วงร็อกใส่สูทสีสันใหม่ "แบงค์" เชื่อมั่น "แคลช" กลับมาครบรส เผยหัวใจไม่เหงาแม้ไม่มีใคร


ให้คะแนน


แชร์

ได้เดินหน้าลุยผลงาน หนุ่ม “แบงค์-ปรีติ บารมีอนันต์” พร้อมเพื่อนสมาชิก พล-แฮ็ค-สุ่ม-ยักษ์ วง “แคลช” กลับมาทวงบัลลังก์ร็อก สมฐานะวง “แคลช” ทั้งปล่อยอัลบั้มล่าสุด LOUDNESS หลังห่างหายไปจากการออกอัลบั้มถึง 10 ปีเต็ม ได้รับฟีดแบ็กดีแฟนๆหายคิดถึง และล่าสุดเตรียมขึ้นเวทีคอนเสิร์ต The Gentlemen Live โชว์อีกรูปแบบที่แตกต่างกับ “ปรากฏการณ์การรวมตัว” ของ 6 สุภาพบุรุษศิลปิน “แคลช, บอดี้สแลม, โปเตโต้, ก้อง-สหรัถ, โดม-ปกรณ์, ตู่-ภพธร” ที่สลับนักร้องแลกเพลงกันโชว์ถ่ายทอดเพลงรักที่คุ้นเคยจะเปลี่ยนอารมณ์ไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น 2 รอบ ทั้งในวันเสาร์ที่ 31 ต.ค. และวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย.นี้ ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี งานนี้เลยชวนแบงค์มาพูดคุยเปิดมุมมองอัปเดตงาน ชีวิตและหัวใจในวันนี้…

ครั้งนี้ได้เปลี่ยนลุคเป็นยังไงบ้าง?

“จริงๆวงร็อกไม่ค่อยใส่สูทนะ ถ้าตัดพี่ก้อง โดม ตู่ออกไป อันนี้เค้าแค่เดินมาก็ดูเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว ส่วนตัวผมถ้าไปงานทางการมากๆก็มีใส่สูทให้เรียบร้อยเข้ากับสถานการณ์ สูทมันเป็นตัวแทนของ Gentlemen เหมือนแกนหลักของโชว์ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย ในงานจะไม่มาตะโกนโหวกเหวก แต่ถามว่าสนุกมั้ยสนุกนะ มันไล่ไปเรื่อยๆตั้งแต่เบา อะคูสติก ยิ้มแย้มจนไปถึงสนุกสนาน หลายคนอาจจะเข้าใจว่าคอนเสิร์ต The Gentlemen Live จะมานั่งเรียบร้อย ไม่ใช่นะครับ มีทุกรสชาติ ตัวเพลงต่างหากมันถูกปรุงใหม่ทำขึ้นโดยเฉพาะในรูปแบบของความกลมกล่อมและเพลงที่เลือกมาก็ค่อนข้างมีความเป็นสุภาพบุรุษสูง คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือว่าไม่ง่ายนะ เตรียมเพลงเสร็จแล้วก็ต้องนำไปร้อยเรียงใหม่ทำเป็นเวอร์ชันใหม่ ทั้งดนตรีและวิธีร้อง ความยากอยู่ที่เราจะแปลงเพลงให้เป็น Gentlemen ได้อย่างไร ซึ่งเพลงของแคลชก็มีเพลงที่ออกเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว แต่ทำอย่างไรให้การมาแจมกันมันลงตัว เพื่อนในวงก็รู้สึกสนุกดี”

การร่วมงานในเอ็มวี ‘ชายคนหนึ่ง’ กับอีก 5 ศิลปินหล่อละมุนมากทุกคน ทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นอยากรู้ว่าในคอนเสิร์ตจะได้เจออะไรบ้าง?

“อันนี้เป็นส่วนของโชว์ที่คนซื้อบัตรไปดูก็จะได้เห็นหลายสิ่งมากที่ไม่เคยเห็น วงแต่ละวงนักร้องแต่ละท่าน ตัวผมเองก็เหมือนกัน เป็นช่วงที่เซอร์ไพรส์แน่นอน สลับวงกันร้องกันเล่น การแจมกัน รวมไปถึงการโชว์เพลงชายคนหนึ่งให้ได้ฟังกันสดๆบนเวทีนั่นแหละครับที่ไม่อยากให้พลาด”

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ Gentlemen ต้องมี สำหรับ “แบงค์” คืออะไร?

