้าเอง ไมค์บอกว่า ผมเห็นข่าวแล้ว แต่ไม่ขอมีความคิดเเห็นแล้วกัน เมื่อถามว่ารู้จักผู้ชายที่มีข่าวว่าเป็นแฟนซาร่ามั้ย ไมค์บอกว่าเห็นในข่าว ชื่อ วาดิน แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวอะไรมากมาย

นอกจากนี้ ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต ยังได้เปิด 6 ข้อที่ ซาร่า เรียกร้องต่อ ไมค์ มีดังนี้

– ขอให้ไมค์ จ่ายเงินเล่าเรียนของลูกที่ตนเองได้จ่ายไปแล้วที่โรงเรียนนานาชาติที่ภูเก็ตให้จ่ายคืนตนเอง และจ่ายค่าเทอมต่อไปในอนาคตลูก จนจบปริญญาเอก
– ให้จ่ายค่ารถและค่าพี่เลี้ยง
– ให้จ่ายเงินเดือนให้กับ ซาร่า จากเดือนละ 3 หมื่น เป็น 5 หมื่น จนกว่าลูกจะมีรายได้หาเลี้ยงตัวเองได้
– ขอให้ซื้อคอนโด หรือบ้านในกรุงเทพฯให้ลูก
– ห้ามนำบุตรไปหารายได้เพื่อประโยชน์ของไมค์ ซึ่งที่ผ่านมา ไมค์ ปฏิเสธมาตลอดเวลามีงานเข้ามา
– หากผู้ร้องนำบุตรไปหารายได้ ถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ค้านร้ายแรง ผู้ค้านมีสิทธิ์กีดกัน จนกว่าจะสำนึกในการกระทำเท่านั้น

หนุ่ม กรรชัย ได้ถามต่อว่า อยากให้เรื่องนี้จบยังไง ไมค์ บอกว่าอยากให้จบเร็วที่สุด อยากให้จบตั้งแต่การไปศาลครั้งแรกของตนเองแล้ว แต่มันยืดเยื้อมาจนวันนี้ ทำให้ตนเองกลับไปทำงานที่จีนไม่ได้ เพราะเรื่องพวกนี้ ตอนนี้ใช้เงินเก่าจ่ายเงินพนักงานทุกคน และตนเองทุกวันนี้ใช้เงินเดือนละ 15,000 บาท ทำอาหารกินเองเพื่อเซฟค่าใช้จ่าย

เมื่อ หนุ่ม กรรชัย ถามว่า ทำไมใบหน้าดูไม่มีไม่มีความสุขเลย ไมค์ เริ่มน้ำตาคลอ และบอกว่า มันมีหลายอย่างที่มะรุมมะตุ้มเยอะมากเลย ผมไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน คือทำอะไรไม่ได้เลย จัดการปัญหาต่อไป เดินหน้าต่อ ถ้าเราไม่อยู่แล้วใครจะดูแลลูก ครอบครัว และทีมงาน อีกทั้งยังมีหลายอย่างที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำ.

อ่านเพิ่มเติม…

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1931660
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1931660