นุก สุทธิดา สยบข่าวเม้าธ์ เตียงหักหย่าสามี แจง ฮากีม แยกกันอยู่ เพราะต่อวีซ่า 


ให้คะแนน


แชร์

นุก สุทธิดา สยบข่าวเม้าธ์ เตียงหักหย่าสามี แจง ฮากีม แยกกันอยู่ เพราะต่อวีซ่า

นุก สุทธิดา สยบข่าวเม้าธ์ – วันที่ 5 พ.ย. ณ ลานพระพรหม อาร์เอส กรุ๊ป ถนนประเสริฐมนูกิจ นักแสดงสาว นุก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ได้มาร่วมงานบวงสรวง “โลกทั้งใบให้นายคนเดียว เดอะซีรีส์” ภายหลังจบงานได้ให้สัมภาษณ์ อัพเดตอาการป่วยมะเร็งไทรอยด์ พร้อมสยบข่าวลือเลิกสามี แยกกันอยู่

ถามถึงเรื่องอาการป่วยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
รออีก 2 เดือน ก็จะได้ไปตรวจอีกครั้งนึงว่ายังเหลือเซลล์มะเร็งหรือเปล่า ถ้ายังหลงเหลืออยู่ก็ต้องกลืนแร่เป็นรอบที่ 2 ตอนนี้ปกติดี อาจจะมีเหนื่อยง่ายนิดหน่อย น่าจะเป็นผลพวงมาจากที่เราเป็นไทรอยด์อยู่ด้วย”

ตอนที่ผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองออกไปเป็นอย่างไรบ้าง?
“ตอนผ่าตัดไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ตอนที่กลืนแร่มันจะคล้ายๆกับการให้คีโม มันก็ค่อนข้างที่จะเหนื่อยมาก ต้องอยู่คนเดียวเพราะว่าเรามีแร่กัมมันตภาพรังสีอยู่ในตัวทำให้ไม่สามารถเจอใครได้แม้แต่หมอ พยาบาล คือต้องดูแลตัวเอง มันค่อยข้างจะใช้ร่างกายพอสมควร อยากจะอาเจียน ทานอะไรไม่ค่อยได้ เหมือนคนเมารถตลอดเวลาประมาณ 4 วัน คนที่ตัดไทรอยด์ไปแล้ว จะไม่มีต่อมไร้ท่อ ไม่มีฮอร์โมนชนิดนึงที่ต่อมไร้ท่อผลิต ก็จะต้องกินยาไปตลอดชีวิต เป็นยาที่กินสำหรับทดแทนฮอร์โมนที่หายไป ส่วนมะเร็งตอนที่เรากลืนแร่ จะทำให้ 6 เดือนเว้นครั้งนึงถึงจะกลืนได้อีกครั้ง คุณหมอเลยยังไม่ได้ตรวจว่ามีมะเร็งหลงเหลืออยู่ไหม ก็รอไว้กลืนได้ก็ตรวจเลย”

เป็นไปได้ไหมที่มะเร็งจะหมดไปแล้ว?
“ตอนผ่าตัดคุณหมอก็บอกว่าพยายามจะเอาออกไปให้หมด แต่ด้วยเซลล์มะเร็งมันอยู่ในต่อมไร้ท่อ มันก็จะปล่อยทั้งเลือดทั้งฮอร์โมนต่างๆไปทั่วร่างกาย ต้องรอตรวจหลายๆอย่างอีกทีนึง”

กังวลใจไหม?
“ไม่กังวลค่ะ คุณหมอบอกหายก็คือหาย ถ้าเป็นใหม่ก็ค่อยรักษาอีกทีนึง ก็ยังไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป แต่วันนี้ก็ดีใจที่ได้รอดชีวิตมาเล่นโลกทั้งใบให้นายคนเดียวเป็นครั้งที่ 2 (หัวเราะ) ไม่ได้นอยด์เลย เราทำใจตั้งแต่วันที่เรารู้ครั้งแรกว่าเราเป็นมาแล้วว่าเราจะทำยังไงต่อไป ต้องยกความดีให้กับลูก นุกมีลูก เหมือนเรารู้ว่าเราจะต้องอยู่เพื่อใคร อยู่ยังไง เรารู้สึกว่าเราไม่ได้นอยด์ ไม่ได้กลัวกับการใช้ชีวิตมากนัก ลูกช่วยให้ทุกอย่างมันดีขึ้น”

