ไข่มุก รุ่งรัตน์ เผยชีวิตในวงการบันเทิง เหลิงจนแทบหมดตัว


ให้คะแนน


แชร์

นักร้องสาวเสียงดี ไข่มุก รุ่งรัตน์ เผยชีวิตต้องสู้เพื่อครอบครัว ก่อนโด่งดังในวงการ เหลิงจัดใช้เงินมือเติบ ทั้งตัวเหลือแค่ 7 พัน

ยกเป็นนางเอกละครเรติ้งพุ่งสุดๆ ของช่อง สำหรับ ไข่มุก รุ่งรัตน์ ที่ชีวิตก่อนเข้าวงการต้องดิ้นรนทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงินมาช่วยแม่เลี้ยงดูครอบครัว แต่เมื่อประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงจากการประกวดกลับใช้เงินมือเติบ ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีเงินหมดจนแทบจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ งานนี้เจ้าตัวมาเล่าให้ฟังทุกประเด็นผ่านทางรายการ คุยแซ่บSHOW ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยวัฒน์ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

กว่าจะมาเป็นนางเอกดาวรุ่ง ชีวิตผ่านอะไรมามาก?

“ตอนเด็กมีพ่อแม่พี่น้อง 5 คนคะในบ้าน แต่ว่าพ่อไม่ได้อยู่ด้วยจะมาบ้างเพราะว่าทำงาน เดือนละครั้งที่เจอพ่อ เสาหลักของบ้านคือแม่ หนูกับแม่จะช่วยหาเงิน หนูเห็นแม่ลำบากมาตั้งแต่เด็กเลยอยากจะทำอะไรก็ได้ที่ช่วยแม่หาเงินได้ รับจ้างล้างจาน”

ลำบากแต่มีอาหารดีๆ กินทุกวัน?

“ใช่ค่ะ เพราะว่าแม่เป็นแม่บ้านฝรั่งทำเสื้อผ้า ทำอาหาร คนจีน คนญี่ปุ่น ซึ่งเวลาเขาทำอาหารปาร์ตี้ เขาจะกินของดีๆ ทุกอาทิตย์เขาจะปาร์ตี้กันอยู่แล้ว ซึ่งพออาหารมันเยอะมันไม่หมด เขาก็บอกแม่ให้เอากลับมาให้ลูกได้นะ เราก็ได้กิน พอตอนประถมเราก็เริ่มไปรำครูพาไปก็ได้เงินมา บางทีก็ได้ติ๊บด้วย พอมัธยมเรารู้ว่าร้องเพลงได้เงินเยอะกว่าก็เลยร้องเพลง จนได้เงินเพิ่ม บางวันก็รับ 2 งาน รวมติ๊บด้วยวันนึงก็ 3-4 พัน ทำเกือบทุกวัน เราคิดว่ามันได้เร็วและเรามีเวลาแค่ช่วงเลิกเรียนด้วยจะไปทำงานประจำก็ไม่ได้”

อยากไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนบ้างไหม?

“หนูมองว่าเราไปตรงนั้นแล้วไม่มีประโยชน์ ด้วยความที่เราเห็นแม่ทุกอย่างลำบากแล้วไม่มียังไง ส่วนน้องกับพี่เป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิงและสนิทกับแม่ก็เลยได้รับรู้ทุกอย่างและก็ช่วย”

เห็นแม่ลำบากมาแต่เด็กทำให้เราเป็นผู้ใหญ่เกินวัย?

“ใช่คะ ถ้าชีวิตหนูนิยามสั้นๆ ว่าทำไมถึงมีวันนี้หนูตอบคำเดียวคือแม่ ตั้งแต่อนุบาลหนูร้องเพลงวันเด็กร้องเต้นมีเวทีที่ไหนหนูจะขึ้นเพื่อเอาเงินรางวัลนั้นไปให้แม่ เงินจากพ่อได้บ้างไม่ได้บ้าง จังหวะที่พ่อกับแม่เลิกกันด้วยมีปัญหา ตอนแรกเราก็โกรธตอนที่แม่ท้องน้องแล้วพ่อหายไป อันนี้มันเป็นอีกอย่างที่ทำให้รีบโตเพื่อหาเงินให้แม่ให้ได้ เพราะว่าเรามีน้อง หนูอยากมีน้องมาก เราเลี้ยงน้องตั้งแต่วันแรกเลย”

เราก็หาเงินได้ แต่พอจะเข้ามหาวิทยาลัยทำไมถึงไม่มีเงิน?

