หนุ่ม กรรชัย ชีวิต 51 ปี โดนด่าฝังใจ ‘สื่อเทียม’ เรื่องลับที่คุณไม่รู้


ให้คะแนน


แชร์

Thairath Talk : ฝันแรกของหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย คืออะไรครับ

ฝันแรกอยากเป็นหมอ เชื่อไหมพี่เคยเขียนเรียงความ แต่พี่ไม่ได้เขียนว่าพี่อยากเป็นหมอ พี่เขียนว่าพี่อยากเป็นโจร น่าจะย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ที่พี่ดูหนังจีนแล้วพี่ชอบผู้ร้าย มันอินก็เลยทำให้เขียนอะไรแบบนี้ลงไปในบทความ

Thairath Talk : ตอนเด็กๆ เกเรขนาดไหนครับ

เกเรมาก ไล่ตีกันตลอด ใช้หมัดใช้มือ แล้วก็เมื่อก่อนมีสปาร์ตาที่ไล่ฟันกัน แต่ไม่ถึงขั้นทุกวันนี้

Thairath Talk : แล้วคุณเป็นเด็กที่เรียนดีไหม

เลว เป็นเด็กเรียนไม่ดีเลย พี่ว่าพี่เป็นคนหัวไม่ดีเลย เหมือนเวลาเราฟังอะไรเราไม่ค่อยเข้าใจ แล้วเราก็เข้าใจเอาเอง ใครพูดอะไรก็ไม่ค่อยเข้าหัว

พิธีกรแรกแข็งเหมือนสาก

Thairath Talk : ชีวิตพี่หนุ่มพลิกบทบาทจากการเล่นละครมาเป็นพิธีกรในรายการได้อย่างไร

พี่ได้โอกาสจากทางช่อง 3 โอกาสแรกที่ได้รับคือได้เล่นละครกับช่อง 3 โอกาสครั้งที่ 2 ก็เป็นโอกาสพิธีกรรายการดาวล้านดวงของคุณไก่ วรายุฑ

Thairath Talk : ตอนนั้นบทบาทพิธีกรในดาวล้านดวงเป็นยังไงบ้างครับ

โอ้โห เล่นละครว่าแข็งเป็นสากแล้วนะครับ ไอ้นี่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร น่าจะเป็นแกนในของสากอีกที คือไม่ได้เลย คนที่เล่นละครมาแล้วพอมาเป็นพิธีกรมันยาก สเตปมันต่างกัน เหมือนว่าเรามีความถนัดในการเล่นละครและจำบทละคร แต่พอมาเป็นพิธีกร เราต้องมาจำสคริปต์ให้ได้ ซึ่งความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องจำ มันไหลไปเรื่อยๆ ได้ แต่ด้วยความที่เล่นละครมาจนเคยชิน บางทีพอเราอ่านสคริปต์แล้วมันไม่ใช่ตัวเรา เราก็เลยพูดแบบแข็งๆ ออกไป มันไม่ใช่ตัวเรา ท้อมาก

Thairath Talk : แล้วหลังจากท้อพี่หนุ่มทำยังไง พี่หนุ่มก็ทำอยู่นานนะ

ทำอยู่ 5 ปี คือถ้าอยู่ในรายการดาวล้านดวงมันจะเป็นแบบนั้น มันเหมือนถูกฝังชิพไปละ พอหลังจากนั้นมีโอกาสไปทำรายการอื่นต่อเนื่อง ก็เหมือนปรับตัวเองให้เป็นตัวเราเองมากขึ้น แล้วก็คลำเจอทางของตัวเอง

Thairath Talk : เป็นพิธีกรชนิดที่เนียนตา ในความรู้สึกเราคือรายการอะไร ใช้เวลามากน้อยแค่ไหนครับ

คือพี่เป็นคนที่ไม่ได้โด่งดังแบบชนิดที่ว่าจุดพลุแล้วปังเลย พี่เป็นคนที่น้ำซึมบ่อทราย ทำงานของพี่ไปเรื่อยๆ เลยตอบไม่ได้ว่าจุดไหนที่เราเจอแล้วรู้สึกว่าใช่ มันเนียนตาแล้ว

