ชีวิตไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เด่นคุณ เก็บคำด่ามาเป็นแรงผลักดันให้ชีวิต


ให้คะแนน


แชร์

พอไปฟัง มันก็จริงอย่างที่เขาพูดกัน ตอนพูดในละครเสียงขึ้นนาสิกก็เยอะ และการพูดบางทีติดสำเนียงอีสานมา อาจจะเกี่ยวข้องกับที่ผมพูดภาษาอีสานด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้รับคำชมมาบ้างว่าทำได้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ และผมก็จะทำให้มันดีขึ้นให้ดีกว่านี้ครับ” ก่อนจะสาธิตการพูดที่เจ้าตัวไปฝึกมาเพื่อให้สำเนียง และน้ำเสียงฟังดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย 

ซึ่งในระหว่างการสัมภาษณ์ เด่นคุณ ก็แอบขอเราจัดการกับเฝือกที่เท้าของตัวเองสักหน่อย พร้อมกับโชว์ให้เราดูว่า ตอนนี้เท้าหายบวมลงไปเยอะแล้ว ก่อนจะเล่าความเจ็บในวันแรกที่เอ็นข้อเท้าขาดให้เราฟังว่า เจ็บจนต้องกัดปากตัวเอง นิ้วเท้าบวมจนมองไม่เห็นนิ้วเลยทีเดียว อวดบาดแผลของนักรบเสร็จ ก็เริ่มสัมภาษณ์กันต่อ 

คำด่าคือแรงผลักดัน

แม้ 6 ปี บนเส้นทางสายบันเทิงของเด่นคุณดูชีวิตสะบักสะบอมไม่น้อย กว่าจะมาเป็นพระเอกละครหลังข่าวอีกคนของช่อง 3 ได้ ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องผ่านการถูกคนด่ามามากมาย ซึ่ง เด่นคุณ ก็เล่าให้ฟังว่า

“ชีวิตของผม ผมเรียนรู้จากคำด่า ไม่ใช่จากคำชม ได้รับการติติงเรื่องการแสดงมาเยอะ ผมปรับปรุงและแก้ไขเพื่อให้ทุกคนเห็นถึงความพยายามและความตั้งใจของผม (หัวเราะ) เจอแต่คำด่าล้วนๆ เลยนะ บางคนก็ด่าด้วยอารมณ์ บางคนเขาไม่ชอบเรา น่าจะเป็นจากข่าวที่ผมพลั้งปากไปแซว ปอย ตรีชฎา เมื่อตอนที่ผมยังเด็ก

ตอนนั้นมันเป็นอารมณ์เด็กกะโหลกกะลา ไม่มีวุฒิภาวะ ชอบพี่เขาและก็ไปเม้นต์กัดเพื่อน ผมชอบพี่เขามาก ก็เลยไปหยอกเพื่อนและพูดคำหยาบคายไป จากเหตุการณ์ทำให้ผมได้ประสบการณ์มาเยอะ หลังจากนั้นผมก็เรียกเพศที่ 3 เป็นผู้หญิงอย่างเดียวเลย

ก็ยอมรับว่าต้องระวังมากขึ้น ถึงเขาจะมาในรูปแบบไม่ดี แต่มันเป็นปม ผมก็จะให้เกียรติตลอด ต่อให้เขาเป็นคนยังไง เราจะพูดไม่ดีกับเขาไม่ได้ เพราะว่าเราพลั้งพลาดกับเขามาแล้ว หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้น ทุกวันนี้ก็ยังมีคนเข้ามาว่ากันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน เราผิดพลาดเอง ไปว่าเขาก็ไม่ได้”

เงินไม่สำคัญเท่าชีวิต

ใครจะไปคิดว่า เด่นคุณ งามเนตร ที่เข้าวงการมาไม่กี่ปี มีละครไม่กี่เรื่อง จะมีความคิดที่เปลี่ยนไปจากการทำงาน เพราะบางคนอยากจะมีงานละครเยอะๆ เพื่อหาเงินให้ได้เยอะๆ แต่สำหรับเด่นคุณนั้น มีมุมมองที่เปลี่ยนและบอกว่าเงินไม่ได้สำคัญเท่ากับชีวิต

