จุ๋ย วรัทยา ไม่หวั่นไหวตามดราม่า เลือกไม่ผิด มีความสุขทุกวันที่มี พุฒ


ให้คะแนน


แชร์

ตนและพุฒไม่ค่อยทะเลาะกัน ถ้าทะเลาะกันก็น้อยมาก ส่วนใหญ่ถ้าจะมีอารมณ์กันในเรื่องของคำพูด เช่น เวลาที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วมีคำพูดมาทำให้จี๊ดๆ นิดหน่อย แต่ไม่ได้เอามาเป็นอารมณ์ เพราะรู้ว่าตอนนั้นเจออะไรกันอยู่ ต่างคนต่างเข้าใจกัน และเป็นอยู่แค่ 5-10 นาทีก็หาย ไม่เอามาทะเลาะให้เป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต

ซึ่งจุ๋ยเล่าต่อว่า พุฒเคยบอกกับตนว่าการทำงานมันก็เหนื่อยมากแล้ว จะมาทะเลาะกันอีกทำไม มันไม่มีผลดีทางใจ ถ้ามัวแต่ทะเลาะกันก็เหนื่อยไปสำหรับชีวิต พอรู้ว่าจะทะเลาะกันทั้งคู่ก็จะหยุด

และจุ๋ยก็บอกกับเราต่อว่า ตนนั้นเป็นคนที่ตามจิตตัวเองได้ว่าอารมณ์ไม่ดีอยู่ และจะบอกตัวเองตลอดว่าอย่าพูดไม่ดี อย่าใช้คำที่ไม่ดี เพราะว่าถ้าไม่มีสติ จะใช้คำที่รุนแรง และตนก็มักจะเห็นหลายคนชอบพูดจาไม่ดีให้เจ็บที่สุดเวลาที่ทะเลาะกัน แต่พอหายโกรธ หายงอนก็รักกันมาก ไม่รู้ทำไมถึงต้องพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจขนาดนั้นด้วย

เพราะฉะนั้นต้องมีสติ และตามตัวเองให้ทันว่า ตอนนี้อารมณ์ไม่ดี ตอนนี้รำคาญ ตอนนี้อารมณ์คุกรุ่นแล้ว พอตามอารมณ์ตัวเองทัน มันจะกดทุกอย่างให้มันไม่ระเบิดจนพิโรธ เพราะฉะนั้นชีวิตในแต่ละวันมันก็เลยไม่ได้หนักหนาอะไร และมีความสุขดี 

พุฒไม่กลัวเมีย แต่เกรงใจ

เพราะเท่าที่ฟังดู พุฒ พุฒิชัย ผู้เป็นสามี ดูเชื่อคำโบราณ

ว่า เชื่อเมียแล้วจะเจริญนั้น เราจึงถามจุ๋ยต่อไปว่า จุ๋ยเป็นใหญ่ในบ้านรึเปล่า ซึ่งจุ๋ยก็เคลียร์เรื่องนี้ให้หายสงสัยว่า

“อันนี้พูดยาก แต่จุ๋ยไม่ใหญ่ค่ะ แค่พุฒเขาเป็นคนตามใจและอยากให้เรามีความสุข และอะไรที่เราอยากได้ อยากทำ เขาก็ไม่ห้าม ด้วยความที่จุ๋ยเป็นแบบนี้ คนก็เกรงใจโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ได้กลัวนะ แต่เขาเกรงใจ”

และจุ๋ยก็เล่าเรื่องราวน่ารักๆ ของ พุฒ พุฒิชัย สามีท่ีน่ารักของตัวเองให้เราฟังต่อว่า “ก่อนหน้านี้ จุ๋ยรู้จักการใช้เงินน้อยกว่าพุฒ เมื่อก่อนช็อปปิ้งเก่ง แต่พุฒเขาเป็นคนประหยัดไม่ชอบซื้อของให้ตัวเอง

แต่มีความสุขกับการซื้อของให้พ่อแม่ หรือว่าเรา แต่เวลาจะซื้ออะไรให้ตัวเองแพงๆ จะคิดเยอะ มันคือนิสัยเขา แต่สำหรับจุ๋ยจัดทุกอย่าง ให้ได้ทุกคนที่เรารัก แม้แต่ตัวเอง เพราะเราก็รักตัวเอง ก็จ่ายให้ตัวเองได้ด้วย 

