ช็อกแฟนละคร! ใหม่ ภวัต เซ็นสัญญาช่องวัน เผยอาจไม่ได้กำกับ พรหมลิขิต


ให้คะแนน


แชร์

ช็อกแฟนละครบุพเพฯ ผู้กำกับดัง ใหม่ ภวัต โผเซ็นสัญญาช่องวัน ขึ้นแท่นผู้จัดฯ ครั้งแรก ประเดิมละคร พระจันทร์แดง เผยอาจไม่ได้กำกับ พรหมลิขิต ลั่นจบ พี่หน่อง ด้วยดี

ทำเอาตกใจปนสงสัยไม่น้อย เมื่อผู้กำกับมือดี ใหม่ ภวัต พนังคศิริ โดดมารับงานกำกับให้ละครเรื่อง พระจันทร์แดง ทางช่องวัน31 ทั้งที่ก่อนหน้านี้นั่งแท่นผู้กำกับละครลูกหม้อแห่งค่ายบรอดคาซท์ไทยฯ ทางช่อง 3 มาโดยตลอด แถมละคร พรหมลิขิต หรือ บุพเพสันนิวาส ภาค2 ใกล้มีคิวเปิดกล้องในเดือนพ.ย.นี้แล้ว

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

งานนี้ไม่ปล่อยให้สงสัยนาน “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ถือโอกาสสอบถามจากปากผู้กำกับคนดัง หลังมาร่วมพิธีบวงสรวงละคร “พระจันทร์แดง” ที่ ลานหน้าตึก จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส เมื่อวันก่อน(26ต.ค.63)

ละคร พรหมลิขิต ช่อง 3 จะเปิดกล้องเดือนพ.ย.นี้ แต่เรามากำกับเรื่อง พระจันทร์แดง ทางช่องวัน แล้วเรื่องนั้นจะยังไง?

“ตอนแรกคุยกันว่าจะทำเรื่องนี้และมาขอทางผู้ใหญ่ทั้ง 2 ที่ ซึ่งพี่บอย(ถกลเกียรติ)ก็อนุญาต และเข้าใจว่าคงต้องทำเรื่องพรหมลิขิต แต่พอถึงเวลาจริงๆ เวลาอาจไม่ลงตัว ทีนี้ก็อยู่ที่ทางผู้ใหญ่ตัดสินใจแล้ว อีกอย่างคืองานของที่นี่ก็ต้องเปิดแล้วด้วยก็อาจจะมีการชนอยู่ ตอนนี้คิดว่าเป็นเรื่องของเวลาที่ไม่ลงตัวมากกว่า”

พอเวลาชนกันวางแผนยังไง?

“ทางผู้ใหญ่ต้องช่วยตัดสินใจแล้วแหละ(หัวเราะ) ถามว่าได้มีการคุยหรือยัง มีการคุยบ้าง แต่อาจจะไม่ลงตัว”

แสดงว่าอาจจะไม่ได้กำกับพรหมลิขิต?

“ก็อาจจะ”

ตอนนี้เป็นผู้กำกับอิสระหรืออยู่กับช่องวันแล้ว?

“ตอนนี้เซ็นกับช่องวัน 5 ปีแล้ว ที่ตัดสินใจเซ็น ความจริงก็คุยกับพี่หน่อง(อรุโณชา)ก่อน ว่าเราอยากจะโตมากกว่านี้ พอดีได้มาคุยกับพี่ป้อน(นิพนธ์) ในตอนแรกพี่ป้อนพี่บอยก็โอเค เห็นดีด้วยกับการที่เราจะเปิดบริษัทเอง ซึ่งผมเป็นทั้งผู้จัดฯ และผู้กำกับด้วย ผมคิดว่าถึงเวลาที่เราจะต้องโต ต้องทำอะไรให้ตัวเองแล้ว”

ก่อนเข้าช่องวันมีโจทย์อื่นไหม?