“ผมอยากรับงานแสดงปีละเรื่อง จุดโฟกัสมันเปลี่ยนไป เมื่อก่อนตอนเข้าวงการแรกๆ อยากจะรับงานละครเยอะๆ แต่พอถึงจุดหนึ่ง ก็คิดว่าจะต้องเล่นละครให้ดีที่สุด ให้เวลากับตัวเองด้วย เพราะสุดท้ายเงินก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับชีวิต

พอเริ่มทำงานเยอะๆ เข้าก็จะเห็นว่าจุดโฟกัสของเราผิดเพี้ยนไป จุดโฟกัสมันไม่ใช่ เรามาทำงานเราเอาคุณภาพดีกว่า แต่ก็มีปีละ 2 เรื่องบ้าง บางทีทำงานเยอะๆ เราสับสนตัวละครด้วย เปลี่ยนทำงานทีละเรื่องดีกว่าจะต้องโด่งดัง มีเงินทอง แม้ก่อนหน้านี้ผมจะเคยคิดว่าอยากจะมีชื่อเสียงเงินทอง หลับหูหลับตาวิ่งหาเงินทอง มันไม่มีสติในการทำงาน

แต่ถ้าเราค่อยๆ โฟกัสทีละอย่าง เต็มที่กับมัน ผมไม่ได้มองผลตอบรับเป็นชื่อเสียงเงินทองแล้ว ผมมองว่า วันนึง ละครเรื่องนี้มันยังอยู่ พอเปิดดูแล้วไม่รู้สึกอายตัวเองเหมือนละครเก่าๆ ที่เคยเล่นเอาไว้ อายในคุณภาพการทำงานของตัวเอง

เล่นหนังเรื่องแรกตอนอายุ 16 ปี แล้วก็กลับไปเรียน มาเล่นละครอีกทีตอนอายุ 18 ปี ตอนนี้ผมอายุ 26 ปีแล้ว ผมทำงานมานานแล้ว ผมก็ใช้เวลานานเหมือนกัน ในความรู้สึกของคนอื่นที่เขามองผมว่า ผมห่วย เขาก็เลยไม่จำ แต่คนจะมาจำตอนที่ผลงานเราดีขึ้น

ผมก็หวังว่าผมจะเล่นละครให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่เลือกบท บททุกบทสำคัญหมด ทุกตัวละครสำคัญหมด โฟกัสกับการทำงานมากกว่า เพื่อให้ได้ผลงานดีๆ แม้จะต้องเล่นตัวรองๆ แต่ก็อยากเล่นให้ดีที่สุดเพื่อให้ผลงานของเราเป็นที่น่าจดจำ เพราะตอนนี้คนที่ดูละครเขาไม่ได้มานั่งดูแค่ความสวยหล่อแล้ว เขาดูความเป็นธรรมชาติในการแสดง”

เจอแต่คนร้ายๆ

การกลับมาคุยกันครั้งนี้ เราสัมผัสได้ว่า เด่นคุณ นั้นโตขึ้นเยอะมาก ดูซีเรียสกับชีวิตมากขึ้นซึ่งเจ้าตัวบอกกับเราว่าสิ่งที่ทำให้ตนเองเปลี่ยนไปนั้นเป็นเพราะอะไร

“ก็อย่างที่บอก ผมโดนคนด่าเยอะ เจอแบบต่อหน้าพูดดี ลับหลังพูดอีกอย่างก็เยอะ ผมก็พยายามเซฟตัวเอง ผมเคยคิดว่าผมโตขึ้น ถ้าวันนึงมีลูก มีครอบครัว แล้วมีคนมาด่าผม ผมไม่อยากให้ลูกมาเห็นเดี๋ยวเขาจะไม่เคารพผม คนก็ด่าพ่อเราได้ ลูกก็ด่าเราได้ (หัวเราะ) ผมไม่ชอบให้คนมาด่าหรอก เพราะสิ่งที่เราเจอคนมาว่าเราได้มากกว่าสิ่งที่เราเป็นอีก”