แต่พอเห็นวิธีการใช้เงินของพุฒมันระวังดี ดูโอเคกับการที่เราจะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จุ๋ยก็จะติดนิสัยพุฒมาบ้างแล้ว ไม่ค่อยเหมือนแต่ก่อน เมื่อก่อนไม่มีครอบครัว ทำงานเองได้ ก็ใช้จ่ายเต็มที่ แต่ตอนนี้ก็มียั้งคิด ยับยั้งชั่งใจ

แต่ของพุฒจะเป็นคนไม่ค่อยวางแผนการใช้เงิน ทำงานเก็บเงิน เงินเข้ามาเยอะมาก แต่ไม่วางแผนจัดเป็นสัดเป็นส่วน แต่จุ๋ยจะเข้าไปจัดการให้ เราก็ช่วยกันมากกว่า พุฒเอาข้อดีของเขามาช่วยให้เราเป็นแบบนี้ ส่วนเราก็เอาข้อดีของเราช่วยจัดการชีวิตเขา”

ไม่รับงานเบื้องหน้าเพราะเตรียมมีลูก

เราถาม จุ๋ย วรัทยา กันต่อ เพราะหลังจากที่หันหลังไม่รับงานเบื้องหน้า มาผันตัวเป็นผู้จัดละครนั้นเป็นเพราะอะไร และเรื่องการมีทายาทตอนนี้พับแพลนเอาไว้ หรือว่ายังคงเดินหน้าเปิดอู่กันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้จุ๋ยบอกกับเราว่า

“ตอนนี้จุ๋ยไม่รับงานเบื้องหน้าค่ะ เพราะเคยมีประสบการณ์ตอนถ่ายเพลิงรักเพลิงแค้นและวางไว้จะถ่ายละครให้จบก่อนแต่งงาน แต่สรุปว่ามันยาวจนไปถึงหลังแต่งงานเยอะมาก ก็เลยทำให้จุ๋ยพะวงกับการที่จะมีน้องในช่วงที่เราเป็นเบื้องหน้า เพราะจุ๋ยกลัวว่าเราจะทำปัญหาให้กับกอง

อย่างเช่น เขาจะต้องเปลี่ยนบทมั้ย ท้องเราจะมีปัญหากับการเล่นมั้ย กลัวว่าจะทำได้ไม่เต็มที่ เพราะบทที่เรารับได้รับส่วนใหญ่จะได้แต่ดราม่าตลอดเลย เพราะกลัวว่าความดราม่า ความเศร้าจากตัวละครจะไปลงที่น้อง ถ้าจุ๋ยท้องในระหว่างที่เล่น เลยตัดปัญหาไม่รับในช่วงนี้ เพราะว่าจุ๋ยยังอยากท้องอยู่ (ยิ้ม)

และเพราะช่วงนี้มีสถานการณ์โควิดเป็นหลัก เลยทำให้จุ๋ยรู้สึกว่ายังไม่พร้อมกับชีวิตช่วงนี้ที่ยังมีโรคภัยไข้เจ็บอยู่ ถ้ามาท้องเราก็ต้องมากังวลอีก เพราะว่าเห็นเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศแล้วท้องในช่วงโควิดลำบากมาก

เลยทำให้จุ๋ยเป็นห่วง ใจไม่พร้อม และนี่ก็ไม่ได้คุมนะคะ จุ๋ยคิดว่าเวลามันยังไม่ใช่เวลาของเรา ก็รอจนกว่าชีวิตพร้อมข้างบนให้มาเอง ก็เลยไม่อะไร”

แต่ก่อนหน้านี้ ทั้งจุ๋ยและพุฒก็เคยบอกว่า ตั้งใจจะมีน้องให้ได้ภายในปีนี้ เพราะดูมาแล้วมันดีกับชีวิตคู่ ซึ่ง จุ๋ย วรัทยา ได้ตอบมาว่า ก่อนหน้านี้เคยมีดูๆ ไว้ว่าถ้ามีภายในปีนี้จะดี แต่ก็เลยไปแล้ว แต่ก็มีดูไว้อีก ซึ่งเป็นช่วงปีหน้า ซึ่งเป็นความเชื่อของเธอ คิดเองเรื่องปีนักษัตร แต่ไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องมี