สาเหตุมาจากอะไร?
“ด้วยเรื่องของอาหาร ความผิดปกติของเซลล์เรา สมัยนี้ในอาหารมีทั้งสารเร่งโต ยาฆ่าแมลง สารเคมีหลายอย่าง พืชผักก็ตัดแต่งพันธุกรรมเยอะขึ้น ก็น่าจะเป็นเหตุผลนึง แต่นุกก็ไม่ได้ออแกนิกอะไรขนาดนั้นนะคะ เราก็รับประทานอาหารปกตินี่แหละ เราไม่มีฮอร์โมนไทรอยด์ เราก็ต้องพยายามทำให้ร่างกายแข็งแรงคือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาจจะมีออกกำลังกาย ทำกิจกรรมบ้างแต่เบาๆ อาศัยว่าเรามีความสุขความสบายใจในการใช้ชีวิต ทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้น”

ลูกๆให้กำลังใจยังไงบ้าง?
“ด้วยความที่ลูกนุกเป็นผู้ชายหมดเลย เขาก็ไม่ได้มาให้กำลังใจอะไรเรามาก แต่ทุกคนรู้เรื่องและพยายามจะรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง อะไรที่แม่สั่งก็พยายามจะทำมากขึ้น แล้วก็ดื้อน้อยลง เราเห็นพัฒนาการของเขาตรงนี้ได้อย่างชัดเจน ก็ขอบคุณมากๆที่เป็นมะเร็งนะคะ ทำให้ลูกดื้อน้อยลง อันนี้ถือว่าคุ้มแล้วค่ะ เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองกันอย่างใหญ่หลวงมาก อาจจะด้วยวัยเขาด้วย บางทีพอเราบ่นเราว่ามากๆเขาก็จะหยุด ไม่ค่อยเถียง”

ยาไทรอยด์ทำให้ผมร่วงด้วย?
“ใช่ค่ะ ยาฮอร์โมนไทรอยด์ทานช่วงแรกๆจะมีปัญหานิดนึง มันขึ้นอยู่กับทั้งน้ำหนัก ทั้งความพอดี ทั้งอะไรหลายๆอย่างของเรา แต่ละคนกินไม่เท่ากัน มันก็ต้องมาหาจุดพอดี ระหว่างนั้นมันก็จะเจอผมร่วง ผิดแห้ง นอนไม่หลับ น้ำหนักลด น้ำหนักเพิ่ม คือกว่าจะหาบาลานซ์ลงตัวนี่ผมร่วงไปเยอะเหมือนกัน กว่าจะกลับขึ้นมาใหม่ ตอนนี้กินวันละ 1 เม็ด”

ถามถึงเรื่องสามี?
ตอนนี้สามีไปอยู่มาเลเซีย ด้วยความที่ตอนช่วงโควิดสามีพาสปอร์ตหมดอายุ แล้วมันติดโควิดทำให้เขาไม่สามารถเดินทางได้ จนเดือน 9 รัฐบาลก็มีกำหนดแล้วว่าใครก็ตามที่เป็นชาวต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย พาสปอร์ต วีซ่าหมดอายุแล้วต้องเดินทางออกภายในเดือน 26 กันยายน สามีก็เดินทางออกไปในวันนั้น”

มีข่าวว่ามีปัญหาในครอบครัว?
“ไม่มีค่ะ มีข่าวเลิกกันทุกช่วงเลย ทุก 3 เดือนเลย เรายังไม่ได้เลิกกันนะคะ ถามว่าข่าวมาได้ยังไง อาจจะฟังผิดหรือเปล่า หรืออาจจะจั่วหัวไว้ก่อน เพราะตอนนี้เราก็แยกกันอยู่ ยังไม่มีกำหนดการว่าจะกลับมาเจอกันเมื่อไหร่ เพราะเขาก็ยังกลับมาไม่ได้ เขายังรอทำพลาสปอร์ต ตอนนี้กัวลาลัมเปอร์ก็ล็อกดาวน์อยู่ เขาก็ไม่สามารถไปทำพลาสปอร์ตได้ เรายังไม่เลิกกันค่ะ ถ้าเลิกจะบอกค่ะ”

