อาย กมลเนตร เล่าประสบการณ์เจอก้อนเนื้อ หมอผ่าออก-ทำเปลี่ยนชีวิต


ให้คะแนน


แชร์

ดาราสาว อาย กมลเนตร เล่าประสบการณ์เจอก้อนเนื้อ โชคดีไม่เป็นเนื้อร้าย หมอผ่าออกแล้ว ทำเปลี่ยนชีวิต หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น

วันที่ 10 ต.ค.63 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ภายในงาน “มะเร็งเต้านม รู้ไว หายทัน : Pink Alert – Check & Share Project 2020 นักแสดงสาว อาย กมลเนตร เรืองศรี มาร่วมงาน จากนั้นให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องประสบการณ์ เจอก้อนเนื้อโดยบังเอิญ ซึ่งไม่ใช่เนื้อร้าย และได้ผ่าเอาออกเรียบร้อยแล้ว

เคยผ่านประสบการณ์เช็กเต้านม?
“วันที่10 เดือน10 เมื่อปีที่แล้ว อายก็ได้จัดคอนเสิร์ตเกี่ยวกับโรคมะเร็งเหมือนกัน จุดเริ่มต้นมาจากแฟนคลับของอายที่เป็นโรคมะเร็ง มาปีนี้วันที่10 เดือน10 เหมือนกัน เป็นวันที่อายได้มาพูดในฐานะตัวแทนของคนที่ตรวจเจอก้อนเนื้อโดยบังเอิญ เราเคยผ่านประสบการณ์ช่วงที่ลุ้นว่าก้อนเนื้อที่เจอมันเป็นก้อนเนื้ออะไร”

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

สำหรับเราน่ากลัวขนาดไหน?
“หลังจากที่ได้คุยกับคุณหมอ ทำให้รู้ว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก อายเจอเป็นเคสก้อนเนื้อก็โชคดีที่ไม่ใช่ก้อนเนื้อร้าย บังเอิญว่าหลังจาก 1 ปีที่เจอมันโตขึ้น แล้วก็มีเส้นเลือดมาเลี้ยง ก็เลยงั้นเราเอาเขาออกดีกว่า ณ วันที่เจอไม่กังวลเลย เพราะเราเคยได้คุยกับพี่แฟนคลับที่ชื่อพี่ปาล์ม ตอนนั้นพี่ปาล์มป่วยเป็นโรคมะเร็งแล้วและเคสใหญ่มาก เหมือนคนตั้งครรภ์ แต่มันอยู่ตรงหน้าอกข้างซ้าย แล้วเราได้สัมผัสก้อนเนื้อนั้น เรารู้สึกมันเป็นเรื่องที่รุนแรงมากเลยกับคนๆ หนึ่ง แต่เวลาที่อายไปพูดคุยกับพี่เขา อายเห็นกำลังใจมากๆ กับสิ่งที่พี่เขามี จนเรารู้สึกว่าคนที่ครบ 32 อย่างเราที่ไม่ป่วย บางทีเราท้อ เหนื่อยกับงาน มันไม่ได้แล้ว เราต้องมีกำลังใจ ในวันที่เราเจอเอง เราก็ตอบกับคุณหมอไปเลยว่าไม่เป็นไร ถ้ามันไม่ดีก็ผ่าออก หมอก็แบบไม่ต้องให้หมอปลอบใจเลยเหรอ อายก็บอกไม่เป็นไร เพราะเจอเคสพี่ปาล์มมาแล้ว”

อาการตอนนั้นเป็นอย่างไร?
“ไม่มีอาการอะไรเลย แค่ได้แพ็คเกจไปตรวจฟรี เลยไปตรวจ ตอนนี้ก็คอยติดตามทุก 6 เดือน มันเล็กลง คุณหมอก็นัดต่ออีก 6 เดือน พอมาดูมันใหญ่ขึ้น และมีเส้นเลือดมาเลี้ยงด้วย หมอก็เจาะไปตรวจ ก็ทำตามขั้นตอนคุณหมอเลย อายทำการผ่าตัดไปเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ผ่านมาประมาณ 6 เดือนแล้ว”