ซึ่งจุ๋ยเล่าต่อให้ฟังว่า อย่างตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนที่เกิดปีนักษัตรที่รับกันกับพ่อแม่ แต่ว่าเธอเองก็รักพ่อแม่ ยังดูแลพ่อแม่ พ่อแม่ดูมีความสุขที่มีตนเป็นลูก ซึ่งเรื่องนี้มันก็ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไร แต่มันเกี่ยวกับการที่เลี้ยงดูว่าเราดูแลสั่งสอนเขาได้ดีแค่ไหน 

เมื่อถูกถามว่า ทั้ง 2 ครอบครัว เร่งหรือไม่กับการมีหลานๆ ให้ปู่ย่าตายายได้อุ้ม ซึ่งจุ๋ย ก็ตอบกับเราในท่าทีที่สบายๆ ว่า “สองครอบครัวน่ารัก ไม่เร่งเลย แม้ว่าจะอยากได้หลาน อยากเป็นปู่ย่าตายายจะแย่

ทั้ง 2 ครอบครัวสายชิลมาก ไม่กะเกณฑ์มีแต่คำอวยพรให้เราว่าขอให้ได้ในสิ่งที่อยากได้ ให้มาไวๆ แต่ไม่ได้เร่งหรือซีเรียสอะไร แต่ตอนนี้ขอให้ท้องแรกมาก่อน แล้วต่อไปจะยังไงต่อค่อยว่ากัน (ยิ้ม) แต่เอาจริงๆ จุ๋ยอยากมี 3 คน รู้สึกว่ากำลังดี”

ถ้าพยายามแล้วไม่ติด จะพึ่งวิธีวิทยาศาสตร์หรือ ซึ่ง จุ๋ย วรัทยา ก็ได้บอกกับเราว่า หากท้องไม่ได้ด้วยวิธีธรรมชาติ ก็พร้อมพึ่งวิทยาศาสตร์ว่า “ถ้าปล่อยธรรมชาติแล้วไม่ได้ จุ๋ยก็คงพึ่งวิธีวิทยาศาสตร์นะ ไม่ได้ปิดกั้นเลย โลกเราสมัยนี้ วิทยาการขนาดนี้เพื่อมาตอบสนองมนุษย์ที่มีลูกได้ยากขึ้น ถ้าสุดๆ ทางไม่มา วิทยาศาสตร์ก็ได้ (ยิ้ม)”

ซึ่งในระหว่างที่กำลังนั่งสัมภาษณ์จุ๋ยอย่างสนุก ออกรสออกชาติ สามีแสนน่ารักก็เปิดประตูมาเซย์ฮัลโหลภรรยา ซึ่งจุ๋ยบอกกับสามีว่า “กำลังคุยเรื่องจ้าอยู่เลย” และพุฒก็ตอบกลับทันทีว่า “ตอบดีๆ นะ” พร้อมกับส่งยิ้มสุดหวานให้กับภรรยา เราซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ ถึงกับเคลิ้มไปกับรอยยิ้มนั้น ประหนึ่งว่าเราคือจ้าของพุฒนั่นเอง 

จับมือกันผ่านดราม่าไม่คู่ควร

แต่กว่าจะมีครอบครัวที่หวานชื่นจนหลายคนอิจฉาและยกให้เป็นอีกคู่รักที่น่ารักและน่าเอาเป็นตัวอย่าง จุ๋ย วรัทยา และ พุฒ พุฒิชัย ก็ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมาก ทั้งข่าวฉาวสารพัด และคำสบประมาทที่ว่าทั้งคู่ไม่คู่ควรกัน เนื่องจากจุ๋ยมีอายุมากกว่าฝ่ายชาย แต่ทั้งคู่ก็จับมือกันแน่นจนถึงวันนี้ ซึ่งเราก็ได้ย้อนกลับไปถามเรื่องนี้กับจุ๋ยว่า ตอนที่เจอกลุ่มคนแอนตี้นั้น เคยท้อบ้างมั้ย ซึ่งจุ๋ยบอกกับเราว่า 

“ระยะเวลาที่คบและแต่งงานกันก็ประมาณ 5 ปี จากที่ตอนแรกๆ มีคนแอนตี้ จนตอนนี้คนเริ่มรักในคู่ของเรา ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ พอมองย้อนไป ก็รู้ว่ามันเป็นไปตามสัจธรรม ถ้าสมมติมีนักแสดงคนไหนดังในช่วงนั้น ก็จะมีข่าวดราม่าอะไรก็ไม่รู้มาให้เป็นเรื่องรำคาญจิตใจ จะถูกขุดชีวิตให้มาตอบปมดราม่า