“มันไม่ได้มีทุกเดือนคะ ช่วงที่หนูร้องเพลงจะเป็นช่วงปีใหม่ งานบวช งานสงกรานต์ พอแม่ไม่มีเงินส่ง เราก็คิดว่าเราเรียนไม่เก่งจะไปสอบที่ไหนได้ เลยทำพอร์ตยื่นเรียนทุน 100% ก็ไปเล่าให้แม่ฟังแม่ดีใจมาก แต่เราไม่น้อยใจที่ไม่มีเงินเรียน เราเข้าใจแม่ หลังจากรู้ว่ามีที่เรียนแล้ว แต่ในระหว่างเรียนจะเอาตังค์ไหนใช้ เพราะว่าหลังจากที่ไปประกวดรายการนึงก็ชนะ แต่เรามีปัญหาครอบครัวต้องใช้ตังค์”

เข้ามหาวิทยาลัยได้ไปเซ็นสัญญากับค่ายใหญ่?

“เราแข่งรายการจบก็มีงานกับที่นั่น มีไปโชว์ตัวโน่นนี่ เรียนด้วยทำงานด้วยต้องมาอยู่หอค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น ไปรับร้องเพลงเพราะต้องใช้เงินทั้งนั่งบีทีเอสไปเรียนวันนึงหลายร้อย มีช่วงนึงที่เราไม่มีแล้วเราไม่กล้าบอกแม่เพราะแม่ก็จะต้องไปยืมคนอื่นมาให้ เลยให้เพื่อนบอกครูให้หน่อยว่าเรามีงานแต่จริงๆ คือนอนอยู่ห้องไม่มีเงินไปเรียน”

อะไรที่ผลักดันให้เราไปประกวดเดอะวอยซ์?

“ช่วงนั้นเป็นเวลา 1 เดือนที่เราลำบากมากๆ มีพี่มาขอเบอร์บอกว่าเราเสียงดีให้ไปร้องแทน เจอเจ้าของร้านบอกว่าทำไมไม่ไปเดอะวอยซ์ จนเราคิดว่ามันไกลตัวมากเลยเราก็ไม่ได้เสียงดีอะไร จนมาถึงวันสุดท้ายที่เปิดออดิชั่นพี่เขาก็โทรหาหนูถามว่าไปหรือยัง เราก็คิดทำไมไม่ลองดู ซึ่งคิดว่าถ้ารายการนี้ไม่ประสบผลสำเร็จจะไม่ประกวดแล้ว จะไปหางานประจำให้ได้เงินแน่ๆ คนที่ดูถูกเราก็เยอะแบบไม่ได้หรอก ไม่ดังหรอกจะไปสู้อะไรเขาได้”

ไปประกวดไม่ชนะ แต่มีงานเข้ามาเยอะ?

“ใช่ค่ะ เราอยากกินอะไรที่เราไม่ได้กิน พาแม่ไปกินอยากได้อะไรก็ได้ ซื้อๆๆๆ ตอนนั้นมีเป็นล้านแต่หมดไวมาก มีเรื่อยๆ เราก็ใช้เรื่อยๆ อะไรที่ไม่จำเป็นซื้อก็ซื้อ เสื้อผ้าทีสิบยี่สิบชุด เราก็แบบเดี๋ยวมันก็มีงานเรื่อยๆ เดือนหน้าก็มี เราหวังพึ่งน้ำบ่อหน้าเสมอ”

“จนมาสามปีเรามาถามตัวเองว่าทำไมงานน้อยลง เราก็ซอฟต์ลง แต่ก็ซื้อรถดาวน์ไป 500,000 ราคามัน 2 ล้าน แต่ตอนนี้ขายรถแล้วคะ หนูขับไม่เป็นแล้วหนูกลัวมันพัง เราก็เริ่มเรียนรู้แล้วงานก็ไม่ได้มีเหมือนเดิม แล้วเงินมันหายไปมากแล้ว มีก้อนนึงที่เหลือมีค่าโน่นนี่ที่ต้องจ่ายที่เราสร้างไว้ทั้งรถทั้งคอนโด งานน้อยมากๆ จนพอแค่จ่ายหนี้ เอาเงินก้อนสุดท้ายที่เหลือดาวน์บ้าน”

เหลือ 7,000 ทั้งตัว?

“ใช่ค่ะ ตอนแรกบ้านไม่มีแอร์ ไม่มีผ้าม่านเลย ตอนนี้ด้วยการใช้เงินที่ไร้สาระของเรา มีพี่คนโน้นคนนี้ที่สอนเราเรารู้สึกว่าทำไมไม่ลองทำดู เพราะเขาก็บอกว่าเข้าวงการใหม่ๆ เขาใช้เงินฟุ่มเฟือยมากและเขาก็รู้ว่าเราใช้เงินยังไง เลยสอนให้ทำวิธีมีเงินเก็บ ไม่อยากให้เหลิงค่ะ”

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5343211
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5343211