เพราะสิ่งต่างๆ ที่ เด่นคุณ เจอมาตลอดในช่วงชีวิตที่ผ่านมา จึงทำให้พระเอกหนุ่มสร้างกำแพงขึ้นมาป้องกันตัวเองจากคนรอบข้าง ไว้ใจคนรอบข้างให้น้อยลงว่า 

“ผมเป็นคนเล่นสนุก โดยที่ไม่ระวังตัว พอเราโตขึ้น นิสัยเป็นคนขี้เล่นก็ต้องเปลี่ยนไป ต้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่คุยกับใครเยอะเหมือนเมื่อก่อน อยู่บ้านไม่ค่อยเจอคน ไว้ใจคนน้อยลง เพราะเมื่อก่อนผมไว้ใจคน สนุกเฮฮา แต่สุดท้ายมันก็เป็นอีกแบบ

ผมจะอยู่แต่บ้าน ไม่ออกไปไหนคนไม่น่าไว้ใจ นอนหายใจอยู่บ้านไม่ไปรบกวนใคร (หัวเราะ) พยายามมองคนในแง่ดี แต่สุดท้ายเขาก็ร้ายกลับมาทุกครั้งเลย ตั้งแต่เข้ากรุงเทพฯใหม่ๆ แล้ว ขึ้นแท็กซี่เป็นคนอีสานก็พยายามคุยกับเขา เขาก็พาอ้อม (หัวเราะ) ผมโดนบ่อยมาก”

บทเรียนชีวิต

เพราะชีวิตดูเจอแต่ประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่มาอย่างโชกโชน งานนี้ เด่นคุณ เลยบอกกับเราว่า การทำงานในวงการบันเทิงนี้ได้ให้บทเรียนกับตัวเองหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของการพูด 

“เพราะผมเป็นคนพูดที่ตรงแบบจริงใจมาก จนบางคนไม่รู้ความหมายของมัน แก้ปัญหาด้วยการไม่พูดกับใครดีกว่า คนจะมองว่าเข้าถึงยากก็ช่างเขา แต่ผมรู้สึกสบายใจกว่า

ดีกว่าจะไปพูดแล้วเกิดปัญหาตามมา มันเกิดขึ้นบ่อย จนผมรู้สึกเจ็บ บางคนก็มองว่าผมเริ่มติสต์ แต่ผมไม่ได้ติสต์ แต่มันทำให้ผมเจ็บหลายครั้ง ผมแค่เอนเตอร์เทนคนให้มีความสุขแต่เขาเอาเราไปเล่นตลกมันเกิดขึ้นหลายครั้งจนรู้สึกมันเจ็บ”

เราเลยยิงคำถาม ถามต่อว่า แล้วเมื่อตอนงานจับสลากฟุตบอลของช่อง 3 ที่ถูกเพื่อนๆ พี่ๆ ในช่องแซว เด่นคุณ โกรธหรือไม่ เพราะในทุกปี เด่นคุณ จะโดนพี่ๆ เพื่อนๆ แซวอยู่เสมอๆ ซึ่งเจ้าตัวได้บอกกับเราว่า 

“แรกๆ ไม่โกรธไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้ก็ไม่ได้โกรธนะ แต่ตอนนี้คิดแค่ว่า ถ้าวันนึงเราโต แล้วลูกมานั่งดูคนเล่นหัวเราจะรู้สึกยังไง เขาจะเคารพเรามั้ยผมต้องคิดถึงอนาคตด้วย

