ตูมตาม เปิดใจ ก่อนขึ้นชก10Fight10 เตรียมการมา 1 ปี พร้อมแล้ว ไม่กลัวเสียโฉม


ให้คะแนน


แชร์

ตูมตาม เปิดใจ ก่อนขึ้นชก10Fight10 เตรียมการมา 1 ปี

พร้อมแล้ว ไม่กลัวเสียโฉม

ตูมตาม เปิดใจ ก่อนขึ้นชก10Fight10 – ใกล้เข้ามาถึงแล้ว สำหรับคู่ชกมวย รายการ 10Fight10 คู่ที่ 9 สำหรับการปะทะกันระหว่าง เขต ธาราเขต (ทีมดำ) vs ตูมตาม ยุทธนา (ทีมขาว) กับการรอคอยที่ดุเดือด ที่ต้องหมั่นฝึกซ้อมกันอย่างหนักเพื่อเข้าสังเวียน ลุ้นผู้ชนะ

เมื่อไม่นานมานี้ ตูมตาม ยุทธนา เดินทางมาร่วมงานมหกรรมฟรีคอนเสิร์ต “อีหล่าเอ๋ย”รอบสื่อมวลชน ณ โรงภาพยนตร์13 เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน โดยภายหลังจบงานได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมตัวเข้าชกมวยกับคู่ต่อสู้ พร้อมทั้งเผยถึงเรื่องหัวใจในตอนนี้

กำลังจะมาถึงแล้ว คู่ชก 10Fight10 ซ้อมหนักขนาดไหน?
“ซ้อมมาตลอดตั้งแต่รับ จริงๆต้องบอกว่าพอรับชก 10Fight10 ผมก็ได้มีโอกาสซ้อมมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว จริงๆวิชาการชกมวยมันยากมากเลยครับ จากคนที่ไม่เคยเป็นอะไรเลย แล้วผมต้องมาเริ่มเดินมวย เริ่มเชิงมวย เตรียมการทุกอย่างแบบใช้เวลาหลายเดือนครับ กว่าจะยืนได้ ส่งมวย กว่าจะต่อยเป็น ใช้เวลานานมาก ผมเลย(ยิ้ม)รู้ตัวเองอยู่แล้วว่าเราใหม่มาก”

เตรียมท่าไม้ตายอะไรไว้บ้าง?
“จริงๆก็ฝึกเรื่อยๆครับรอบนี้ อันดับแรกคือเราต้องต่อยให้ดีก่อน ต่อยให้มันถูกต้องก่อนอันดับแรกผมว่านะ แล้วก็สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือร่างกาย โห…พี่ 1 ปี แล้วเนาะที่เราเตรียมการกันมา สิ่งที่ยากที่สุดเลยนะเป็นพละกำลังร่างกายเรา คือผมเริ่มมาจาก ไอ้ขี้โรค ที่แบบอ่อนแอ ปวกเปียกเดินขึ้นบันไดยังหอบเลย แล้วทีนี้แบบค่อยๆพัฒนา ผมรบกับตัวเองเยอะมาก ไม่อยากซ้อมเลย ไม่อยากต่อยเลย ผมไม่ไหวแล้ว ทำไมเหนื่อยขนาดนี้ ทำไมท้อขนาดนี้ ก็ค่อยๆให้กำลังใจตัวเองแล้วก็ก้าวข้ามผ่านเรื่องพวกนี้ จนมาถึง ณ วันนี้ พร้อมละ”

กลัวคู่ต่อสู้เรา (เขต ธาราเขต ทีมดำ) ไหม?
“กลัวมั้ย ไม่ประมาทครับ เพราะว่า หนึ่งผมรู้ดีว่าเขตเป็นคนตั้งใจครับ คือผมเจอเขตทุกครั้งบนเวที คือเราดี๊ด๊าใส่กันตลอด(หัวเราะ) ผมรู้สึกว่าเขตมันน่ารักมากเลยเป็นเพื่อนที่น่ารัก เป็นเพื่อนที่ผมเห็นแล้วต้องเรียก ไอ้เขต โดดกอดกันตลอด คือสิ่งที่ผมจะบอกเขตเสมอว่าเราจะตั้งใจซ้อมนะเขต แล้วเขตก็ตั้งใจซ้อม แต่เราไปสนุกกันบนเวทีเพราะว่าอันนี้มันเป็นการชกที่คนสองคนก้าวข้ามเหมือนได้พิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน แล้วเราก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันในฐานะนักชกเหมือนกัน เราควรจะสนุกเต็มที่แล้วก็ทำงานเต็มที่ แพ้ชนะเราหวังอยู่ละเราอยากจะชนะ แต่ถ้าไม่ชนะไม่เป็นไรครับ เพราะว่าสุดท้ายแล้ว ครั้งนี้ผมจะได้มิตรภาพที่ดีมากๆ แล้วผมก็จะได้โอกาสที่จะพัฒนาตัวเอง ผมรู้สึกผมชนะตัวเอง มากๆเลยที่มายืน ณ จุดๆนี้ได้”