และตอนนั้น ปมดราม่าของพุฒก็ไม่มีอะไร นอกจากจุ๋ย เพราะเขาดังมากในตอนนั้น สาวๆ เด็กๆ ชอบเขาหมด คาดหวังว่าเขาจะยังไม่มีแฟน และเหมือนเขามีแฟนเร็ว คนเลยไม่อยากให้มีแฟน และไม่อยากให้เป็นเรา อยากให้เป็นคนนั้นคนนี้ เป็นมโนภาพของแฟนละคร พอเรามองในภาพความเป็นจริง มันไม่มีอะไรเลวร้าย สิ่งที่เขาอิน สิ่งที่เขาชอบ เขาชอบในตัวละครพุฒ และบทบาทของพุฒในวันนั้น 

ส่วนจุ๋ยก็ผจญภัยในช่วงนั้นอยู่แป๊ปนึง แต่ก็คิดว่าเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็รักษาตัวของเราแบบนี้ตั้งแต่เข้าวงการ เพราะฉะนั้นดราม่านั้นก็อยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วมันก็หายไป มันไม่ได้อยู่นานเลย

และจุ๋ยไม่ทุกข์กับดราม่าที่เข้ามา และใช้ความรักของเราสองคน แสดงให้คนเห็นว่าเราเป็นแบบนี้ ไม่ได้คบเพื่อกระแส หรือเป็นภัยต่อกัน เราคบแล้วส่งเสริมกันในทางที่ดี ดราม่าก็ผ่านพ้นไปได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่ผ่านไปมันก็ดีนะ มีเรื่องราวให้พูดดี (ยิ้ม)” 

พุฒไม่หวั่นไหวกับกระแสดราม่า

เคยมีคำถามมั้ยว่า เราก็เป็นถึงระดับนางเอกเบอร์ต้นๆ ของวงการ แต่ทำไมต้องถูกแฟนๆ ของพุฒไม่ชอบและต่อต้านไม่ให้คบกัน ซึ่งเรื่องนี้ จุ๋ยบอกกับเราด้วยสีหน้าที่สบายๆ และนิ่งเรียบอีกครั้งว่า 

“ไม่มี เพราะตอนนั้นพุฒดังมากจริงๆ และจุ๋ยก็แก่กว่าพุฒ 3 ปี เขาอาจจะมองว่าพุฒน่าจะมีแฟนเด็กๆ หรือเปล่า เพราะว่าคนที่เป็นแฟนคลับเขาก็เป็นมัธยม มหา’ลัย คือเด็กมาก อายุเยอะๆ ไม่ค่อยเห็น

พุฒเพิ่งจะมาดังตอนที่เขาเริ่มมีอายุพอสมควรแล้ว คือเข้าวงการมานาน แต่ไม่ได้มาดังในบทบาทของพระเอก แต่กว่าเขาจะไต่เต้ามาได้เขาก็มีเรื่องราวในชีวิตเขามาก ซึ่งเราเห็นถึงความพยายามและสู้ชีวิตของพุฒ จุ๋ยก็ยอมรับมากๆ เลย พุฒเลยมีความสตรองข้างในประมาณหนึ่ง

พอมีปัญหาเรื่องนั้นในสมัยก่อน เขาก็ไม่ได้อ่อนไหวไปกับมันไง เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่คืออะไร และรู้ว่าจุ๋ยเป็นคนแบบไหน จุ๋ยโตมากับสภาพแวดล้อมและพ่อแม่แบบไหน จุ๋ยมีความคิดที่เราคุยกันในทุกวันแบบไหน แต่ละคนไม่ได้มานั่งฟังหรืออยู่กับเราตลอด เขาก็ไม่เห็น

เห็นแค่ในสิ่งที่เราลงในโลกโซเชียล หรือที่เราพูดผ่านสื่อ เห็นแค่นี้เอง แต่คนที่ได้อยู่ใกล้ชิดจะรู้ว่าเราเป็นแบบไหน พุฒเขาไม่ได้อ่อนไหวกับกระแสตอนนั้น และแฟนคลับของเราจริงๆ ก็ยังอยู่กับเรา คนที่รักเราจะอยู่กับเรานาน แต่คนที่ไม่รักจะหายไป ไม่มีแรงที่จะทำอะไร ไม่รู้จะทำไปทำไม ไม่มีประโยชน์ ก็เริ่มไปชอบคนอื่น ไปทำกับคนอื่น