มันอาจจะเป็นมุมน่ารัก ก็แก้ปัญหาด้วยการยังเป็นคนน่ารักเหมือนเดิม เอนเตอร์เทนเหมือนเดิมแต่ว่าจะมีขอบเขตและลิมิต ยังเล่นได้สนุกกันไป แต่ถ้ามันเริ่มลาม ผมก็จะไม่พูดดีกว่า”

ไม่ดังแต่หล่อ 

บอกตามตรงว่า เราไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบนี้จากปากของนักแสดงหนุ่ม เมื่อเราถามตรงๆ ว่า ตลอดเวลาที่ทำงานในวงการบันเทิง เป็นพระเอกละครของช่อง 3 เคยเหลิงในชื่อเสียงเงินทองที่เข้ามาบ้างหรือไม่ ซึ่งเด่นคุณถามกลับมาด้วยท่าทีในแบบฉบับของตัวเองว่า

“ผมเคยดังด้วยเหรอ ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองดังเลยสักครั้งเดียว แต่เรื่องหล่อผมรู้ตัว (ยิ้ม) ไปไหนสาวๆ ก็มอง หรือว่าเราหล่อจริงๆ นะ (ยิ้ม) แต่เรื่องความดังผมไม่คิดเลยว่าดัง มีคนติดตามผมในอินสตาแกรมแค่ 3.8 แสนแปด แต่คนอื่นเป็นล้าน ผมไม่ได้ดังขนาดนั้น แค่เป็นคนมีชื่อเสียงคนนึง แต่ไม่ได้โด่งดังครับ”

รักต่างวัย

คุยเรื่องชีวิตส่วนตัวมาเยอะแล้ว เราก็ต้องคุยเรื่องหัวใจกันบ้าง จากที่รู้ๆ กัน เด่นคุณ นั้นได้ตกลงคบหากับนักร้อง นักแสดงรุ่นพี่อย่าง แกรนด์ เดอะสตาร์ หรือ แกรนด์ กรณ์ภัสสร ด้วยเศียรเกล้า น้องสาวสุดที่รักของ เกรซ กาญจน์เกล้า แม้ทั้งคู่จะมีอายุห่างกันเบาๆ 4 ปี แต่ความรักของทั้งคู่ก็ดูไม่มีปัญหา ราบรื่นและน่ารักมาตลอด ซึ่งเด่นคุณตอบเรื่องนี้ด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า

“ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะว่าผมกับเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการ นานๆ เจอกันที คนที่งอนน่าจะเป็นผมด้วย ไม่ใช่เขา เพราะว่าเขางานเยอะ ก็ให้เวลาซึ่งกันและกัน ไม่ไปรังควานกัน ไม่ไปยุ่ง ต่างคนต่างทำงาน พอมีอะไรผิดพลาดก็มาแนะนำกัน แต่ผมคุยกันทุกวัน

ความดีความน่ารักของกันและกันที่ทำให้เราคุยกันมาจนถึงทุกวันนี้ เวลาอยู่ด้วยกันถามว่าใครอ้อนกว่ากัน ก็แล้วแต่ฟิว ถ้าวันไหนผมอารมณ์ดีผมก็จะอ้อน แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็จะนิ่งๆ นอนๆ แต่แกรนด์เขาอ้อนบ่อย และชอบทำงอนด้วย (ยิ้ม)”

เอาชนะใจพี่สาว เกรซ กาญจน์เกล้า อย่างไร เพราะเกรซดูเอ็นดูเรามาก งานนี้เด่นคุณไม่รอช้า รีบตอบแบบไม่อายเลยว่า “พี่เกรซเอ็นดูผม เพราะผมน่ารัก (ยิ้ม) ไม่ได้เข้าทางผู้ใหญ่ยังไงเลย แต่ว่าแกรนด์เขาเป็นคนอ๊องๆ โดนหลอกง่าย แต่ผมไม่ได้จะไปหลอกเขาไง ที่บ้านแกรนด์ก็เลยโอเค