กลัวเจอดราม่าอะไรไหมในรายการ?
“ผมไม่รู้เลยครับว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผมพยายามทำให้ดีที่สุดครับ ที่บลัฟกัน พูดแรง มันเป็นสิ่งที่ต้องทำในฐานะนักมวย เพราะมันเป็นเรื่องท้าทาย มันเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าข้างนอกเราเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วครับ ไม่มีอะไรเลย ทั้งสองฝ่าย แล้วผมก็พูดกับเพื่อนกับทุกคนอยู่เสมอว่าต่อยเสร็จแล้วยังไง เราก็เป็นนักแสดงเหมือนเดิม เราก็กลับ เราเป็นคนในวงการร่วมกันทุกคน เราจะมาทะเลาะกันทำไม เราจะซีเรียสเกินไปเพื่อ เพราะฉะนั้นให้เป็นหน้าที่ของคนชมแล้วกันที่เขาเลือกชอบไม่ชอบ แล้วแต่เขาตัดสิน แต่ว่าสำหรับนักชกเอง เรามันเป็นเกมกีฬา และสิ่งที่เราได้เหมือนทุกคู่ที่ผ่านมา ก็จะแบบได้เพื่อนใหม่ มันทำให้นึกย้อนไปสมัยเด็กๆ เพื่อนสนิทผมที่เป็นเพื่อนสนิททุกวันนี้ ผมก็เริ่มต้นจากการต่อยกันก่อน มีเรื่องกันแล้วสุดท้ายก็รักกันเป็นบ้าเป็นบอเลยกลายเป็นว่า มันต้องได้ความสัมพันธ์ที่ดีครับ เกมกีฬาต้องทำให้เราได้เพื่อนที่ดีครับ”

วันนั้นจะมีใครมาให้กำลังใจบ้าง?
“มีเพื่อนๆในวงการ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆคนที่เคยร่วมงานกัน นางเอกต่างๆก็ชวนมาหลายๆคนครับ แต่เขาว่างหรือเปล่าต้องว่ากันอีกทีนะ(ยิ้ม)ก็ชวนแล้ว ใครก็ได้จริงๆก็อยากให้มากันทุกคนที่มีโอกาสได้ชวนไป เรารู้สึกว่า ณ เวลานี้เราพร้อมมาก ในกรณีที่ว่าใครก็ได้มาเชียร์ ยังไงเราก็โฟกัสอยู่บนเวทีครับ เพราะสิ่งที่ผมสำนึกอยู่เสมอว่าต้องให้เกียรติเขตมากที่สุดครับ อีกเรื่องนึงคือผมไม่ควรจะอ่อนซ้อม ผมไม่ควรจะขึ้นไปเหลาะแหละแล้วมันเกิดความไม่สมดุลครับ ผมอยากให้เขตเขาต่อยสนุก เราต่างคนต่างทำงานแล้วสนุก แบบนี้มากกว่า มันถึงเป็นการให้เกียรตินักกีฬาด้วยกัน”

หลังจากชกเสร็จมีถ่ายละครไหม กลัวเสียโฉม?
“ไม่ครับ เพราะว่าตอนซ้อมเราเขียวกันมาไม่รู้กี่รอบแล้วครับ เลือดกำเดาไหลแบบเละเทะอยู่แล้ว คือทางรายการสกรีนอยู่แล้วว่าเราไม่ได้ไปทำอะไร หน้าตาเราไม่ศัลยกรรมอยู่แล้วครับ มันไม่มีผลเลย ถ้าหักก็ดีครับ(ยิ้ม)ผมจะได้เสริมดั้งให้มันคมขึ้นครับ”

ทีมขาวฝากฝั่งตัวเราไว้ยังไงบ้าง?
“ตอนนี้ทีมขาวเป็นห่วงผมมากครับผม คือผมเป็นคนตลกนะครับ เวลาผมไปซ้อมที่ค่าย พี่ๆก็จะแบบว่าตามมึงเอาจริงปะเนี่ย ตามไหวปะเนี่ย มาซ้อมนะ คืออันที่จริงผมมาซ้อม ผมซ้อมทั้งที่ค่ายแล้วผมก็มีพี่ชายผมที่ช่วยซ้อมให้ พี่ชายผมเป็นแชมป์โลกครับ มวยสากลอาชีพเมื่อก่อน เขาก็มาซ้อมให้ มาดูแลคอยซัพพอร์ต ก็เลยบอกว่าที่ซ้อมมาเป็นปีคือผมซ้อมกับพี่ชายมาก่อน แล้วก็พอถึงเวลาผมก็ไปซ้อมที่ค่าย ก็จะซ้อมดับเบิ้ลแบบนี้ทุกวัน เช้า เย็น ครับ ซ้อมไปเรื่อยๆ เก็บความแข็งแรงของร่างกายไปเรื่อยๆ ซึ่งต้องขอบคุณที่ค่ายเหมือนกันครับ พี่แมทธิว พี่ๆในทีมทุกคนที่ให้กำลังใจกันดีมากๆ แล้วแมทธิวเองก็เป็นคนน่ารักมากที่คอยดึงเราเสมอ เขาดูอยู่ครับ ห่างๆเสมอ พี่แมทธิวเขางานยุ่ง แล้วทุกครั้งแกก็จะโทรมาส่วนตัว ไลน์มาส่วนตัวแบบอยากให้ไปซ้อม ก็เลยโอเคครับรู้สึกว่าพี่เขาเป็นห่วงเราก็ทำเต็มที่ที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ”