“ไม่มีครับ ตั้งเป้าคุยกับพี่ป้อนเลย แต่เราก็คุยกับพี่หน่องก่อน เพราะพี่หน่องก็เสียใจ แต่ก็บอกพี่หน่องว่าอยากทำอยู่ อ่านบทแล้วสนุกมาก เราก็เลยขอคุยกับผู้ใหญ่ทางนี้ พี่บอยอนุญาตก็บอกว่าให้เปิดกล้องและเคลียร์เรื่องพระจันทร์แดงไปก่อนนะ แต่ทางโน้นเขาต้องรีบเปิดกล้อง เพราะด้วยคิวของนักแสดงที่โคกันไว้นานมากแล้ว ถ้าจะรีบเปิดก็จะไม่ลงตัวแล้วคราวนี้”

เรื่องนี้ถ่ายวันไหนบ้าง?

“จันทร์-พุธ ส่วนพรมลิขิตตอนแรกคุยไว้ว่า พฤหัสบดี-อาทิตย์ แต่คือมันต้องทำเร็วถ้าเกิดว่าต้องทำเลย คือตามแผนของที่ทางโน้นวางไว้คือทำเลยซึ่งในขณะที่ทางนี้ก็กลัว ในขณะที่เปิดทางนี้ด้วย ซึ่งตัวเราเองก็กลัวอยากจะคอนเซนเทรตไปให้ได้สักครึ่งก่อน”

แสดงว่าอยากทุ่มเทกับเรื่องแรกมากกว่า?

“สักครึ่งหนึ่งหรือว่าสัก 70 เปอร์เซ็นต์ไปแล้วแล้วค่อยทำ ซึ่งเขาก็เห็นด้วยว่าไปได้สัก 70-80% ค่อยทำดีมั้ย”

ณ วันนี้มันเป็นอย่างที่เราคิดไหม หรือภาพมันยังไม่ชัด?

“ภาพมันยังไม่ชัดครับ โอกาสที่จะเป็นไปอย่างที่คิดมันเป็นไปได้ยากเหมือนกัน อย่างที่บอกว่าของทางโน้นคิวต่างๆ ของนักแสดงที่โฮลด์กันไว้นานมากแล้ว แล้วน้องๆ ก็รอกันอยู่ ซึ่งก็ไม่อยากให้เสียคิวไป ทางพี่หน่องก็ไม่อยากให้เสียคิวไป เพราะได้ดีลด้วยอะไรไว้หลายอย่างแล้ว ทีนี้จะเปิดหรือไม่เปิดผู้ใหญ่ทางโน้นจะแจ้งอีกทีหนึ่ง ผมยังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ความคืบหน้ายังไม่มีอะไร”

ยังไม่ 100% ว่าเราอาจจะไม่ได้ทำเรื่องนั้นแล้วกับพี่หน่อง?

“ใช่ ยังไม่ออกจากปากพี่หน่อง แต่เราก็บอกปัญหาไปแล้วว่าปัญหาเป็นอย่างนี้ พี่หน่องก็ถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง

ส่วนตัวรู้สึกว่าเปอร์เซ็นต์ไปกำกับเป็นไปได้น้อยใช่ไหม เพราะเวลามันจะต้องชนกันแน่นนอน?

“ใช่”

ด้วยความที่พระนางคู่นั้นจะต้องไปถ่ายหนังปีหน้าควบด้วย เลยทำให้เวลาและคิวต่างๆ ยาก?

“ใช่ ชนกันจะไม่ลงตัว”

เราเองก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะไม่ได้ทำเรื่องนั้น?

“ใช่”

เสียดายไหม?

“เสียดาย เพราะเราก็ได้อ่านบทได้อะไรไปแล้ว ได้ไปคุยกับป้าแดงเขียนบทแล้ว บทก็สนุก เราก็รู้สึกว่าแนวทางการเล่าของป้าแดงสนุก ตอนนั้นเราอยากทำ ตอนนั้นเราก็มาคุยกับพี่บอยตรงๆ พี่บอยก็สปอร์ตมาก ใจดีมาก เปิดโอกาสให้เราทำ”

ถ้าในมุมของเรามองว่าเราไม่ได้กำกับมันจะประสบความสำเร็จไหม เพราะคนอาจจะมองในแง่นั้นบ้าง?

