เป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อชาวเน็ตขุดถึงเรื่องที่ ซาร่า คาซิงกินี เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้ามีโอกาสก็อยากซื้อสังคม ซื้ออนาคตให้ลูก ไม่ใช่โตมาลูกเป็นพนักงานออฟฟิศ ได้เงินเดือน 15,000 บาท” และวิจารณ์อย่างหนัก

ซึ่งคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างนักแสดงสาว ษา วรรณษา ทองวิเศษ ก็ได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ว่าแม่ของตนเป็นพนักงานออฟฟิศเช่นกัน ก็ไม่เห็นว่าชีวิตแม่ตอนนี้จะไม่ดีตรงไหน และติดแฮชแท็ก #ความคิดที่แตกต่าง #saveพนักงานออฟฟิศ #saveไมค์พิรัชต์ พอนักข่าวได้เจอษามาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว “มูลนิธิสุบินนิมิต” ณ คุ้มนะหน้าทอง บางใหญ่ เลยถามถึงเรื่องดังกล่าว

ถามเรื่องแสดงความคิดเห็นเรื่องคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่อยากให้ลูกได้เงินเดือน 15,000 บาท?
“เราคิดว่าคุณแม่ทุกคนอยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี เราเข้าใจค่ะ แต่ด้วยเขาอาจมีความคิดที่เป็นฝรั่ง เพราะเงินเดือนฝรั่งกับเงินเดือนพนักงานออฟฟิศคนไทยไม่เหมือนกัน ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน ออฟฟิศคนไทยกับออฟฟิศฝรั่งไม่เหมือนกัน ออฟฟิศฝรั่งได้เงินเดือนเป็นแสน เขาอาจจะคิดแค่ตรงนี้ ษาก็เลยแฮชแท็กไปว่าความคิดที่แตกต่าง 

เพราะฉะนั้นเขาคิดอย่างนี้ก็ไม่ผิด แต่คราวนี้มันผิดตรงที่ว่ามันอยู่ในเมืองไทย (หัวเราะ) มันอยู่ในสังคมไทย ซึ่งสังคมไทยพอพูดถึงเรื่องมนุษย์เงินเดือนขึ้นมา จะพูดเรื่องไหนมันก็เป็นประเด็นหมดแหละค่ะ ยิ่งพูดเหมือนกับด้อยค่า ต่ำต้อย แล้วพวกเราก็มนุษย์เงินเดือนกันหมดถูกมั้ยคะ แม่ษาก็เป็นมนุษย์เงินเดือนกัน เลี้ยงษามา ษาเลยแฮชแท็กว่าความคิดที่แตกต่าง แล้วก็บอกว่าแม่เราก็พนักงานออฟฟิศนะ แม่เราก็มีสังคมที่ดี เลี้ยงเรามา เราก็มีสังคมที่ดีนะ มันไม่ใช่ว่าเฮ้ย เงินเดือนหมื่นห้าแล้วจะสังคมไม่ดี”

เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง?
“มันไม่ถูกต้องในสังคมไทย แต่ถ้าเกิดเป็นเมืองนอก การที่เขาพูดแบบนี้ โอเคปกติ เขาเป็นฝรั่งไง เราก็ไม่ได้อะไรกับเขาเยอะมาก แต่เราก็รู้ว่าเป็นความคิดที่แตกต่าง อยู่ในโลเกชั่นที่แตกต่าง (หัวเราะ)”

จากความคิดของเขา เกิดฟีดแบ็กจากคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหลายท่าน?
“ใช่ค่ะ เยอะมาก อย่างที่เราบอกว่าบางทีความคิดของคน ถ้าเกิดเป็นมายด์เซ็ตที่ดี คำพูดมันก็จะออกมาดี แต่เขาอาจจะเป็นมายด์เซตที่ดีก็ได้ แต่มันผิดโลเกชั่นไปนิดนึง ไม่ได้ว่ากันค่ะ หลังจากนี้ ก็ทำงานหาเงิน ช่วยกัน จากที่ได้หลักล้าน ก็จะได้หลักล้านขึ้นอีก ซัพพอร์ตลูกไป คือลูกเลี้ยงด้วยกันดีกว่าค่ะ เพราะว่าเด็กจะได้รู้สึกไม่ขาด อย่างษา อาจจะไม่ได้เลี้ยงด้วยกัน แต่ทุกครั้งที่ผลการเรียนลูกออก พี่เป้จะมีส่วนร่วมด้วยตลอด เขาจะรู้ว่าผลการเรียนเป็นแบบนี้ ใบเกรดเขาจะมีทุกปี”

