หมอเจี๊ยบ ซี่โครงหักหลังชก เชียร์ ฑิฆัมพร ต้องงดปั๊มหน้าอกคนไข้


ให้คะแนน


แชร์

หลังจากที่ หมอเจี๊ยบ ลลนา ต้องซี่โครงหักหลังขึ้นชกมวยกับ เชียร์ ฑิฆัมพร จนเกิดเป็นประเด็นดราม่าขึ้น งานนี้เมื่อได้เจอ หมอเจี๊ยบ ที่งานบวงสรวงภาพยนตร์เรื่อง ไสหัวไป ก็เลยอัปเดตอาการบาดเจ็บ พร้อมกับถามเรื่องดราม่าถึงเกิดขึ้น ซึ่งหมอเจี๊ยบเผยว่า

อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง?
“ดีขึ้นแล้วค่ะ กลับมาทำงานแล้ว คือซี่โครงร้าวก่อนขึ้นชก พอชกไปก็หักเลย สำหรับอาการตอนนี้หายใจก็ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย โดยรวมแล้วโอเค ก็ยังงดออกกำลังกาย ในแง่ของการรักษาคือมันจะติดเอง

ข่าวแนะนำ

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าซี่โครงหักไม่ต้องไปเข้าเฝือก คือเป็นการพักให้มันสมาน กินยาแก้ปวด รักษาไปตามอาการ และเวลาทำงานก็งดปั๊มหน้าอกคนไข้ไปก่อน”

ประเมินอาการตัวเองยังไงบ้าง?
“คือตอนแรกเราก็ไปหาหมอคิดว่าเจ็บกล้ามเนื้อ วันสุดท้ายก่อนขึ้นชก เราซ้อมแล้วทรุดลงไปก็ไปหาหมอ ไปตรวจก็เห็นว่าซี่โครงร้าว สุดท้ายก็หาวิธีจนขึ้นชกได้

สำหรับระยะเวลาในการรักษา เพื่อนที่เป็นหมอผ่าตัดทรวงอกบอกว่าปกติเลยก็ 6 เดือน แต่ 4 เดือนก็เริ่มดีแล้ว แต่เจี๊ยบว่าประมาณ 1-2 เดือนก็ค่อนข้างดีขึ้นแล้ว”

ถือว่าคุ้มกับร่างกายตัวเองมั้ย?
“คือตอนนี้สุดท้ายแล้ว อย่างที่เจี๊ยบโพสต์ไปในอินสตาแกรมว่าเราแค่อยากเป็นแรงบันดาลใจให้คนเฉยๆ ว่าจากคนที่อ่อนแอ ไม่ออกกำลังกาย สุดท้ายขึ้นไปชกมวยได้ อยากเป้นแรงบันดาลใจให้คนหลายๆ คนที่คิดว่าตัวเองทำโน่น ทำนี่ไม่ได้ ไม่กล้าทำ อย่างน้อยเราได้แสดงตรงนั้นจบแล้วสำหรับเจี๊ยบหน้าที่ตรงนั้น

ถามว่าเอาอีกไหม ไม่เอาแล้ว แต่ก็ติดใจนะ มันเป็นกีฬาที่สนุกมาก ตอนนี้ถ้าซี่โรงหายเจ็บก็อาจจะกลับไปต่อยอีก ตอนแรกใครเล่นกีฬานี้อาจจะคิดว่ามันรุนแรง ต่อยต้องใช้แรงอย่างเดียว คือใช้สติปัญญาและสมาธิเยอะมาก การขึ้นไปอยู่ตรงนั้นได้ต้องมีสมาธิ พอไม่มีสมาธิทุกอย่างที่เรียนมา มันขึ้นไปแล้วมันเหลือไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์”

เจ็บขนาดนี้พยาบาลส่วนตัวดูแลดีมั้ย?
“ดูแลดีมาก เป็นข้ออ้างที่ไม่ต้องทำอะไร อยากได้อะไรทำตัวนิ่งๆ เมื่อก่อนจะหยิบน้ำเราก็ต้องเดิน ตอนนี้สบาย ไม่ต้องทำอะไรเลย (หัวเราะ)”

วันที่เราเจ็บ เขาว่ายังไงบ้าง?
“เขาร้องไห้เลย เพราะเขาเห็นเราวันก่อนขึ้นชก เราร้องไห้กลัวจะขึ้นชกไม่ได้ ทุกคนเฝ้ารอดู มันกะทันหันมาก เพราะตอนเช้าเราคิดว่าเจ็บกล้ามเนื้อเฉยๆ ก็อยู่ย่างนั้นทั้งวัน จนซ้อมแล้วเป๊าะ มันเจ็บมาก พอไปหาหมอก็เห็นว่าร้าว พอคุณหมอช่วยหาวิธีได้ ก็สบายใจขึ้น เพื่อที่จะได้ไปทำหน้าที่ของเราให้เสร็จ”

