2020 แรงชัดจัดเต็ม "ดารา" แสดงออกทางการเมือง ไม่หวั่นทัวร์ลงเต็มโซเชียล


ให้คะแนน


แชร์

โฟกัส จีระกุล

กลายเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก เมื่อนักแสดงสาวหน้าใส โฟกัส จีระกุล โพสต์ไอจีประณามการกระทำของตำรวจที่สลายการชุมนุมของคณะราษฎร เมื่อ 16 ต.ค. 2563 และประกาศเลือกข้างประชาธิปไตย พร้อมทั้งขอให้หยุดคุกคามทำร้ายประชาชน และบอกว่าหากใครไม่พอใจตนให้อันฟอลโลว์ไอจีได้เลย

งานนี้เลยเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่โฟกัสก็ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์และโพสต์แสดงความชัดเจนทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง และเกิดเหตุการณ์ดราม่าเต็มๆ เมื่อโฟกัสไปร่วมรายการมวยดัง 10 Fight 10 เพื่อให้กำลังใจ เจมส์ กิจเกษม และแน็ก ชาลี แต่ชาวเน็ตกลับมองว่าทางรายการไม่ได้ให้ซีนกับโฟกัส ซึ่งเป็นทั้งแฟนของเจมส์และเพื่อนซี้ของแน็ก จนถูกมองว่าที่เป็นแบบนี้เพราะมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่โฟกัสก็ไม่ได้ซีเรียสกับประเด็นที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ โฟกัสเผยถึงเหตุผลที่แสดงออกเรื่องการเมืองว่า จริงๆ ตนสนใจเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เลือกที่จะไม่พูด แต่จุดเปลี่ยนคือวันที่ตำรวจสลายการชุมนุมของคณะราษฎร เพราะรู้สึกว่าเด็กไม่ผิดอะไรที่จะเรียกร้อง แต่ทำไมถึงมีการใช้ความรุนแรงทั้งที่ออกมาเรียกร้องอย่างสันติ หากอยู่เฉยๆ ก็รู้สึกอายจึงตัดสินใจพูด และคิดว่าจะออกมาเป็นแม่ค้า ไม่เป็นดาราแล้วเพราะคิดว่าไม่มีคนจ้างแน่นอน ด้านคุณแม่ถึงกับยอมขายบ้านหากไม่มีงานในวงการ

และผลจากการแสดงจุดยืนทางการเมือง แม้จะมีดราม่ามากมาย แต่โฟกัสยังคงมีงานต่อเนื่อง ทั้งงานพรีเซ็นเตอร์โฆษณา รีวิวสินค้า รวมไปถึงการได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการศึกษาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมและอีสปอร์ต สภาผู้แทนราษฎร ด้วย

มารีญา พูลเลิศลาภ

เดินหน้าผลักดันพลังคนรุ่นใหม่มาตั้งแต่เวทีนางงามจนถึงเวทีการเมือง สำหรับนางงามสาว มารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 ซึ่งหากหลายคนยังจำกันได้ มารีญาแสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2017 เมื่อ 26 พ.ย. 2560 ว่า “แม้เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่การขับเคลื่อนทางสังคมที่สำคัญที่สุดคือเยาวชนคนรุ่นใหม่ พวกเขาคืออนาคต คือสิ่งที่เราควรลงทุน เพราะพวกเขาคือคนที่จะมาดูแลโลกใบนี้ต่อไป” 

ซึ่งหลังจากนั้นมารีญายังคงเดินหน้าสนับสนุนการแสดงความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นทางการเมืองจากหลากหลายเหตุการณ์ 

โดยมารีญาได้ให้เหตุผลที่ไปร่วมเรียกร้องทางการเมืองไว้ว่า เพราะเห็นความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น จึงปล่อยมันไปไม่ได้ ไม่อยากเป็นแค่ Influencer ที่พร้อมจะขายของให้คนอย่างเดียว ต้องทำอะไรตอบแทนสังคมด้วย

ซึ่งมารีญาเองก็ยอมรับว่าหลังจากประกาศจุดยืนชัดเจนก็ถูกยกเลิกงานด้วย แต่คิดว่าต้องเดินหน้าและจริงใจกับตัวเอง การที่มีผลกระทบต่องานและเกิดความกลัว ยิ่งทำให้รู้สึกว่าต้องพูดอะไรสักอย่าง เพราะไม่ควรรู้สึกกลัวในบ้านในพื้นที่ของตนเอง

อีกทั้งบอกว่า “หลายคนในวงการไม่กล้าแสดงความคิดเห็นด้านการเมือง การเมืองมันเกี่ยวข้องกับอนาคตของเราทุกคน เราจะไม่พูดในสิ่งที่สำคัญเหรอ เลยอยากเป็นหนึ่งคนที่อยากจะพูดสิ่งนี้ เราไม่ได้ทำอะไรผิด”