จุดเปลี่ยนชีวิต – ผู้ประกาศชอบเสือก

Thairath Talk : โหนกระแส มาจาก Passion ของเราที่อยากทำรายการทอล์กใช่ไหมครับ

เอาจริงๆ มันเริ่มจากการที่พี่เป็นคนชอบเสือก (ยิ้ม)

Thairath Talk : พี่หนุ่มอยากรู้อยากเห็นมากกว่ามดดำอีกเหรอ

(หัวเราะ) พี่ว่าพี่เสือกมากกว่านะ มดดำไม่ใช่คนเสือกนะ แต่มดดำเป็นคนอยากรู้ทุกเรื่อง แต่พี่ไม่ใช่ พี่เป็นคนเสือก มันไม่เหมือนกัน คืออยากรู้ว่ามันเกิดอะไร มันเป็นอะไร เพราะอะไร แล้วความเสือกก็อยากจะถาม ว่าทำไม เพราะอะไร คือเป็นคนแบบนี้

Thairath Talk : ด้วยท่าทีที่เป็นคนบันเทิงด้วยใช่ไหม เวลาถามมันก็เลยดูซอฟต์ลง

นั่นเป็นผลพลอยได้ คือต้องบอกก่อนว่าในมุมพิธีกรพี่ได้โอกาสเป็นครั้งที่ 2 แต่การสัมภาษณ์มันก็ต่อเนื่องมาตั้งแต่ตอนช่อง 3 ดาวล้านดวงที่เป็นรายการทอล์ก แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีโอกาสได้ทอล์กเลย คนที่ทอล์กคือ พี่อุ๊ ช่อผกา ซึ่งตรงนี้มันก็มีสิ่งที่เราซึมซับจากพี่อุ๊มาบ้างเหมือนกันตอนที่เขาสัมภาษณ์ มันเรียนรู้มาตลอดเวลา มันก็เป็นโอกาสที่ต่อเนื่องมา

จนกระทั่งจุดเปลี่ยนในชีวิตอีกอันนึงคือผู้บริหารช่อง 3 ให้พี่ลองมาเป็นผู้ประกาศดู ตอนนั้นเหมือนฟ้าถล่มมาก เราก็บอกเขาว่าขอตัดสินใจดูก่อนนะครับ พี่ยอมรับว่ารู้สึกตกใจและไม่อยากทำ

“เพราะเรารู้สึกว่าเราเป็นคนเสือกไง เราชอบที่จะรู้เรื่องชาวบ้าน แต่เราไม่ได้ชอบที่จะเอาเรื่องของชาวบ้านมาเล่าให้คนอื่นฟัง มันต่างกันนะ การเป็นผู้ประกาศคือการเอาเรื่องคนอื่นมานั่งเล่า มานั่งอ่าน มานั่งพูด แต่พี่เสือกชอบใส่ความคิดเห็นด้วย มันก็มีทั้งดีและไม่ดี ซึ่งอันนี้เป็นข้อเสียที่พี่ต้องเอามาปรับปรุงแล้วก็พยายามเรียนรู้กับมัน แต่ที่แน่ๆ คือในครั้งแรกพี่เป็นคนชอบเสือก พี่มองว่าผู้ประกาศข่าวไม่ใช่ชีวิตพี่

Thairath Talk : ตัดสินใจอยู่นานไหม

2 เดือน หนี หนี หนี จนกระทั่ง มีสัญญาณว่าไม่ได้แล้วนะ คุณจำเป็นที่จะต้องเอาให้มันชัดว่าคุณจะเอายังไง สุดท้ายก็กลับไปนั่งคิด จนได้คำตอบมาว่า การเป็นผู้ประกาศข่าวของช่อง 3 มันเหมือนกับคนถูกลอตเตอรี่เหมือนกันนะ เพราะพี่เชื่อว่าคนเป็นหมื่นเป็นแสนอยากจะไปนั่งตรงนั้น อยากจะไปนั่งประกาศข่าวตรงนั้น และเป็นผู้ประกาศข่าวหลักของช่องด้วยแต่เขาไม่มีโอกาส