กระแสค่อนข้างไปทางสามีว่าเราป่วย แต่เขายังทิ้งไปอีก?
“เขาไม่รู้ค่ะ เขาไม่รู้ ก็เลยไม่ค่อยได้มีปัญหาอะไร ตัวเขายังปกติ ถือว่าโชคดีด้วยค่ะ เพราะก่อนหน้านี้เกือบจะเช่าที่เปิดยิมอีกรอบนึงแล้ว พอดีว่าเขาต้องเดินทางกลับไปก่อน เกือบจะได้เซ็นสัญญาจ่ายล่วงหน้าแล้ว”

ก่อนหน้านี้ เหมือนเรากังวลกลัวเขาไม่กลับมา?
“ลึกๆก็กลัวนะคะ เพราะเขาก็เป็นเหมือนพ่อบ้าน เลี้ยงลูกตลอด อดัม (ลูกชายคนเล็ก) เขาก็ดูแลทุกอย่างเลย พอเขาไม่อยู่ก็ไม่รู้ว่าใครจะดูลูก ตอนนั้นก็เลยแอบกังวล นอยด์ๆว่าจะกลับมาไหม ด้วยความที่เขาเป็นคนติดบ้าน เป็นเด็กน้อยมากๆ เขาไม่เคยห่างพ่อแม่ ตอนที่เขามาเขาก็จะบ่นเสมอว่าเขาคิดถึงบ้าน คิดถึงอาหาร อยากกลับบ้านทุกเดือน ด้วยความที่เราทำธุรกิจ เขาก็เลยกลับได้ไม่บ่อย ก็ปีละครั้งค่ะ เราก็กลัวว่าเขากลับไปเขาจะร่าเริง คือตอนนี้กลับไปเขาอ้วนมาก จากที่ผอมๆ คงเอ็น จอยกับอาหาร เขาปาร์ตี้ทุกวันเลย (ยิ้ม)”

ได้ถามเขาไหมว่าจะกลับมาเมื่อไหร่?
“ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เพราะเราก็รู้ว่าทางโน้นล็อกดาวน์ คือเราประเมินไว้ว่าต้องปีหน้าแน่นอน จะปีหน้าเมื่อไหร่ด้วยซ้ำที่เราจะได้เจอกัน จริงๆคนที่น่าสงสารไม่ใช่นุก น่าจะเป็นอดัม เขาขะมีเอฟเฟ็กต์มาก เขานอนกับพ่อ อยู่กับพ่อตลอด แม่ยังเป็นคนทำงานนอกบ้าน เขาก็จะมีคำพูดที่ทิ่มแทงอย่างเช่น ให้บัยบายแด๊ดดี้สิ เขาก็จะฮัลโหลสวนขึ้นมาเลย หรืออย่างที่เขาถามพ่อเขาว่าทำอะไรอยู่ พ่อบอกกำลังจะกลับบ้าน เขาก็จะถามว่าแด๊ดดี้ไม่กลับบ้านนี้แล้วเหรอ คือน้องเล็กมาก น้องไม่รู้ ถามว่าเราคุยกับน้องยังไง เราก็ไม่ได้อธิบาย เพราะเขายังไม่เข้าใจ แต่ก็พยายามทำให้เขารู้สึกว่าพ่อเขาอยู่ทุกครั้งที่โทรมา ก็จะมีงอนกันบ้างนะถ้าโทรหาเขาแล้วไม่รับสาย คือเราอยากให้ลูกได้เจอพ่อทุกครั้งที่อยากจะเจอ”

ยังติดต่อกันเหมือนเดิมใช่ไหม?
“ยังติดต่อกันเหมือนเดิม จริงๆไม่อยากจะพูดว่ารักกันเหมือนเดิมนะ เพราะทุกครั้งที่มีข่าวรักกันเหมือนเดิมจะทะเลาะกันทุกทีเลย (หัวเราะ) ช่วงที่มีข่าวว่าเลิกกัน จะรักกัน (ยิ้ม)”

มีให้คำสัญญากันไหม?
“เขาไปไหนไม่รอดหรอกค่ะ เรื่องระยะเวลาที่คิดว่าเขาจะกลับมา คิดว่าน่าจะมีหลัง 4 เดือนหลังจากนี้ค่ะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5260218
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5260218