“จริงๆ ละครมันประสบความสำเร็จได้ไม่ได้เกิดจากผมคนเดียว มีองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นโป๊ป เบลล่า หรือนักแสดงท่านอื่นๆ หรือแม้กระทั่งตัวบทเอง ตัวเรื่องเองที่เขาดังอยู่แล้ว เกิดจากหลายองค์ประกอบ จะดีกว่าหรือดีกว่าเดิมก็ได้”

ตอนนั้นใช้เวลากี่เดือน?

“ปีกว่า”

ที่ว่าเตรียมไว้ 8 เดือนคือคร่าวๆ?

“ซึ่งเรามองอนาคตแล้วถ้า 8 เดือน มันคือระยะ เวลาขนาดนั้นกับงานที่เราต้องรับผิดชอบตรงนี้ด้วย เลยจะค่อนข้างยาก”

ตอนออกมาจากพี่หน่องคือจบกันด้วยดีไหม?

จบกันด้วยดีครับ เข้าใจพี่หน่อง แล้วพี่หน่องก็เข้าใจ แล้วผมก็รู้ว่าพี่หน่องก็มีเสียใจแหละ แต่ก็บอกเหตุผลไปว่าพี่หน่องครับมันถึงเวลา ป่านนี้แล้วผมอยากจะทำอะไรให้ตัวเอง สร้างอะไรให้กับตัวเอง โตขึ้นมากกว่าเดิม บางทีเราก็จะได้รู้จักข้างนอกเยอะขึ้น อะไรเยอะขึ้น เพราะที่ผ่านมาก็ทำกับพี่หน่องตลอด ไม่ไปไหนเลย นอกจากอันนี้”

แต่พรหมลิขิตก็เป็นเหมือนงานค้างของเรา ที่จริงๆ เราอาจจะต้องสานต่อ?

“ใช่ มันก็เป็นอย่างนั้น”

แบบนี้เป็นเรื่องติดใจตลอดชีวิตเลยไหมว่าเราปั้นมา เราต้องจบให้ได้ ถ้าเกิดเราไม่ได้ทำจนมันจบสุดท้ายอาจจะคาใจอยู่?

“มันก็คงมีบ้าง แต่ ณ ถึงจุดหนึ่งคือคิดว่าทางผู้ใหญ่ก็คงจัดสรรอย่างลงตัวแล้ว ผมว่าภาคสองก็คงสนุกแหละ ด้วยบท ด้วยเรื่อง ด้วยอะไรสนุก”

จำนวนตอนมันเยอะกว่าบุพเพสันนิวาสไหม?

“น่าจะพอๆ กัน”

แสดงว่าพี่หน่องก็ต้องเตรียมหาผู้กำกับใหม่ เพราะพูดเหมือนพี่หน่องต้องทำใจเพราะเราบอกโจทย์บอกอะไรของเราไปหมดแล้ว?

“ใช่”

ได้บอกพี่หน่องไปตรงๆ หรือยังว่าอาจจะต้องหาผู้กำกับสำรองนะ?

“เราไม่ได้พูดขนาดนี้หรอก”

แต่คิดว่าทางเขาก็คงหาไว้แล้วไหม?

“ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ผมคิดว่าเขาจะมารอเราให้เสร็จจากงานนี้เหมือนอย่างแผนที่วางไว้คงไม่ได้ เพราะว่าหลาย ๆ อย่างก็จะดูเห็นแก่ตัวเกินไป”

แสดงว่าเราไม่สามารถกำกับสองอย่างในเวลาเดียวกันได้ เราต้องเริ่มต้นก้าวใหม่ในชีวิตเรา?

“มันเป็นจุดเริ่มต้นเพราะฉะนั้นผมอยากทำให้ดี ใส่ให้เต็มที่ในแต่ละอย่าง เอาไว้ที่เรามีพละกำลังมากกว่านี้(หัวเราะ) อันนี้มันก็ไหวแหละ แต่ว่า เวลาทำอยากจะคอนเซนเทรตกับมันหน่อย”

อยากให้ก้าวแรกดีที่สุด?