ไม่ใช่คนข่าว

คำด่าแผลในใจ

“พอมาทำงานวงการข่าวมันก็ไม่ได้ราบรื่นเหมือนโรยกลีบกุหลาบก็มีถูกค่อนแคะจากคนอื่นๆ จากคนข่าวในวงการ บางคนก็บอกว่าไม่ใช่คนข่าว ไม่รู้จะนิยามว่าอะไร บางคนก็บอกว่าไม่มีมารยาท เพราะไม่ใช่คนข่าวถึงได้ไปสัมภาษณ์เขาแบบนั้น”

จนมีอยู่เรื่องนึงที่พี่ไปจับเรื่องของน้องแพรวา แพรวาที่ขับรถชนแล้วมีคนเสียชีวิต 9 ศพ เรื่องนี้บอกตรงๆ ว่าพี่ไม่รู้หรอกว่าใครเริ่มไม่เริ่ม แต่คือพี่ทำรายการโหนกระแสเป็น Hard talk แล้วเรื่องนี้อยู่ในกระแส พี่ก็เลยดึงเรื่องนี้มาคุย แต่พอดีครอบครัวแพรวาเขาติดต่อพี่มาโดยตรง แม่แพรวาเขาโทรหาพี่เองเลย ซึ่งเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แกก็บอกเลยว่าอยากให้คุณหนุ่มเป็นสะพานให้พูดคุย เจรจาเบื้องต้นกับทางผู้เสียหาย พี่ก็บอกว่าพี่ทำแบบนั้นให้ไม่ได้ จนกว่าที่คุณแม่แพรวา หรือน้องแพรวา จะมีเงินไปซัพพอร์ตพวกเขา เพราะคนพวกนี้กำลังลำบาก ชีวิตเขาเปลี่ยนตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เลย

เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าผมไม่สามารถที่จะเป็นสะพานให้ได้เลย เพราะฉะนั้นคุณแม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาเงินมาให้เขา แต่ผมโดนดอกแรกเลย มึงเข้าข้างแพรวาทำไม ผมบอกเปล่า สิ่งที่ผมคุยกับแม่แพรวา ครอบครัวแพรวา ผมไม่เคยได้ประโยชน์อะไร คนที่ได้คือผู้เสียหาย เพราะผมกำลังขอเงินจากเขามาให้ทางนี้

Thairath Talk : มันทำเกินหน้าที่รึเปล่า ถ้ามีคนถาม

มีคนบอกพี่ว่าคนเป็นสื่อทำหน้าที่สื่อได้ แต่เป็นคนกลางไม่ได้ สำหรับพี่เป็นได้ คำว่าเป็นสื่อสารมวลชน มันต้องมีจริยธรรม มันไม่ใช่การนำเสนอข่าวอย่างเดียว คือผมไม่รู้หรอก ผมไม่ได้เรียนมาทางนี้ แต่สำหรับผม ผมคิดว่าการเป็นสื่อที่ดี ถ้าคุณสามารถช่วยเหลือใครได้โดยที่มันไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราก็ช่วยเขาเถอะ ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมเราอยู่ร่วมกันได้ ถ้าวันนี้ผมไม่ยื่นมือไปคุยกับครอบครัวแพรวา วันนี้คืออะไรก็ต้องไปบังคับคดีกัน ยึดทรัพย์กัน มันก็ยังไม่จบ

ผมย้อนถามคุณคำนึง การเป็นสื่อ เป็นสื่อกลางได้แต่เป็นคนกลางไม่ได้ แล้วถ้าวันนี้ผมเป็นสถาปนิกไม่ได้เป็นหมอ ผมเดินออกไปเจอรถชนเด็กคนนึง แล้วเด็กล้มฟุบอยู่กับพื้น แล้วผมเดินผ่านไปพร้อมพูดว่า กูไม่ช่วยมึงหรอก เพราะกูไม่ใช่หมอ ผมเป็นสถาปนิก กูต้องทำแค่ออกแบบเท่านั้น แล้วผมก็เดินจากไปเลย จริยธรรมการเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ต่อให้ผมเป็นอะไร อย่ามองว่าผมเป็นสื่อ อย่ามองว่าผมเป็นดาราและอย่ามองว่าผมเป็นคนบันเทิง เรื่องที่มันต้องช่วยข้างหน้า ถ้าเราช่วยได้ก็ช่วย ถูกหรือเปล่าครับ