“มุมที่เข้าใจกันทั่วไปคือ Lady First ส่วน Gentlemen ที่ลงลึกไปอีก มันคงเป็นเรื่องของการที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน คนรอบข้างเดือดร้อน และยืนอยู่ในความสุภาพ มันไม่เกี่ยวจะต้องแค่เด็ก สตรี หรือคนชรา กับผู้ชายด้วยกันก็ Gentlemen ได้ มันเป็นการให้เกียรติกันครับ”

ถึงเป็นวงร็อกแต่ในชีวิตจริง แฟนๆก็ได้เห็นมุมอ่อนโยนและสุภาพบุรุษของแบงค์ รวมถึงเรื่องความรักที่ให้เกียรติและดูแลคนที่รัก รู้สึกยังไงที่สาวๆมองว่าเป็นหนุ่มโรแมนติกคนหนึ่ง?

“ไม่ได้โรแมนติกหรอก เพียงแต่ว่าเรารู้ว่าสิ่งไหนมีค่า คำว่าโรแมนติกจะนึกถึงดินเนอร์ใต้แสงเทียนบนดาดฟ้าแต่มันไม่ขนาดนั้น เหล่านั้นมันคือองค์ประกอบแต่เนื้อแท้ข้างในนั้นคือเราใส่ใจมันรึเปล่า มันคือคำจำกัดความว่าเราเห็นค่าสิ่งนั้นรึเปล่า สำหรับผมก็ไม่รู้ว่าเป็นคนโรแมนติกมั้ยผมรู้สึกว่าการจะเซอร์ไพรส์ใครสักคนเนี่ย ไม่ได้ตั้งใจว่าทำแบบนี้แล้วเราจะเป็นคนโรแมนติก งั้นเราลองทำดูหน่อยสิ มันไม่ใช่ มันต้องอยากทำเอง แล้วสิ่งที่ตอบแทนกลับมามีความสุข อันนี้คือสิ่งที่อยากได้ คือเห็นผู้รับมีความสุข มันจะเกิดขึ้นเองจากความรักความใส่ใจครับ”

ความรักของ “แบงค์” ตอนนี้เป็นไง เปิดใจกับความรัก หรือมีสาวๆเข้ามามั้ย?

“ไม่มีครับ คนคุยยังไม่มีเลย ตอนนี้โฟกัสมาที่เรื่องงานมากกว่า แล้วเอาเข้าจริงโควิด-19 ด้วยจะไปเจอใคร ตัวผมเองค่อนข้างอยู่บ้านเก่งอยู่แล้วแบบไม่ได้ดิ้นรนว่าหกโมงเย็นต้องออกไปกินข้าวนอกบ้าน รอบตัวเพื่อนๆก็แต่งงานไปมีชีวิตส่วนตัวกันไปหมดแล้ว ชวนใครเค้าก็จะมีภารกิจของเค้า ตอนแรกก็ไม่ค่อยชิน อยู่บ้านไปเรื่อยๆเริ่มรู้สึกดี และมันมีช่วงลืมนะ ลืมว่าบ้านเราก็ดี คุณย่าก็ต้องการเรา มันมีช่วงที่แม่บ้านกลับบ้าน ย่าอยู่คนเดียวแล้วมีสุนัขที่บ้าน ดูแลกันไปแล้วมันเริ่มชิน โควิด-19 ทำให้เรารักบ้านมากขึ้น”

มองภาพรักครั้งใหม่ยังไง?

“ไม่ได้มองเป็นยังไง ที่ผ่านมามันพิสูจน์หมดแล้วว่าองค์ประกอบภายนอกมีส่วนแต่ไม่ใช่ที่สุด สำคัญตรงที่ว่ามันเข้ากันได้จริงรึเปล่า หรือมันดูเข้ากันได้ มันเข้ากันได้จริงมั้ย มันพอเหมาะและศีลเสมอกันจริงรึเปล่า ก็มีคู่ตั้งเยอะแยะที่เป็นคนจิตใจดีเหมือนกันแต่เข้ากันไม่ได้ บางคนก็เกเรแต่อยู่กันได้อย่างมีความสุข ผมอิจฉามากเลย คือมันบอกไม่ได้ว่าเรื่องพวกนี้เป็นยังไง”

แสดงว่ายังไม่มองความรักแบบสร้างครอบครัว?

“คำว่าครอบครัวของผมไม่ได้หมายความว่าต้องมีลูกสองคนเพราะปัจจุบันนี้ผมไม่ได้รู้สึกขาดอะไร ถึงแม่ผมจะเสียไปแล้ว ผมก็มีคุณพ่อ คุณย่า เป็นครอบครัวที่มีความสุข ถ้าวันหนึ่งมีผู้หญิงเข้ามาแล้วอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข พลิกตัวไปแล้วเห็นได้ทุกคืน แล้วรู้สึกแบบฉันรักเธอว่ะ แค่นี้ก็พอนะ ก็เติมเข้ามาอีกหนึ่งคนถ้ามันสุกงอมจนรู้สึกว่า โอเคเดี๋ยวเราหาคนเพิ่มก็คือลูก นั่นคือเดี๋ยวค่อยว่ากันแต่ไม่มีวางแผน ตั้งโจทย์อะไรไว้ครับ”

“แคลช” ปล่อยเพลง “ไม่มีอะไรต้องกลัว” อัลบั้มใหม่ก็ร็อกเดือด แฟนๆบอกว่าสมการรอคอย?