เรียกว่ามีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย?
“เรื่องการตัดสินใจษาป็นคนตัดสินใจอยู่แล้ว เพราะลูกอยู่กับเรา แต่เรื่องที่จะไปเจอเขา ษาให้ลูกตัดสินใจค่ะ แล้วษาไม่เคยพูดว่า พ่อไม่ดี อย่าไปหาพ่อ พ่อไม่โอเค ลูกต้องอยู่ที่นี่ อยู่กับแม่ แม่เลี้ยงลูกมา โน ษาไม่พูด ษาพูดแค่ว่า อยากไปหาเมื่อไหร่บอก แม่พร้อมตลอด แต่เขาไม่พูด จะให้ษาทำยังไง ก็เขาไม่พูด ษาไม่เคยทำ แต่เขาไม่พูด มีแค่ตอนโน้นที่เคยไปเจอ แล้วเขาถ่ายรูปลงไอจี อันนั้นคือลูกพูดเองว่าเขาอยากไปหา พ่อเซเดย์เป็นร็อกเกอร์ใช่มั้ยครับ เพื่อนบอก ร้องเพลงเสียงสูงๆ เราก็ถามว่าอยากเจอมั้ย เขาบอกว่าได้ครับ พ่ออยู่ไกลหรือเปล่า ก็พาเขาไปเจอค่ะ เขาก็นั่งตื่นเต้น พอถึงเขาก็คุยกันปกติ”

เราผ่านอะไรมาเยอะ อยากเตือนอะไรน้องไหม เพราะเขาก็ยังเป็นเด็กอยู่ อาจมีมายด์เซตแตกต่างจากคนไทย?
“ไม่หรอก เดี๋ยวพอเขาโตขึ้นเขาก็จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งบทเรียนในครั้งนี้น้องเขาน่าจะโอเคแล้วล่ะ ในส่วนหนึ่งนะคะ แต่ในความคิดที่โดนปลูกฝังมา อาจจะเป็นฝรั่ง มันก็จะมีความคิดที่ปลูกฝังอยู่แล้ว ตรงนี้เราก็ไปเอาออกไม่ได้ เพราะว่าครอบครัวแต่ละครอบครัวก็ไม่เหมือนกัน เขาปลูกฝังอย่างไรมาก็ต้องเป็นอย่างนั้น นอกจากเขาจะมีสามัญสำนึกข้างใน ถ้าเขารู้สึกว่าทำแบบนี้แล้วทุกคนแอนตี้เขา บูลลี่เขา มันไม่โอเค แล้วเขาปรับเปลี่ยน เขาก็คงดีขึ้น คนเราปรับกันได้แหละ อยู่ที่จะปรับรึเปล่า”

เรื่องการเลี้ยงลูกคือเลี้ยงด้วยกันดีที่สุด?
“เลี้ยงด้วยกันดีที่สุดค่ะ จะอยู่หรือไม่อยู่ ให้เด็กรู้สึกว่ามีแดดดี๊อยู่นะ มีพ่อนะ ไม่ใช่ว่าเหว่ว้าเอกา แต่ถ้ามันแย่มากๆ ก็ต้องคุยกับลูกให้ลูกเข้าใจ ษาก็บอกกับลูกว่า ษามีปัญหากับพ่อ แต่ลูกไม่ได้มีปัญหากับพ่อ แม่มีปัญหากับพ่อ แม่คุยกับพ่อไม่ได้ (หัวเราะ) ษาบอกว่าถ้าอยากรู้อะไรให้ไปเปิดนั่งอ่าน ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนถาม เดี๋ยวบอกได้ เพราะในข่าวก็ไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป”

ซาร่า คาซิงกินี ขอบคุณภาพจากไอจี @sarahcasinghini

เราก็ไม่ได้กลัวกับข่าวที่ผ่านมาว่าลูกจะไปเปิดเจอเองแล้วส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขา?
“ไม่กลัวเลยค่ะ เพราะความจริงอยู่กับเรา เราไม่ได้ตั้งขึ้นมาว่าฉันจะโกหกทุกคน แม้แต่ลูกตัวเองฉันก็โกหก ไม่ ข่าวมาอย่างไร ถามมาเลย เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นอยู่แล้ว เราสร้างเรื่องตอนนั้น อยู่ดีๆ จะมาให้เราเป็นสุภาพสตรีสวยงามเหรอ มันก็ไม่ใช่ ตอนนั้นก็ต้องยอมรับว่าเราผิดอย่างนี้นะ แม่เป็นแบบนี้นะ มาตอนนี้แม่กลับตัวกลับใจแล้วนะ ชีวิตแม่ก็ดีขึ้นนะ ลูกอยากรู้ตรงไหนลูกก็บอก”

น้องเคยมาถามไหม หลังจากที่เขาอ่านข่าว?
“ษาคงอธิบายชัดนะคะ เขาก็เลยไม่อะไร ษาเป็นคนที่ชัดเจนกับทุกคน แม้แต่กับลูก กับแม่ก็ชัดเจนหมด”.