และที่บ้านแกรนด์น่ารัก ดูเป็นครอบครัวอบอุ่น ผมมีได้เจอได้คุยกันบ้าง ครอบครัวเขามีกิจกรรมทำบ่อย แตกต่างจากครอบครัวผม ครอบครัวผมคือพ่อแม่ยิ่งใหญ่ และลูกก็คือลูก แต่บ้านแกรนด์เป็นแบบเหมือนเพื่อนกัน เขาจะเรียกพ่อว่า โอปป้า เรียกแม่ว่า อาจุมม่า เป็นฟิวที่ผมไม่ได้เคยและได้สัมผัสมาก่อน ตอนนี้ก็คบกันมา 3 ปีกว่าแล้ว

ส่วนอนาคตจะเป็นยังไง ก็ยังตอบไม่ได้ ผมไม่อยากมองไกล อยากมองแค่ตอนนี้ วันนี้ เพราะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ก็เอาวันนี้ วันนี้จะแต่งได้มั้ย โทรไปหา แต่งงานกันมั้ย ก็น่าจะบ้า (หัวเราะ)”

พระเอกชอบโชว์

นอกจากมีหน้าตาที่ดูหล่อแล้ว หุ่นล้ำๆ กล้ามเป็นมัดๆ ของ เด่นคุณ งามเนตร ก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายของพระเอกหนุ่ม เล่นละครเรื่องไหน เป็นต้องได้โชว์กล้ามแน่นๆ ทำให้สาวแท้สาวเทียมใจละลายอ่อนระทวย แต่ก็มีคนมองว่า เจ้าตัวนั้นเป็นคนชอบโชว์ เจอเข้าแบบนี้ เด่นคุณเลยต้องรีบบอกกับเราว่า 

“ผมไม่ได้ชอบโชว์ แต่ผมชอบออกกำลังกาย ที่โชว์เพราะอยากให้เห็นว่าผมออกกำลังกาย ไม่ได้อ่อยสาว แต่ก็ยังถูกเม้าท์ว่าไปฉีดสเตียรอยด์ ไปกินยาเพิ่มกล้าม บอกว่ากล้ามปลอม เอาเข็มไปจิ้มเดี๋ยวก็รั่ว โอ๊ย ผมออกกำลังกายมาตั้งแต่อายุน้อยๆ แล้ว คนก็ชอบว่าผม แต่ผมไม่สนใจหรอก เพราะรู้ว่าตัวเองทำอะไร” 

โชว์หุ่นแมนๆ บ่อยๆ ออกสื่อแบบนี้ เคยโดนคุกคามทางเพศเหมือนดาราคนอื่นๆ หรือไม่ ซึ่งเด่นคุณตอบเราด้วยท่าทีที่ซีเรียสขึ้นมาทันทีว่าดาราเจอเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องปกติมาก 

“มีหรือไม่มีผมก็ไม่ได้เอามาบอกใคร มองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโต ผมก็เจอ แต่มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ถ้าเราปล่อยผ่านก็คือจบ ผมไม่ค่อยเข้าไปดูไดเร็กแมสเสจ เขาแค่คุกคามทางสื่อไม่ได้มาใกล้ตัว

แกรนด์ก็เจอ แต่เขาไม่ได้มาทำอะไรเรานะ ดาราเจอแบบนี้เป็นเรื่องปกติ คนเกินครึ่งของโลกคิดเรื่องแบบนี้ แต่เรามีวัฒนธรรม เราจะไม่ไปพูดเรื่องนี้กับคนทั่วไป มันแสดงว่าเราเป็นคนมีวัฒนธรรม แต่คนอื่นที่เขาจะพูดก็เป็นเรื่องของเขา