“คิดว่าคงสมใจแฟนเพลงวงแคลชนั่นแหละ แฟนๆน่าจะกำลังคิดถึงมีเมโลดี้แบบแคลชในส่วนของร้องแล้วก็มีดนตรีในแบบแคลชที่ผสมอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปด้วย”

ถามถึงอัลบั้มใหม่สีสันของอัลบั้มนี้เป็นยังไง เล่าการทำงานและทิศทางของอัลบั้ม?

“วงแคลชเนี่ย 4ซิงเกิลที่ปล่อยมาก่อน พวกเราไม่นับถือว่าเป็นการลองกลับมาทำเพลง แฟนเพลงเก่าใหม่จะรู้สึกยังไงบ้าง มาถึงอัลบั้มใหม่ในรอบสิบปี แฟนคลับดั้งเดิมเนี่ยจะรู้ว่านี่คือแคลชร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีอะไรผสม ช่วงเวลาที่ผ่านมามันมีเสียงตั้งเยอะ เสียงอยู่ในหัว ที่เราทำเพลงแบบยุคก่อนได้มั้ย มันเลยกลายเป็นอัลบั้ม LOUDNESS นี้ แต่รับรองว่าอัลบั้มนี้ครบรสเหมือนเดิม สังเกตได้ว่าวงแคลชจะเป็นวงที่ฟังก์ชันจะมีหลายแนว มีร็อก แร็ป อาร์แอนด์บี เมทัล ครบตามที่แฟนเพลงเคยสัมผัสกันมาครับ”

แยกย้ายกันไปจนมาอัลบั้มชุดนี้ ความสัมพันธ์ในวงแน่นแฟ้นขึ้นมั้ย?

“โดยส่วนตัววงแคลชมีกิจกรรมร่วมกันบ้างอยู่แล้ว มีกรุ๊ปไลน์แคลชคุยกันอยู่ตลอด ถึงแม้หลายปีแรกจะแยกกันไปไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ หลายๆคนอยู่ในช่วงที่พยายามเข็นตัวเองในทิศทางที่เราต้องอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีเพื่อนอยู่รอบข้าง ก็ต้องพยายามหาทิศทางที่จะทำอะไรต่อ ตัวผมเองก็เหมือนกัน ในตอนที่ตัดสินใจแยกวงใหม่ๆ ก็อยู่ในช่วงครุ่นคิดเหมือนกัน แต่พอทุกคนเริ่มลงตัวก็กลับมาคุยกัน ถ้าถามว่าแน่นแฟ้นขึ้นมั้ยมันแน่นขึ้นอยู่แล้ว เพราะเราได้เจอกันได้คุยสารทุกข์สุกดิบกัน กลับมาในจุดเดิมที่เคยอยู่ครับ”

จากวงวัยรุ่นสู่วงวัยกลางเรื่องที่อยากถ่ายทอดในอัลบั้ม หรือแม้แต่ตัวสมาชิกเองเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนยังไงบ้าง?

“ทุกคนทัศนคติอุดมการณ์ก็เปลี่ยนไปเยอะพอสมควร เช่น นิ่งขึ้น คิดก่อนพูดมากขึ้น ระวังกับทุกอย่างมากขึ้น อย่างผมเมื่อก่อนขับรถเร็วมาก เดี๋ยวนี้ขับไม่เกินร้อย เพราะมันอยู่ในช่วงวัยที่มีคนอยู่ข้างหลังเต็มไปหมด เพราะอย่างช่วงวงแคลชยุคแรกเรามัวแต่มุ่งสู่คนที่อยู่เบื้องหน้าเราอยากจะไปเจอคนโน้น อยากทำเพื่อจะไปเจอคนนี้ คือทำให้สำเร็จมากกว่าเดิม สมาชิกที่เปลี่ยนแปลงอย่างพี่พล ก็มีลูกแล้ว ส่วนผมกลับหันมารู้สึกว่าการดูแลตัวเองให้สามารถเล่นดนตรีร้องเพลงได้อย่างยืนยาว อันนี้สำคัญกว่า เผลอๆสำคัญกว่าเพลงที่ปล่อยออกมาได้กี่ล้านวิวด้วยซ้ำครับ”.

สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1949066
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1949066