โฟกัส เผยนาทีตัดสินใจแสดงจุดยืนการเมือง แม่ยอมขายบ้านถ้าไร้งานวงการ


ให้คะแนน


แชร์

เรียกว่าชัดเจนทางการเมืองมากทีเดียว สำหรับนักแสดงสาว โฟกัส จีระกุล ที่ตัดสินใจแสดงจุดยืนข้างฝ่ายราษฎร เพื่อเรียกร้อง 3 ข้อ ซึ่งมีทั้งเรื่องขอให้ ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง รวมไปถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปสถาบัน

ล่าสุด โฟกัส มาร่วมรายการ “แฉ” ทางช่อง GMM25 โดยมี มดดำ คชาภา, ดาด้า วรินดา และ แจ๊ค แฟนฉัน เป็นพิธีกร มดดำถามโฟกัสว่าไปเป็นส่วนหนึ่งของราษฎรได้ยังไง โฟกัสเล่าว่า “จริงๆ สนใจเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว ได้ยินข่าวมาเรื่อยๆ แต่เราเลือกที่จะไม่พูด แต่จุดที่ทำให้มันเปลี่ยนขึ้นมาจริงๆ ก็คือวันที่มีการสลายการชุมนุมที่หน้าพารากอน เพราะรู้สึกว่าเด็กไม่ผิดอะไรที่จะออกมาเรียกร้อง

ข่าวแนะนำ

เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เขาออกมาเรียกร้องอย่างสันติจริงๆ เลยทำให้รู้สึกว่าถ้าเราจะอยู่เฉยๆ แล้วรอดูความสำเร็จของน้องๆ เราจะรู้สึกอายที่เราอยู่เฉยๆ เราออกมาพูดดีกว่า ไม่สนใจแล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น วันนั้นตัดสินใจแล้วว่าจะออกมาเป็นแม่ค้า ไม่เป็นแล้วดารา เพราะคิดว่าไม่มีคนจ้างแน่นอน”

แจ๊คถามว่าวันนั้นได้คุยกับแม่ไหม โฟกัสบอกว่า “เรียกว่าบอกแม่ดีกว่า บอกว่าแม่ หนูต้องพูด ถ้าหนูไม่พูด หนูรู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันไม่ได้แล้ว ถึงแม่จะห้ามก็จะพูดอยู่ดี รู้สึกว่าเราต้องทำแล้วอะ”

มดดำถามว่าแล้วเด็กๆ ที่ออกมาเขาอยากได้อะไร โฟกัสบอกว่า 3 ข้อเรียกร้องมันเข้าใจง่ายมาก สิ่งที่เขาต้องการคืออนาคตที่ดีขึ้น เขาจะพูดเสมอว่าถ้าการเมืองดี มันจะส่งผลอะไรกับเราในอนาคตบ้าง

พร้อมทั้งบอกว่า “เอาง่ายๆ ที่หนูประสบเองนะ ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย หนูต้องใช้ทางสาธารณะ ถ้าสมมติว่าเราเรียกร้องตรงนี้ได้จริงๆ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมาก็คือทั้งทางสาธารณะที่ดี สาธารณูปโภคที่ดี อะไรหลายๆ อย่างที่ดีที่เราควรจะได้มากกว่านี้ แต่เราดันไม่สนใจ มองข้ามมัน แต่เด็กรุ่นนี้ไม่มองข้าม เขาอยากได้จริงๆ เขาเลยออกมาเรียกร้องทุกวันนี้ค่ะ”

มดดำถามว่าสิ่งที่ต้องการคือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โฟกัสบอกว่า “ใช่ และประชาธิปไตยที่มันแท้จริง เอาแค่ง่ายๆ เรื่องการเลือกตั้ง คนที่อยู่ในรัฐสภาตอนนี้ เอาจริงๆ ก็พูดเต็มปากเต็มคำไม่ได้ว่ามันมาจากประชาธิปไตย 100% จริงๆ น่ะ แล้ว ส.ว. 250 คนมาจากไหน เด็กๆ แค่ตั้งข้อสงสัย แต่ไม่มีใครตอบเขาได้เท่านั้นเอง อย่างน้อยควรจะไม่มีอำนาจ ส.ว.ในการยกมือเลือกนายกฯ ปัจจุบันนี้ควรจะไม่ใช่รัฐบาลที่มาจาก คสช. แล้วรึเปล่า มันควรจะประชาธิปไตยจริงๆ รึเปล่า”