“ใช่ จริงๆ เรื่องการทำสองงานซ้อนกันมันก็ทำได้อยู่ เหมือนอย่างที่เราทำละครแล้วเราก็ขอไปทำหนังอยู่เสมอ อันนี้ก็ทำอยู่ตลอด”

แต่ครั้งนี้ด้วยความที่เราเป็นผู้จัดฯ เองด้วยไหมมันต้องโฟกัสหลายอย่าง?

“ใช่ ส่วนหนึ่งครับที่เราจะต้องดูแลมันเยอะขึ้น”

ทำให้หนักใจขึ้นไหมเพราะจากเมื่อก่อนเป็นผู้กำกับ แต่ตอนนี้เป็นหัวโขนคือเป็นผู้จัดฯ ด้วย ต้องคิดมากขึ้นกว่าเดิมขนาดไหนในบทบาทใหม่?

“พยายามไม่คิดมากขึ้น(หัวเราะ) ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการปิดกั้นไอเดีย หรือว่าอะไรของตัวเองอย่างที่เขาคิดว่ากัน แต่ว่าเราต้องรู้จักทำงาน และเข้าใจกับมัน ที่ผ่านมาเราเป็นแต่ผู้กำกับ เรารู้จักแต่การใช้เงิน เรารู้ว่าบางอย่างเราก็ใช้ พี่หน่องลงทุนกับเราเยอะเหลือเกิน ถ่ายบางครั้งก็ใช้คิวเยอะ บางครั้งก็ใช้ของเยอะ บางทีก็ใช้เงินเยอะ ฉะนั้นหลังจากที่เราต้องมาทำเองเราต้องรู้จักตรงนี้ ใช้ให้เป็น ซึ่งมันก็สอนเราด้วยมันก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งที่เราจะต้องทำ”

ในมุมของการเป็นผู้จัดฯ เราอยากจะทำอะไรอยากทำละครแบบไหน?

“จริงๆ ก็ยังชอบละครพีเรียดกับละครผีลึกลับ เหมือนอย่างพระจันทร์แดง ใช่ โดน กับละครพีเรียด ที่เรายังรู้สึกว่าเราชอบละครพีเรียด แต่ว่าทั้งหมดทั้งมวลมันต้องดูโรแมนติก แนวโรแมนติกที่อยากจะทำออกมาเหมือนฝันนิดหนึ่ง ฟีลลิ่งแบบบุพเพสันนิวาส อยากให้มันเป็นโรแมนติก อย่างของเดิมพระจันทร์แดงเป็นแนวลึกลับสยองขวัญ เพราะฉะนั้นเวอร์ชั่นนี้ก็จะเป็นเวอร์ชั่นลึกลับแฟนตาซี แต่โรแมนติก มีเรื่องของอนุรักษ์ป่าไม้ มีเรื่องของอนุรักษ์สัตว์ป่าเป็นแกนหลัก

ปีหนึ่งต้องทำกี่เรื่องสำหรับเรา ในการเป็นผู้จัดฯ?

“สำหรับที่ช่องวัน 2 เรื่อง”

เรื่องที่สองมีหรือยัง?

“เรื่องที่สองกำลังเตรียมๆ อยู่ คราวนี้พี่บอยกับพี่ป้อนก็พูดเสมอว่ามีเรื่องอะไรอยากจะทำก็มาบอก เพราะฉะนั้นก็มีการเตรียมๆ ไว้บ้างว่าอยากจะทำอะไร มีเรื่องที่สองเดี๋ยวอาจจะต้องเดินเข้าไปบอก”

พอมาอยู่ที่นี่ในส่วนของตัวนักแสดง ตัวพระนางมีส่วนตัดสินใจขนาดไหน เพราะอาจจะมีข้อจำกัดเยอะ ไม่ได้หลากหลายเหมือนที่เคยผ่านมา?

“ไม่นะครับ เท่าที่คุยกันมาก็มีบ้างแหละ คือเลือกใช้จากข้างในก่อน แล้วค่อยๆ ดึงหรือว่าอะไรจากข้างนอก ดูจากข้างนอก เพราะฉะนั้นมันก็เหมือนกัน ผมว่าก็เหมือนกับทำกับที่โน่น ไม่ได้ต่างกัน”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5195479
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5195479