ตอนนั้นอยากถอนตัวมั้ย?
“ใครก็อยากถอน จริงๆ คิดว่าถ้ามีเวลาพักให้หายก็คงดี แต่ด้วยความที่เราทำตรงนี้มานาน สมมติการที่จะยกกองละครกองนึงตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยยกเลิกเลย วันนี้ไม่สบายไปถ่ายละครไม่ได้ ไม่เคยมี เจี๊ยบว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ เป็นรายการสด หลายๆ อย่าง เรารู้สึกว่ามันจะทำได้เหรอ”

นี่เป็นครั้งแรกที่เราต้องซ่อมร่างกายมั้ย?
“ใช่ๆ ชุดใหญ่มากจริงๆ แต่สุดท้ายแล้วคิดว่าอย่างน้อยก็คงมีสิ่งดีๆ กลับมาให้ใครหลายๆ คน”

เราทำเต็มที่แต่ก็ยังมีดราม่า?
“เจี๊ยบว่ามันเป็นสิ่งทั่วไปของกระแสเหล่านี้ ความคิดคนมีหลายรูปแบบอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราแค่รู้ว่าเราทำอะไร เราหน้าที่ดีที่สุดแล้ว เราเต็มที่ของเรา แค่นั้นพอใจแล้ว

เจี๊ยบสนใจแค่ว่าอย่างน้อยเราได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คน กับสิ่งที่เราทำมานาน แค่เห็นคนรอบข้างภูมิใจในสิ่งที่เราทำ ก็โอเคแล้วค่ะ”

กับ เชียร์ ฑิฆัมพร เราได้คุยกันมั้ย?
“ได้คุยๆ เพิ่งไปถ่ายรายการด้วยกัน ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม เขาก็ดีขึ้นแล้ว คนนั้นเขาแข็งแรง เขาก็เป็นห่วงเราว่าทำไมไม่บอกก่อน เขากลัวว่าถ้าเราเป็นอะไรไป แต่อย่างที่บอกด้วยความที่เราอาจจะเป็นหมอไง เรื่องพวกนี้เราเจอบ่อย เรารู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น

เพื่อนที่เชียร์ข้างสนามเป็นหมอทั้งหมด เรารู้ว่าความอันตรายมันอยู่ตรงไหน เราสามารถรับความเสี่ยงตรงนั้นได้ มันอาจจะน่ากลัวสำหรับคนทั่วไป

พอเป็นเรา เราเป็นหมอฉุกเฉินด้วย อาจจะไม่ได้คิดเหมือนคนอื่น สุดท้ายแล้วก็เข้าใจว่าหลายคนเป็นห่วงเรา เราอาจจะคิดน้อยไปหน่อย แต่วันนั้นแพทย์สนามเยอะ”

ดราม่าไม่ได้บั่นทอนเราใชมั้ย เรื่องคะแนนที่อาจจะค้านสายตา?
“สุดท้ายแล้วเจี๊ยบยอมรับผลการตัดสิน เพราะมาจากกรรมการ กรรมการบอกยังไงคือหน้าที่ของกรรมการ เจี๊ยบเชื่อว่าทุกๆ คนทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในสิ่งที่เขาทำ

อย่างเจี๊ยบไม่ได้มีหน้าที่ในการสงสัยในผลตัดสินหรืออะไร เราทำหน้าที่เราจบแล้ว เรายอมรับคำตัดสินใจ เรามีน้ำใจนักกีฬา เกมจบเราจบ แค่นั้นพอค่ะ”

ถ้าร่างกายเราหายดีแล้ว จะกลับไปต่อยมวยอีกมั้ย?
“แน่นอนค่ะ เพราะรู้สึกติดใจในกีฬานี้ อาจจะไปแข่งที่อื่นอีก เดี๋ยวหายแล้วว่ากันอีกที ยอมรับเลยว่ามวยเป็นกีฬาที่เหนื่อยมาก จากคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายมา 3 ปี แค่เดินขึ้นบันไดก็เหนื่อยแล้ว กลายเป็นสามารถวิ่งได้ 5-6 กิโลเมตร โดยที่ไม่เหนื่อย

และสามารถยืนชกได้ ก็ต้องขอบคุณครูฝึกทุกคน ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองว่าเราสามารถแข็งแรงได้ อยากเป็นกำลังใจให้ใครหลายๆ คนที่ไม่คิดจะออกกำลังกาย ถ้าเราไม่ลุกขึ้นทำวันนี้ เราไม่รู้หรอกว่าเป็นหมายอยู่ที่ไหน

แล้วเราก็จะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น เวลาคนเรามีพลังจะรู้สึกไม่เหนื่อย ทำอะไรแล้วจะมีความสุข ทุกอย่างจะง่ายขึ้น เรียนรู้อะไรจะสนุกขึ้น เจี๊ยบอยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนหันมาออกกำลังกาย เจี๊ยบก็จะกลับไปออกกำลังกายหลังจากหายดีแล้ว”

อ่านเพิ่มเติม…

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1983999
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1983999