นอกจากนี้โฟกัสบอกว่า “เด็กๆ อยากพูดอีกเรื่องนึง บางครั้งผู้ใหญ่หลายคนอาจจะบอกว่าน้องๆ ออกมาเรียกร้องอะไรกัน คุณยังเป็นเด็ก ยังไม่ได้เสียภาษี คุณมาเรียกร้องประชาธิปไตย รู้อะไรมากแค่ไหนเกี่ยวกับประชาธิปไตย กัสอยากจะบอกว่าเด็กทุกคนต้องเสียภาษีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็เสียภาษีอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เขาจะออกมาเรียกร้องตรงนี้ มันคืออนาคตของเรา คุณควรรับฟังเขาและเอาไปคิดบ้าง ไม่ใช่ปล่อยผ่านไป กัสรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติมากที่น้องๆ จะพูด และกัสอยากให้น้องๆ หันมาสนใจเรื่องนี้มากขึ้น เพราะมันไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย”

แจ๊คถาม แม่สุ แม่ของโฟกัส ว่ารู้สึกยังไงบ้างตอนที่โฟกัสไปม็อบ แม่สุบอกว่า “รู้สึกเป็นห่วงค่ะ ต้องไปด้วย เป็นอะไรก็เป็นด้วยกัน” มดดำถามต่อว่าวันที่ตัดสินใจโพสต์ ชีวิตในวงการบันเทิงอาจจะดับ วันนั้นได้ปรึกษาแม่มั้ย โฟกัสตอบว่า “บอกค่ะ บอกแม่ว่าจะโพสต์ เพราะรู้สึกว่ามันต้องโพสต์แล้วแหละ” ด้านคุณแม่พูดว่า “แม่ก็บอกว่ารู้ใช่มั้ยต่อไปจะมีอะไรเกิดขึ้น คือทุกอย่างต้องเกิดน่ะ ก็ถามเขาว่ายอมรับได้มั้ย เขาบอกว่าได้ หนูตัดสินใจแล้ว แม่ก็โอเค ถามว่าสนใจเรื่องการเมืองรึเปล่า จริงๆ เรื่องการเมืองไม่ค่อยอยากยุ่งนะ แต่ทุกวันนี้ที่ไปเพราะไปดูแลลูก”

มดดำถามโฟกัสว่าตอนนั้นคิดว่าถ้าโพสต์ปุ๊บ จะไปเป็นแม่ค้าแล้ว โฟกัสตอบ “คิดจริงๆ ต้องบอกว่านักแสดงถูกปลูกฝังความคิดว่าไม่ว่าจะยังไง ถ้าแสดงออกทางการเมืองมากเกินไป อาจจะไม่มีงานอีกต่อไป” แจ๊คเล่าว่า ตนทำเพลงตัวเองและทำเอ็มวี จะชวนโฟกัสมาเล่น โฟกัสถามว่าคิดดีแล้วเหรอ อยากรู้ทำไมถึงถามแบบนั้น โฟกัสตอบว่า “คือตั้งแต่เปิดตัวทางการเมืองจะได้รับการต่อว่า การด่า และสาปแช่งเรื่อยๆ ซึ่งเราจะห่วงคนที่เข้ามาหาเราเสมอว่าเขาโอเคมั้ยกับการที่เอาเราไป เพราะมันเหมือนเป็นการเข้าข้างเรา ซัพพอร์ตเรารึเปล่า เรากลัวเขาโดนด่าไปกับเราด้วยค่ะ”

มดดำถามว่าถ้าการแสดงออกทางการเมืองทำให้ไม่มีงานบันเทิง แต่ก็จะทำ เพราะอะไร โฟกัสบอกว่าก็ยังทำ เพราะเราออกมาพูดในฐานะประชาชนคนนึง เหมือนตัดความเป็นดาราทิ้งไปแล้ว เราอาจจะมีเสียงที่ดังกว่าคนอื่น แต่มันถึงจุดนึงมันต้องพูด มดดำถามต่อว่าโฟกัสอยากจะพูดเรื่องอะไร โฟกัสบอกว่ายังย้ำเรื่องข้อเรียกร้อง 3 ข้อ มันเป็นไปได้ถ้าเปิดใจรับฟังกันจริงๆ การคิดต่างไม่ใช่เรื่องผิด แต่แค่ให้พูดกันดีๆ พูดกันด้วยความเข้าใจ เปิดใจที่จะรับฟังกัน แค่นี้พอแล้ว คนที่เห็นต่างมาด่าไม่ว่า แต่อย่างน้อยคำพูดที่กลับไปหาเขา ถ้าเปิดใจหรืออ่านอะไรสักนิดจะดีใจมากๆ ไม่ต้องเห็นด้วย 100% ก็ได้ แค่รับฟังบ้างก็ดีใจแล้ว

