สุขพอเพียง แอนนี่ บรู๊ค เล่าวันที่ย้ายลูกชาย จากอินเตอร์สู่ ร.ร.ไทยสามัญ


ให้คะแนน


แชร์

เป็นซิงเกิลมัมอีกคนของวงการบันเทิงที่ทำทุกอย่างเพื่อลูก สำหรับ แอนนี่ บรู๊ค ซึ่งมีลูกชาย น้องฑีฆายุ เป็นดังแก้วตาดวงใจ โดยก่อนหน้านี้แอนนี่เคยไปทำงานต่างประเทศ เพื่อหาเงินส่งให้ลูกชายเรียนโรงเรียนอินเตอร์ แต่ถึงแม้จะได้เงินมาก แต่ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงชีวิตที่แสนแพง อีกทั้งลูกชายอยากอยู่กับแม่มากขึ้น แอนนี่จึงยอมกลับมาหางานในเมืองไทยและลดค่าใช้จ่ายลง และให้ลูกชายอยู่โรงเรียนสามัญ ซึ่งทำให้แอนนี่ได้ค้นพบกับความสุขตามที่เป็นอยู่

แอนนี่ บรู๊ค ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก แอนนี่ ฑีฆายุ แอนนี่ บรู๊ค ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก แอนนี่ ฑีฆายุ

ซึ่ง แอนนี่ บรู๊ค เคยโพสต์เล่าถึงวันที่ตัดสินใจย้ายน้องฑีฆายุจากโรงเรียนอินเตอร์มาเรียนโรงเรียนสามัญ เมื่อ 1 ส.ค. 2563 ไว้ดังนี้

“แบ่งประสบการณ์ จากอินเตอร์สู่สามัญ

ด้วยพิษเศรษฐกิจที่ทุกวงการ ทุกอาชีพระส่ำระสาย หาเงินฝืดเคืองเรียกว่าหืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว แต่สำหรับแอน แอนว่าตัวเองเป็นคนไม่อยู่เฉยและมองหาช่องทางทำมาหากินอยู่ตลอดเวลา ถึงช่วงที่หาเงินยากก็จะพยายาม หาให้ได้เพื่อลูก… 

ตอนเล็กนั้นฑีเรียนอนุบาล เทอมนึงก็หลายอยู่ เพราะโรงเรียนใกล้บ้านที่บางนา ของผู้ใหญ่ที่ช่วยดูแลน้องเวลาที่แอนทำงาน ค่าเทอมถือว่าอยู่ในระดับกลางถึงแพง แต่ด้วยวัยตอนนั้นแค่ 33 ยังไหวต่องานหนัก จึงไม่มีปัญหา…..

วันคืนผ่านไป เด็กชายขึ้น ป.1 ด้วยความที่เห็นลูกเก่งภาษาและตัวน้องขอเรียนโรงเรียนที่มีฝรั่ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ออกจากปากน้องจริงๆ…..

น้องฑีฆายุ ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก แอนนี่ ฑีฆายุ น้องฑีฆายุ ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก แอนนี่ ฑีฆายุ

เราจึงเดินทางต่างประเทศอีกครั้งเพื่อหาเงินทุนในการเรียน ใช้เงินหลายแสนในการเริ่มต้นและยังมีค่าเทอมต่อๆ มาทุกเทอม แต่น้องใฝ่เรียนและคะแนนเต็มเกือบทุกวิชาจึงยอมให้น้องเรียน… อันว่าโรงเรียนอินเตอร์นั้นดี ตรงที่เด็กอิสระ เรียนๆ เล่นๆ มีทุกอย่างในการเรียนต่อสัปดาห์ พ่อแม่แทบไม่ต้องหาเรียนพิเศษ ไม่ต้องเจอสอบ โอเนทเอเนทอะไรมากมาย หรือสอบเข้าโรงเรียนให้เครียด จะเข้าก็เข้าเลย จ่ายตังค์ จบ

เด็กก็คุยกันภาษาอังกฤษซะส่วนมาก (ได้ความอินเตอร์ไปเต็มๆ) ซึ่งเป็นส่วนแข็งของโรงเรียนอินเตอร์
แต่ อย่าลืม สังคมแบบนี้ย่อมแลกมาด้วยกิจกรรมที่แสนแพง เทศกาล ไทย+เทศแต่ละปี อย่างเยอะ บางทีหาเสื้อผ้ากันแทบไม่ทัน น้อยหน้ากันก็ไม่ได้ เป็นการสร้างค่านิยมหัวสูงให้ลูกโดยเราไม่รู้ตัว