“ผมค้านสุดตัวนะ ถ้าใครจะบอกว่าสื่อเป็นแค่สื่อกลางได้แต่เป็นคนกลางไม่ได้ ถ้าพูดต่อหน้าผมว่าสื่อเป็นสื่อกลางได้แต่เป็นคนกลางไม่ได้

ผมจะยกนิ้วกลางให้ด้วย”

Thairath talk : รู้สึกมากใช่ไหมที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์

เป็นแผลเป็นในใจเราและมันไม่ต่างอะไรกับการที่มีคนมาด่าเราว่า เราเป็นลูกเมียน้อย มันรู้สึกไงครับ มันฝังใจว่าเรา แต่คุณไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่คุณพูดแบบนี้ ผมไม่ได้โกรธคุณนะแต่ผมเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเองว่า ‘วันหนึ่ง กูจะทำให้ดีกว่ามึง’ 

ที่มา ทำไมเอาขยะออกทีวี

Thairath talk : เรื่องของเด็กแว้นที่จะต่อยกัน เก่ง ลายพราง กับเสี่ยโป้ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาก 

พี่จะบอกว่าอย่างเสี่ยโป้ อานนท์ และเก่ง ลายพราง หลายคนด่าพี่ว่าเอาขยะมาออกทำไม ขยะสังคม นู่นนี่นั่น นี่เป็นประเด็นสังคมที่คนมักจะพูดว่าเอาคู่นี้มาออก มันให้อะไรกับสังคม ซึ่งพี่ยึดตามวิถีชีวิตพี่เองนะ คนอื่นพี่ไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร พี่คิดว่ามนุษย์คือมนุษย์ มนุษย์ไม่ใช่ขยะ คนคือคน คนทุกคนจะดีหรือจะเลว ชั่วช้าไปสุดกู่สุดเท้าขนาดไหนก็ยังเป็นคน เขามีสิทธิ์ที่เขาจะต้องชี้แจงในข้อเท็จจริงของเขา นี่คือสิทธิมนุษยชนที่เขาพึงจะมีในความเป็นมนุษย์

สุดท้ายในสิ่งที่คุณตอบกลับมาประชาชนจะเป็นคนตัดสินเองว่า คุณพูดออกไปมันคือสิ่งที่ผิดหรือถูก ถ้าคุณพูดผิดคุณจะถูกขนานนามว่าเป็นขยะสังคมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่เมื่อไหร่ที่คุณพูดถูก คุณก็จะหลุดพ้นตรงนั้นมา เราจะเอาอะไรไปตัดสินว่า เขาอาจจะเป็นคนเกเรหรือเป็นคนเลวในสายตาคนอื่น แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่เขาจะพูดในมุมของเขาและประชาชนจะตัดสินเองถูกไหมครับ

ข้อสอง เราให้อะไรกับสังคมที่เอาสองคนนี้มาเจอกัน เราต้องย้อนกลับไปว่าสองคนนี้เขามีเพจที่มียอดคนติดตามเป็นล้าน ซึ่งลูกเพจของโป้และลูกเพจของเก่งเขาตีกัน เหตุหนึ่งก็เพราะว่าหัวงูตีกันอยู่ ถ้าเราคิดแค่ว่ามันให้อะไรกับสังคม พี่ก็จะตอบว่าแล้วคุณเคยคิดไหมครับว่าถ้าเกิดเราเอาสองคนนี้มาเจรจาและจับมือกันได้ เรื่องนี้จบและอะไรจะตามมา หางทั้งหมดก็จะยุติในการถล่มกัน เลิกตี เลิกฆ่ากัน แล้วคุณพูดว่ามันไม่ให้อะไรกับสังคมได้อย่างไร มันก็ต้องให้สิ แล้วอะไรคือมันไม่ให้อะไรกับสังคม มันอยู่ที่มุมมองว่าคุณจะเลือกเสพแบบไหน

ผู้เขียน : Bouquet Talk

ภาพ : Theerapong Chaiyatep

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/1942561
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/1942561