ดาด้าถามว่าข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ข้อไหนที่รัฐบาลสามารถทำได้ก่อนเลย โฟกัสพูดชัดเจน “ก็ลุงตู่ออกไป เป็นข้อที่น่าจะทำได้ง่ายที่สุดแล้ว ถามว่าทำไมต้องออกไป ก็ลุงตู่มาจากไหนล่ะคะ ลุงตู่คะ ด้วยความเคารพ (ยกมือไหว้) ลุงตู่เป็นทหารดีแล้วค่ะ อย่าเป็นนายกฯ” มดดำบอกว่าลุงตู่บอกว่าเดี๋ยวจะเข้าหารือเพื่อการปฏิรูป ทุกอย่างต้องใช้เวลา โฟกัสตอบทันที “ก็เวลา 6 ปีที่ผ่านมาเยอะมากพอที่จะใช้แล้วค่ะ รู้สึกว่ามันเต็มที่มากพอแล้ว ใช้เวลาเกินไปแล้ว ดังนั้นรับข้อเรียกร้องของเราไปเถอะค่ะ มันไม่ยากอย่างที่คิด”

ก่อนถามกลับอีกว่า 6 ปีที่ผ่านมาเราได้อะไรบ้าง ได้ความสงบ แต่ไม่ได้ความเจริญอะไรเพิ่มขึ้นเลย รถไฟฟ้าสร้างกันมาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว ถามว่าอะไรคือชีวิตที่ดีขึ้นดีกว่า มันไม่มีอะไรที่ดีขึ้นขนาดนั้น มันเหมือนประเทศไทยย่ำอยู่กับที่เป็น 10 ปีแล้ว ไม่เคยก้าวไปข้างหน้าเลย สาธารณูปโภคยังสู้คนอื่นไม่ได้ มันสู้ไม่ได้หลายด้านเลย การศึกษาควรจะเข้าถึง ควรจะเท่าเทียมกันทั่วประเทศแล้ว ถ้าการศึกษาดี เด็กที่โตมาจะมีคุณภาพมากกว่านี้เยอะเลย และมันต้องดีได้ทั่วประเทศ

มดดำถามว่าอยากลงการเมืองมั้ย โฟกัสบอกว่าเคยแอบแซวตัวเองว่าอยากลง ส.ส. แต่อยากเรียนเพิ่มขึ้นก่อน กลัวเข้าไปแล้วเดี๋ยวคนหาว่าโง่ ไม่เอา กะว่าจะต่อปริญญาโทสัก 2 ปี ตนอยากเป็นเด็กรุ่นใหม่คนหนึ่งที่เข้าไปนั่งในรัฐสภาแล้วฟังเขาว่าคุยอะไรกัน และไปนั่งจ้องว่ามีใครหลับรึเปล่า

จากนั้นมดดำถามแม่สุว่า รู้ใช่ไหมว่าวันนี้ที่ลูกมาพูดอาจจะต้องกลับไปเป็นแม่ค้า แม่สุบอกว่า “แม่ยอมรับ เป็นแม่ค้าก็เป็นแม่ค้าค่ะ บ้านตอนนี้เราเพิ่งจะซื้อและผ่อน เราก็บอกลูกว่าถ้ามันเป็นดาราไม่ได้ ไปเป็นแม่ค้า ถ้าเงินไม่พอก็ขายบ้านนี้เลย กลับไปอยู่บ้านเก่า เราโอเค” โฟกัสบอกว่าตนต้องเลี้ยงครอบครัวนับสิบคน มีแมวอีกด้วย แจ๊คถามว่าเจมส์ กิจเกษม แฟนหนุ่ม ว่าไงบ้าง โฟกัสบอกว่า “พี่เจมส์ก็เหมือนกับแม่ เขาสนับสนุนสิ่งที่เราอยากทำอยู่แล้ว เขาไม่ห้ามอะไร ถ้าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้วก็ทำต่อไป”

มดดำถามว่านายกประกาศจะใช้กฎหมายทุกมาตราสำหรับการควบคุมม็อบ โฟกัสตอบทันที “ถ้าสมมติมีคุกขังพอก็เชิญค่ะ” ก่อนจะพูดถึงเรื่องสาดสีว่า “เป็นเรื่องเซนซิทีฟมากๆ ว่าทำไมต้องทำลายข้าวของ สาดสี แต่กัสว่าเป็นการแสดงออกอีกอย่างนึงเพื่อตอบโต้สิ่งที่เขาโดนกระทำเมื่อวันก่อน คือโดนทั้งการฉีดน้ำสลายการชุมนุม ผสมสารเคมี แก๊สน้ำตา รู้สึกว่าการสาดสีเป็นการตอบโต้ที่เบามากๆ เลย ของพวกนี้มันเลอะเทอะ เราก็แก้ไขและเช็ดมันก็แค่นั้นจบ ดูเช็ดง่ายกว่าถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อเยอะเลย”.

ชมคลิป

อ่านเพิ่มเติม…

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1981047
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1981047