ต้อม ยุทธเลิศ

เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจนเช่นกัน สำหรับ ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ที่เคยออกมาแสดงความคิดเห็นถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางทวิตเตอร์ว่าให้ลาออก เพราะปัญหาอยู่ที่อีกฝ่ายคนเดียวที่ไม่เหมาะกับระบอบประชาธิปไตย เหมาะกับระบอบเผด็จการมากกว่า พร้อมทั้งบอกว่าอย่าดันทุรังดันประเทศให้พังไปกว่านี้

และทำเอาหลายคนฮือฮา เมื่อผู้กำกับหนุ่มสนใจไอเดียของผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งที่เสนอให้ระดมทุนสร้างภาพยนตร์ของประชาชน จนเกิดโครงการ “นายทุน 100 บาท สร้างหนัง 100 ล้าน” ซึ่งภาพยนตร์ดังกล่าวคือ “1410 : A MASSACRE VOYAGE” ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวไซไฟ-ทริลเลอร์ เนื้อหาเกี่ยวกับหนุ่มสาวลุกขึ้นสู้กับอำนาจเผด็จการ พร้อมทั้งเผย 5 นักแสดงนำที่จะมาร่วมงาน คือ มายด์ ภัสราวลี สมาชิกกลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย, แอมมี่ The Bottom Blues, ทราย เจริญปุระ, เพชร กรุณพล, เมนู สุพิชฌาย์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จาก จ.เชียงใหม่

แต่ก็มีดราม่า เมื่อมีคนอ้างว่าตนได้ถามถึงความโปร่งใสในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้ และจะขอเงินคืน แต่กลับถูกนำข้อมูลส่วนตัวไปประจาน อีกทั้งยังขู่ฟ้องดำเนินคดีด้วย

ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าก่อนหน้านี้ ต้อม ยุทธเลิศ เคยทำภาพยนตร์ “ปิตุภูมิ พรมแดนแห่งรัก Fatherland” เมื่อปี 2556 นำแสดงโดย ใหม่ ดาวิกา, อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม, เวียร์ ศุกลวัฒน์, เบลล่า ราณี ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการพูดถึงปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการถ่ายทำครั้งนี้ ต้อมและทีมสร้างลงทุนไปหาข้อมูลในพื้นที่จริง อีกทั้งยังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในสถานที่จริงหลายแห่ง

แต่เพราะเป็นประเด็นที่อ่อนไหว จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งในภายหลังได้เปลี่ยนชื่อหนังเป็น “ราชิดา” ที่มาจากชื่อตัวละครหลักที่ใหม่ ดาวิกา นำแสดง ก่อนจะฉายให้ชมครั้งแรกเมื่อ 19 ก.ย. 2563 ณ ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่าจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้กำกับดังออกมาเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจน

บิณฑ์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์

เป็นนักแสดงฝาแฝดที่ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือคนในสังคมมาตลอด สำหรับ ท็อป บิณฑ์ และ ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งคู่มาทำหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญ คอยช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนมายาวนานกว่า 34 ปี และไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ แต่ในระยะหลังที่มีการประท้วงโดยม็อบคณะราษฎร ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมถึง ท็อป-ไทด์ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเผ็ดร้อน

โดยทั้งคู่มองว่าการกระทำบางอย่างของผู้ประท้วงบางคนเป็นการจาบจ้วง ซึ่งทำให้ทั้งคู่รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก และบิณฑ์เผยว่าถ้าตนอยู่ในเหตุการณ์เด็กชูนิ้วกลางให้ขบวนเสด็จฯ ในวันนั้น ตนจะตบและยอมติดคุก แต่กลับกลายเป็นคนเข้าใจผิดว่าบิณฑ์จะไปตบเด็กที่ชูสามนิ้ว จนทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก จึงทำให้บิณฑ์ไลฟ์สดชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และถามว่าตนผิดอะไรที่ปกป้องสถาบัน พร้อมทั้งขอลาออกจากมูลนิธิร่วมกตัญญู เมื่อ 26 ต.ค. 2563 ที่ผ่านมา

ส่วนไทด์ เอกพันธ์ ยังคงเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิร่วมกตัญญูต่อไป พร้อมทั้งบอกว่าหากพี่ชายตนจะกลับมาทำงานในมูลนิธิอีก ทุกคนก็ยินดีต้อนรับเหมือนเดิม นอกจากนี้บิณฑ์ยังเคยโพสต์ข้อความประกาศนัดรวมพลคนไทยที่ยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในหัวใจ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำจาบจ้วงสถาบันที่วัดพระแก้วด้วย