หรืออีกแบบหนึ่งคือชีวิตเขาโตแล้ว คิดได้ ไม่มีเวลาแล้วที่จะไปทำเรื่องอะไรแบบนี้ ต้องไปทำมาหากิน ช่วงชีวิตของเขาก็คงจะสั่งสอนเขาไปเอง ประสบการณ์ชีวิตของเขา คนเหล่านี้ก็เลยหายไปไม่มีแล้ว หลังแต่งงานก็มีคอมเมนต์น่ารักๆ มาบอกว่าชอบคู่นี้ คู่นี้พอ ก็กลายเป็นว่าคนเริ่มเห็นตัวตนของเราจริงๆ มากขึ้น เป็นการพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นในความรักของเรา”

เราถามต่อทันทีว่า กระแสดราม่าที่ถาโถมในตอนนั้นรู้สึกมั้ยว่า คนเหล่านั้นเขาจะมาดราม่าอะไรกับชีวิตความรักของเราทั้งคู่บ้างหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จุ๋ยก็บอกให้เล่าฟังว่า 

“ไม่มีเลย เพราะเราก็หนักแน่นกับความรักของเราทั้งคู่ สิ่งที่เขาพูดมาบางทีแต่งเรื่อง ไม่ใช่เรื่องจริง บางเรื่องแก่กว่าไม่เหมาะสม ดำกว่า มันคือการบูลลี่ แต่จุ๋ยไม่ได้ดำมากมายขนาดนั้นนะ หรือแม้จะดำแต่ก็ภูมิใจในสีผิวของตัวเอง จุ๋ยเติบโตในวงการมาได้ก็ด้วยแบบนี้แหละ

ส่วนความแก่ เราโตมาแล้ว เกิดปี พ.ศ.นั้นแล้ว จุ๋ยก็ไม่รู้จะไปแก้อะไร ก็แก่กว่า 3 ปี อยู่ในเจนเดียวกัน และหลายๆ คน หลายๆ คู่ที่เขาห่างกันมากกว่านี้ก็มี นี่เราห่างกันแค่ 3 ปี 

อายุห่างกัน 3 ปีมันน้อยมากเลย อายุก็ไล่ๆ กันกับพุฒ นักแสดงบางท่านที่จุ๋ยร่วมงานก็เป็นน้องจุ๋ยนะ ก็ไม่ได้มีปัญหา มันเป็นสิ่งที่เราแก้ไขไม่ได้ พูดมาก็เป็นเรื่องที่จะไปแก้ตรงไหนให้ได้ล่ะ ถ้าติในทำนองนิสัยไม่ดี ค่อยมาปรับปรุงให้เขามารักเรา แต่นี่จุ๋ยไม่มีอะไรจะปรับปรุงให้เขาแล้วจริงๆ จุ๋ยแค่เป็นตัวของตัวเอง”

วางตัวดีแต่ถูกคนด่าเพราะความรัก

ซึ่งต้องยอมรับว่า จุ๋ย วรัทยา เป็นคนที่วางตัวดีในวงการบันเทิงมาตลอด แทบไม่มีข่าวฉาวหรือข่าวเสียหายเลย แต่เมื่อต้องมารักกับพระเอกหนุ่มสุดฮอตอย่าง พุฒ พุฒิชัย งานนี้นางเอกเบอร์ต้นๆ ของวงการเลยถูกดราม่าเล่นงานหนักหนา ซึ่งเรื่องนี้จุ๋ยบอกกับเราว่า

เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ เจอมากเจอน้อยก็แล้วแต่ เพราะในสังคมมีคนประเภทประหลาดๆ เยอะ เป็นโรคจิตเยอะ ฟังเรื่องราวจากน้องๆ ในวงการเจอกันเยอะมาก บางคนน่ากลัวมากกว่าสิ่งที่ตนเจอเยอะมาก

น้องๆ ที่อยู่ในวงการแล้วมีข่าว บางคนมาจากพฤติกรรมในอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขได้และทำไปแล้วจริงๆ แต่บางคนมาจากพฤติกรรมปัจจุบันแล้วคนไม่ถูกใจคน แต่มันคือชีวิตเขา เขารู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ เราก็ต้องเคารพในสิทธิ์ของเขา