น็อกเลยไหม?
“โห…หมัดมวยเหมือนกล้วยปิ้งครับ มันพลิกไปพลิกมาครับ มันไม่แน่ไม่นอนครับ แต่ว่าเราทำให้เต็มที่แล้วกัน”

วันเกิดล่าสุดหวานใจมีการเซอร์ไพรส์อะไรยังไง?
“หวานใจคนไหน(ยิ้ม) ไม่มีอะไรพิเศษเลยครับ วันเกิดสำหรับตัวผมเอง ผมมองว่าเป็นวันนึงวันธรรมดา แล้วก็วันนั้นผมก็อยู่บ้าน(ยิ้ม) อยู่บ้านเฉยๆเลย พักผ่อนแบบเงียบๆไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แล้วก็มีเค้กจากเพื่อนๆพี่ๆหรือว่าจากคนที่ร่วมงานบ้างครับ ส่งมาให้บ้างนิดหน่อยครับ”

อายุครบ 29 ปีแล้ว คิดเรื่องแต่งงานหรือยัง?
“คิดตั้งแต่อายุ 28 ปีแล้วครับ ใช่ผมตั้งใจนะ คือผมตลกมาก ดูจริงจังใช่มั้ย”

ทำไมดูจริงจัง คนก่อนยังไม่ขนาดนี้?
“ไม่ใช่ มันยังไม่ถึงเวลา คือผมเคยคุยกับคุณแม่คุณพ่อไว้ว่า ผมว่านะประมาณสักอายุ 28 ปี ผมคงเริ่มคิดเรื่องนี้”

กลัวขึ้นคานใช่ไหม?
“ไม่กลัวหรอก(หัวเราะ) คือขึ้นคานก็ดีครับ จะได้ไปบวช คือคุยกับคุณแม่ครับ คุยกับที่บ้านว่าสัก 28 ปี ผมคงเริ่มคิดเรื่องนี้แหละ เพราะว่าตอนนั้นผมสัก 25 นี่แหละ แล้วก็พอ 28 จริงๆเนี่ย ก็คิด เออ…จริง ทำไมมันรู้สึกว่าอยากเริ่มสร้างอนาคต อยากเริ่มสร้างครอบครัวครับ”

อะไรฉุกใจอยากจะสละลายเสือ?
“โห…อย่าเรียกเสือเลยครับผม ผมเป็นผู้ชายปกติ เนี่ยเพราะพี่ๆเลยนะครับเนี่ย ไม่มีใครกล้าคุยกับผมเลย(ยิ้ม) เขาดูข่าวกันนะพี่ ผมอยากอธิบายตัวเองมาก ผมไม่ได้เจ้าชู้หรอกครับ ผมไม่ได้เป็นคนอะไรแบบนั้นหรอก จริงๆแล้วคือแค่แบบถ้าเราโสดอยู่แล้วการที่ผมมีข่าวบ่อยๆ คือสิ่งหนึ่งที่เห็นชัดๆก็คือว่า คนที่เป็นข่าวส่วนใหญ่เป็นน้องแท้ๆเลยครับ น้องที่เราสนิทมากแล้วก็ไม่เคยยุ่ง ล่วงเกิน มีแต่แบบช่วยเหลือเกื้อกูลกันเท่านั้นเอง เราไม่ได้คิดเกินเลยไปกว่าพี่น้องเลยที่เป็นข่าว”

สาวนอกวงการคนนี้จริงจังไหม ถึงมีความคิดภาพแบบนี้เข้ามาในหัว?
“คือช่วงอายุนี้มากกว่า ที่มันเป็นเหตุผลให้เราเริ่มคิด เพราะว่าผมมองไปดูพ่อแม่เขาก็เริ่มมีอายุกันมากๆแล้วผมก็รู้สึกว่าถ้าเรายังไม่คิดเรื่องพวกนี้ เรายังไม่ออกมาทำไรด้วยตัวเอง วันนึงถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้วเราอาจจะเคว้งเกินไปหรือเปล่า ผมเลยต้องเลือกมองหาอนาคตตัวเองแหละ”

ขอบคุณรูปภาพ : y.n.p.k

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5398082
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5398082