โอ อนุชิต

ชัดเจนแบบจัดเต็มเช่นกัน สำหรับนักแสดงหนุ่มเข้ม โอ อนุชิต สพันธุ์พงษ์ ที่แสดงจุดยืนต่อต้านการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเสนอของม็อบคณะราษฎร โดยก่อนหน้านี้หนุ่มโอก็ได้โพสต์ภาพและเขียนข้อความแสดงความรักพระเจ้าแผ่นดิน แต่กลับมีผู้แสดงความคิดเห็นว่า “เพราะรักถึงอยากให้ปฏิรูปให้โปร่งใสตรวจสอบได้”

งานนี้หนุ่มโอไม่รอช้า ตอบกลับความคิดเห็นดังกล่าวว่าเรามีหน้าที่อะไรไปตรวจสอบ ตนอาจจะรักและเคารพสถาบันแบบไม่ลืมหูลืมตาในสายตาคนอื่น แต่ไม่เห็นถึงปัญหาอะไรกับเรื่องที่เรียกร้องกันอยู่ พร้อมทั้งขอโทษหากคำตอบไม่ถูกใจ แต่ขอบคุณมากๆ สำหรับการแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มากมาย

และยิ่งชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อหนุ่มโอทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “ข้าพเจ้านายอนุชิต สพันธุ์พงษ์ ขอสนับสนุนให้ใช้ มาตรา 112 ต่อผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด ข้าพเจ้าไม่มีปัญหาอะไรกับมาตรานี้ครับ ปล. ขอให้ลงโทษผู้กระทำผิดแบบสุดๆๆๆ ไปเลยนะครับ”

แต่หลังจากนั้นกลับเกิดดราม่า เมื่อชาวทวิตเตอร์วิจารณ์ถึงเรื่องดังกล่าวและแห่ติดแฮชแท็ก #แบนโออนุชิต พร้อมทั้งบอกว่าจะเลิกติดตามผลงาน จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 แต่ก็มีหลายคนที่เห็นด้วยและส่งกำลังใจให้ ติดแฮชแท็ก #saveโออนุชิต และติดเทรนด์ทวิตเตอร์เช่นกัน

อุ๊ หฤทัย

โด่งดังจากการเป็นนักร้องที่มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ สำหรับ อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี ที่เคยฝากผลงานในฐานะนักร้องนำวง Paper Jam ก่อนจะกลายเป็นนักร้องเดี่ยว และเข้าสู่แวดวงการเมืองในปี 2549 โดยได้รับเลือกเป็น ส.ข.พระโขนง ในนามพรรคประชาธิปัตย์ และในปี 2553 ก็ได้รับเลือกเป็น ส.ข.พระโขนง เป็นสมัยที่ 2 ซึ่งก่อนที่อุ๊จะลงสู่สนามการเมือง อุ๊เคยเผยถึงวันวานของตนเองว่าเคยถูกจับเพราะไปประท้วงในช่วงพฤษภาทมิฬ ปี 2535 จนถูกขังคุก 2 คืนมาแล้ว

นอกจากนี้ในปี 2557 อุ๊ หฤทัย เคยขึ้นเวทีปราศรัยกลุ่ม กปปส. นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในเวลานั้น และ ปี 2562 ที่ผ่านมา อุ๊ถูกพูดถึงอีกครั้งหลังโพสต์วิจารณ์การเมืองอย่างเผ็ดร้อน รวมทั้งโพสต์ท้าทาย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ในเวลานั้นว่า “ปิยบุตรอยู่ไหน ขอท้าออกมาพูด จะได้รู้ว่านรกมีจริงในการดีเบต” ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

และกลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่ออุ๊ หฤทัย ในฐานะกรรมการกลุ่มไทยภักดี นำมวลชนแสดงจุดยืนในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย

รวมทั้งการดีเบตกับ ไผ่ ดาวดิน ในรายการ “ถามตรงๆ กับจอมขวัญ” ทางช่องไทยรัฐทีวี เพื่อหาทางออกวิกฤติการเมืองไทย และถึงแม้ทั้งคู่จะแสดงความคิดเห็นในมุมของตนเองอย่างดุเดือด แต่หลังจบรายการทั้งคู่ก็จับมือกันหลังฉาก และอุ๊ก็ได้ฝากถึงไผ่ว่า “อย่าตกเป็นทาสอเมริกา และจุดแข็งของประเทศไทยคือสถาบันพระมหากษัตริย์” ด้วย

ต้องถือว่าปี 2020 การแสดงความคิดเห็นทางเรื่องการเมืองในประเทศไทยเปิดกว้างขึ้นมาก ทุกคนชัดเจนและจัดเต็มทุกอณู.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : นสพ.ไทยรัฐ, แฟนเพจ Fc.tide2tide -เอกพันธิ์ บรรลือฤทธิ์, อินสตาแกรม @focusbabyhippo, @marialynnehren, @yuhtlert.nmg, อินเทอร์เน็ต
กราฟิก : Phantira Thongcherd

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2001829
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2001829