ตนได้เห็นว่าสมัยนี้คนเป็นแบบนี้เยอะมาก บางคนก็ได้แต่สงสารว่าสิ่งที่เจอมันรุนแรงเกินไป บางคนเจอเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถ้าสตรองก็จะผ่านมันไปได้ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวงการและเห็นได้บ่อย ซึ่งตนเองไม่ได้ปลง แต่บางเรื่องมันก็เกินความพอดีเหมือนกัน 

จากนั้น จุ๋ย เล่าต่อว่า “การที่เราเป็นคนสาธารณะ อยู่ในที่สว่าง คนจะพูดถึงเราแบบไหนก็ได้ ก็มีความเห็นใจพี่น้องในวงการบันเทิงบางคนที่โดนอะไรแบบนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย น่าสงสารมากๆ

จริงๆ พวกเราก็คนนี่แหละ เราถูกกำหนดให้มาทำงานตรงนี้ ไม่ใช่ว่าเราจะอยู่อย่างสุขสบาย เบื้องหลังของการทำงาน แต่งตัวสวยงาม หน้าตาสวยหล่อ บางคนเขากว่าจะมาถึงวันนี้เขาพยายามกับมันมามาก บางคนอดหลับอดนอน ต้องพัฒนาตัวเอง 

ซึ่งพี่ๆ หลายคนในวงการได้เป็นตัวอย่างให้กับจุ๋ย ไม่ว่าจะเป็นพี่แอน ทองประสม พี่เขาก็คงเหนื่อยมากๆ กับการทำงานจนประสบความสำเร็จและมายืนตรงจุดนี้ จุ๋ยเคารพในการทำงานและการดำเนินชีวิตของเขา โดยที่คนติเตียนไม่ได้มานั่งคิดถึงเรื่องตรงนี้ คิดถึงแต่ภาพภายนอก ฉาบฉวย ดูแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ

เราอยู่ในที่สว่าง สิ่งที่เราทำคือต้องรับผิดชอบต่อสังคม เป็นตัวอย่างที่ดีในสิ่งที่เราทำได้ให้ดีที่สุด จุ๋ยแยกกับการถูกวิจารณ์โดยที่ไม่ทำอะไรเลย กับเอาตรงนี้มาเป็นจุดโจมตี เอามาวิจารณ์ แต่ถ้าเป็นนักแสดงที่ทำตัวไม่ดีต่อสังคม อันนี้ไม่ได้เห็นด้วยอยู่แล้ว

อยากให้คนที่ได้อ่านคำสัมภาษณ์ตรงนี้ คนที่เป็นนักเลงคีย์บอร์ดได้คิดบ้าง แม้เราจะห้ามความคิดเขาไม่ได้ ก็พยายามมองให้เห็นว่ามันคือธรรมชาติของโลก และมาจัดการที่ความรู้สึกของตัวเองว่าเรารู้สึกกับอะไร

รวมถึงหลายๆ คนหลากหลายอาชีพด้วยนะคะ ที่ถูกว่าจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าให้มองที่คุณค่าของตัวเอง มองที่ความสุข อะไรที่ไม่มีความสุขให้เดินออกมา อย่าไปจมกับความทุกข์ หรือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเราแย่หรือพัง

ถ้าเราเดินออกมาได้ ชีวิตเราก็จะสุข เพราะมันจะมีหนึ่งอย่างในชีวิตที่ทำแล้วมีความสุข จุ๋ยก้าวไปข้างหน้าตลอด ไปทำในสิ่งที่เรามีความสุข ไม่จมอยู่กับดราม่าที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตเรามีความสุขขึ้นมาเลย”

จบการสัมภาษณ์ของ จุ๋ย วรัทยา ภรรยาสุดที่รักของ พุฒ พุฒิชัย ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ความคิดของผู้หญิงคนนี้ก็ยังเป็นบวกและมีคำตอบที่น่าทึ่งอยู่บ่อยครั้ง

แม้วันนี้จุ๋ยจะก้าวผ่านดราม่ามาอย่างสบายๆ เพราะความมีสติและความเชื่อมั่นในตัวเอง และหลังจากนี้ เราก็ยังเอาใจช่วยให้ทั้งจุ๋ยและพุฒประสบความสำเร็จเรื่องเบบี๋ อยากจะเห็นลูกของ แม่จุ๋ย พ่อพุฒ ที่ต้องน่ารักน่าชังแน่ๆ แล้ว. 

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Supassara Taiyansuwan

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1949949
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1949949