พอ ป.2 ผ่านไป ค่าใช้จ่ายมีแต่เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น.. ประกอบกับ น้องเริ่มโตและเริ่มอยากอยู่ใกล้แม่มากยิ่งขึ้น……… นั่งมองเงินในบัญชี กับ พิจารณาค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน แต่ละปีผ่านไป ทุกเหตุผลบวกกัน จนเราต้องทิ้งงานทิ้งเงินที่ว่าหาได้ง่าย (#ถึงหาง่ายแต่ถ้ายังต้องจ่ายค่าเทอมและชีวิตที่แสนแพงก็ไม่เหลืออยู่ดี) เพื่อลดอัตราชีวิตลง แต่ได้อยู่ใกล้ชิดและดูแลลูกมากขึ้น

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก แอนนี่ ฑีฆายุ ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก แอนนี่ ฑีฆายุ

ตอนนี้ก็ไม่ได้มีหรือร่ำรวยและยังคงหางานทำอยู่ตลอด แต่มุมมองก็เปลี่ยนไปคือต้องหางานที่เราดูแลลูกได้และเซฟค่าใช้จ่ายทุกอย่างลงด้วยในจุดนี้ จึงมองหาโรงเรียนใหม่ซึ่งไม่ง่ายเลย ใครเป็นพ่อแม่ย่อมรู้ดี และเปลี่ยนจากอินเตอร์มาธรรมดามันต้องเข้ากลางเทอม! ต้องหาโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนที่รองรับเด็กเข้ากลางเทอมแบบนี้ โชคดีที่ไถ่ถามเพื่อนๆ พี่ๆ ได้ข่าวจึงลองไปดูเห็นชอบเลยให้เรียนเลย ตอนแรกกลัวมาก เพราะน้องไม่เอาเลยนั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่เอา

แต่สุดท้ายเราให้เหตุผลที่ดี บอกความจริงถึงสถานการณ์ในชีวิต ทุกอย่าง พอไปหลายวันเข้าและปรับชีวิตกันอยู่พักหนึ่งเรื่องดีๆ ในการเข้าเรียนก็ตามมา …… ที่สำคัญ ค่าเทอมไม่แพงมาก

กิจกรรมไม่เยอะมาก ไม่ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ และความเฮี้ยบของครูไทยดีกว่าอินเตอร์ตรงที่อัตราการแกล้งกันแรงๆ มีน้อย น้องเคยเล่าว่าอยู่โรงเรียนเก่าโดนจับกดน้ำในสระว่ายน้ำ, โดนมัดอยู่ในถุงดำแทบหายใจไม่ออก, โดนดินสอแทงเลือดอาบกลับบ้านทุกวันนี้ไส้ดินสอยังปักคาหลังอยู่เลย เพราะความอินเตอร์มันอิสระมากเกิน (บางที่) แต่ที่นี่ไม่มีเรื่องแบบนี้กวนใจ (มีนิดหน่อยตามประสาเด็กๆ แต่ไม่รุนแรงมาก) อาหารกลางวันมีให้ทาน ไม่เสียเงิน

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก แอนนี่ ฑีฆายุ ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก แอนนี่ ฑีฆายุ

ทุกวันนี้ มีความสุขตามอัตราที่มีที่เป็นอยู่ มีบ้างที่หนักๆ จนท้อแต่ก็ไม่ถอย มีตัวเองและลูกเป็นกำลังใจมาตลอด
และส่วนตัวเอง ตัดขาด สิ่งฟุ่มเฟือยทั้งหมด ไม่เที่ยวไม่ซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอาง และยังคอยมองหาช่องทางในการทำมาหากินและคอยไถ่ถามไอเดียใหม่ๆ จากคนรอบข้างอยู่เสมอ บางทีการลดการไต่ระดับลง ลดอัตราลง เราอาจจะพบกับความสุขมากกว่าเดิมก็เป็นได้

สิ่งที่ต้องทำคือ “หยุด” ทบทวน.
อะไรบ้างที่มันเกินไปกับชีวิตก็ให้ลดลง
อะไรที่ขาดหายก็ให้เติม
แล้วชีวิต …#ไม่ต้องดีพอสำหรับใครหรอก แต่พอดีกับตัวเองให้มีชีวิตต่อไปได้ก็พอ
ทุกอย่างแก้ได้ ยังไม่สายเกินไป คุณภาพของชีวิต เริ่มต้นที่ความคิดของเราเอง”.

อ่านเพิ่มเติม…

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1935760
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1935760