คนที่ส่งข้อความเข้ามาก็มีทั้งคนไทยและต่างชาติ และต่างชาติเขาไม่อายที่จะแสดงความคิดเห็นเรื่องแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้ไปตอบโต้อะไร แต่ถ้าไปตามงานแล้วจะเข้ามาถึงเนื้อถึงตัว ผมห้ามนะ ผมตีมือเลย เคยเจอนะ แบบเนียนๆ มาแอบจับ ก็บอกว่าอย่ามาทำอีก มันไม่ถูกต้อง” ฟังแบบนี้ เรารีบเก็บมือทันที กลัวจะเผลอไปจับกล้ามแขนมัดๆ ของเจ้าตัวเข้าแล้วจะถูกตีมือ อ่ะ อันนี้เราพูดเล่นนะ  

คุยกันมาเรื่อย ได้รู้เรื่องราวและตัวตนที่โตขึ้นของเด่นคุณเยอะมาก แต่ก่อนจะจาก เราจะไม่ให้ฝากงานละครเรื่องล่าสุดของเจ้าตัวก็ดูจะใจร้ายกับพระเอกกล้ามโตของเราไปหน่อย ว่าแล้ว เราก็ชงให้เด่นคุณขายของซะหน่อย กับละครเรื่อง สัญญารัก สัญญาณลวง ละครแนวแฟนตาซี ที่เราได้ยินมาว่า เด่นคุณตั้งใจ ทุ่มเท และเต็มที่กับการแสดงเรื่องนี้ไม่น้อยว่า 

“สำหรับละครเรื่องสัญญารัก สัญญาณลวง เป็นเรื่องของชาติภพที่เราเคยไปก่อเรื่องไว้ ทำให้ต้องมาแก้ไขในชาติภพนี้ สำหรับเรื่องนี้มันยากตรงต้องเล่นกับความเชื่อในซีจี ความเชื่อในพิธีกรรมต่างๆ ความเชื่อของตัวละคร ต้องเล่นแบบเชื่อในความสับสน ในเรื่องนี้โดนดุเยอะเหมือนกัน เพราะผมยังไม่ได้ไปเรียนแอ็กติ้งเพิ่ม กว่าจะตบได้เข้าที่ก็นานเหมือนกัน

และการได้เล่นกับพี่ฝนสุดยอดมาก เล่นง่ายเลย พี่เขาเก่ง เขาส่งอารมณ์มาให้เลยเล่นง่าย สบาย (ยิ้ม) แต่กับน้ำหวาน เล่นยากหน่อย ไม่ได้หมายความว่าเล่นไม่เก่งนะแต่บทเขาจะน่ารักสดใส แต่เราต้องเล่นขรึมๆ มันเลยยาก

ส่วนเรื่องการเล่นกับซีจี สำหรับผม เรื่องนี้ก็ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป ผมพยายามจินตนาการว่ามันมาแล้ว มีสติจดจ่ออยู่กับมัน คุมสติไม่ให้กระเจิงเหมือนตอนที่เรานั่งสมาธิ และละครเรื่องนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมตั้งใจและเต็มที่กับการแสดง ยังไงผมก็ฝากผลงานละครเรื่องนี้ของผมด้วยนะครับ ติชมเพื่อให้ผมได้เอามาพัฒนาในการทำงานได้เต็มที่เลย เพื่อแฟนๆ ผมพร้อมพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นครับ”

จบเฉียบ เนี้ยบคม ไม่แพ้หน้าตาเลยนะพ่อคุณ เอาเป็นว่า เรากล้าพูดได้เต็มปากว่า เด่นคุณ งามเนตร ได้เปลี่ยนไปไม่น้อย โตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น และที่สำคัญ เอาใจใส่กับการทำงานอย่างสุดๆ เราก็หวังว่าจะได้เห็นเด่นคุณได้มีโอกาสทำตามความฝัน และความต้องการของตัวเองในเรื่องของงานแสดงที่เจ้าตัวอยากจะพิสูจน์ฝีมือของตัวเองให้ทุกคนได้เห็น เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะพ่อหนุ่มกล้ามโต 

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

ช่างภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย 

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1966755
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1966755