มันจะกลับมาได้อีกไหม?
“คุณหมอให้ตามเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ยังจะมีโอกาสกลับมาอีกไหม ผู้หญิงเราควรไปตรวจในทุกปีอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำเลย ตอนนั้นก็คิดว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถ้ามันเกิดแล้วจริงๆเราต้องอยู่กับเขา แล้วเราจะอยู่ยังไง ณ วันนี้พี่ปาล์มไม่อยู่แล้ว แต่อายยังจำแววตา จำน้ำเสียงของเขาได้อยู่เลย วันแรกที่เจอเขาเราขนกำลังใจไปเพียบเลย กะจะไปให้กำลังใจเขา แต่สุดท้ายเรากลายเป็นผู้ฟังอย่างเดียวเลย พี่ปาล์มเรียกก้อนเนื้อว่าเขา เขามาอยู่กับเราแล้วนะ โกรธไปเกลียดไปก็ไม่รู้จะยังไง ในเมื่อต้องอยู่ร่วมกันก็จะคุยกับเขาดีๆ เขาเอามืออายไปจับที่หน้าอกเขา เขาบอกตอนนี้เขาร้อนมากๆเลย เขาทรมานมาก มันทับหัวใจเขาด้วย แต่เขายังกำลังใจดีมาก”

“ไม่มีใครอยากเป็นมะเร็ง รวมถึงตัวอายด้วย แต่การที่เราได้สัมผัสกับผู้ป่วยที่เขาเป็นจริงๆ แล้วเขามีพลังด้านบวก มันก็ดีกว่าที่เขาดาวน์ มันยากนะกับสถานการณ์และโรคที่เขาเจอ”

จะมีโอกาสกลับมาเป็นอีกไหมหรือจะลามเป็นมะเร็งไหม?
“ของอายไม่ลามเลย ตอนแรกเจอ 1.4 ซม. แล้วเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้น เป็น 1.7 ซม. เลยผ่าออก พอไปผ่าแล้วกลับไปตรวจว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ พอไม่เป็นเราเอาออกไปแค่ 1.7 ซม. แต่ถ้าวันนั้นอายเป็นมะเร็ง อายต้องกลับไปคว้านเนื้อรอบๆ เพราะมันจะทำลาย ทุกคนก็แซวว่า 2 ข้างไม่เท่ากัน เราก็บอกใจเย็นๆ เราไม่ได้อะไรมาก เพราะที่มีมันก็ไม่ได้เยอะอยู่แล้ว หมายถึงก้อนเนื้อนะ (ยิ้ม) ก็ไม่ได้กระทบอะไรกับเรา”

“ถามว่ากลัวมันจะกลับมาไหม ถ้าวันหนึ่งมันเจอมันก็คงจะต้องมีโมเมนต์ที่เรารู้สึกนอยด์กับมันแหละ แต่ว่าเราจะก้าวข้ามผ่านตรงนั้นยังไง เราก็จะพยายามจดจำสิ่งที่เราพูดในวันนี้ หรือสิ่งที่เราเคยได้รับสารมาจากหลายๆ คนที่เป็นกำลังใจว่าเราจะทำยังไงต่อไป ณ วันที่รู้แล้วเราจะสามารถทำอะไรต่อ เป็นกระบอกเสียงอะไรได้บ้าง แค่เล็กๆน้อยๆก็ยังดี”

ตอนนี้ 6 เดือนแล้วที่ผ่าตัดออก เรามีได้คุยกับเขาไหมอย่ากลับมาอีกนะ?
“เขาไปแล้ว เดือนนี้ก็ต้องไปรีเช็ก ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องดูแลใส่ใจเรื่องอาหารการกิน งดของทอด อะไรที่ใช้น้ำมันจริงๆ เราจะใช้น้ำมันอะไร เราใส่ใจกับวัตถุดิบมากขึ้น เราได้ทานอาหารที่เราปรุงสุกเอง เราได้รู้ต้นสายปลายเหตุมันมายังไง อะไรที่เรารู้ว่าอันนี้เสี่ยงมากๆ ก็จะไม่ แล้วก็เรื่องความเครียด ออกกำลังกายมันเหมือนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น เราอยู่ในช่วงวัยทำงาน บางครั้งเราเพลิดเพลิน จนลืมดูแลสุขภาพ ซึ่งมันก็เป็นสังขารที่ร่วงโรยไปตามเวลา ครั้งนี้เราได้กลับมาใช้ชีวิต ค่อยๆทบทวน อายเคยไปเข้าคอร์สเจริญมรณสติ เป็นการเผชิญความตายด้วยใจสงบ ทุกคนต้องตาย เราไม่รู้เลยว่าเราจะตายตอนไหน ด้วยวิธีอะไร วันนี้เรายังไม่ตาย เรายังมีชีวิต มีลมหายใจ เรายังตื่นขึ้นมาทำอะไรเพื่อตัวเอง เพื่อสังคมได้ อันนี้จบเลยสำหรับอาย สุดท้ายเดี๋ยวก็ต้องไปคุยกับรากต้นไม้ที่อายปลูกไว้เหมือนกัน เรารู้สึกว่าแค่นี้มันก็โอเคแล้วสำหรับที่อายได้เกิดมาทุกวันนี้”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5090042
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5090042