ทำความรู้จัก เก้า-อัพ ส่งซีรีส์สุดน่ารัก #นับสิบจะจูบ เอาใจสายวาย


ให้คะแนน


แชร์

อัพ “สวัสดีครับ ผม อัพ ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง รับบท จีน ครับ คือเรื่อง นับสิบจะจูบ เป็นซีรีส์ในซีรีส์อีกที่หนึ่ง บอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ธรรมดา เหมือนได้ดูหนังหลายเรื่องมารวมกัน”

เก้า “เป็นแนวคอเมดี้โรแมนติก ชื่อจะบอกเป็นแนวคอเมดี้โรแมนติก แต่ในเรื่องจะมีครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นดราม่า สยองขวัญ แฟนตาซีก็มี”

อัพ “ใช้เวลาในการถ่ายทำประมาณ 3 เดือนได้ครับ ถ้ารวมพรีโปรดักชั่นด้วย เวิร์กชอปด้วยประมาณ 4 เดือน”

เก้า “จะบอกว่า เรา 2 คนยังไม่เคยทำงานด้วยกันเลย เจอครั้งแรกก็เกร็งๆ แบบว่ายังไม่เคยรู้จักกัน ไม่รู้ว่าเขามีนิสัยใจคอเป็นยังไง ผมได้รู้จักเขามาผมก็ได้อะไรหลายๆ อย่างจากเขาเหมือนกัน ไหนจะเรื่องความคิดในการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตต่างๆ เป็นคนที่ค่อนข้างเป๊ะมาก เราก็นำหลายอย่างที่ได้จากเขามาปรับใช้กับชีวิตของเรา เขาก็ให้คำแนะนำกับเราตลอด”

อัพ “ใช่เกร็ง แต่พอได้คุยกันแล้วผมก็รับรู้ได้ว่าเก้าเป็นคนจริงใจ ไม่ว่าจะกี่ที ที่ถามผมก็จะบอกเก้าเป็นคนจริงใจจริงๆ ผมรู้สึกว่าการที่คุยกับเขามันได้รู้สึกเปิดใจ ผมว่ามันทำให้การทำงานของเราออกมาในทางที่ดีมากขึ้น”

เก้า “เรียกได้ว่าเราเปิดใจกันตั้งแต่วันแรกเลย”

มาเล่นซีรีส์วาย เหมือนได้ก้าวผ่าน Comfort Zone ของตัวเอง

อัพ “นับสิบจะจูบ เป็นซีรีส์วายเรื่องแรกของผมครับ ถามว่าเปลี่ยนมั้ยผมว่าเปลี่ยนแน่นอนอยู่แล้วครับ เพราะว่าตัวเราเองไม่เคยมีความคิดว่าจะมารับเล่นซีรีส์วายด้วยตอนแรก แต่ด้วยความคิดที่เราคิดว่า เราอยากก้าวข้ามผ่าน Comfort Zone ของตัวเอง ก้าวผ่านกรอบที่ตัวเองเคยตั้งไว้ เอาน่ะลองดูสักตั้ง

พอได้เล่นผมต้องบอกว่าโชคดีมากๆ ที่เป็น เก้า คือเราค่อนข้างสนิทกันในระดับหนึ่ง คุยกันได้ทุกเรื่อง แล้ว เก้า ก็ช่วยผมในหลายๆ เรื่อง เพราะว่าตัว เก้า เคยผ่านตัวซีรีส์วายมาก่อน สมมติว่าเราผ่านไป 1 ฉาก พอจบปุ๊บเราสามารถกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้เลย สามารถลับมาคุยในฐานะ อัพกับเก้า ได้

คุยกันถึงสิ่งที่ผ่านมาเลยทำให้การทำงานผ่านไปได้ด้วยดีแล้วก็เข้าใจกันมากขึ้น ด้วยความที่เราค่อนข้างโตแล้วในระดับหนึ่ง แล้วคนในกองก็อายุไม่ได้ห่างกันมาก ทุกอย่างเลยค่อนข้างจะซิงก์กัน”

เก้า “ส่วนตัวผมไม่ได้คิดอะไรมากกับบทซีรีส์วาย ผมรู้สึกว่ามันเป็นงานเป็นบทละครเหมือนกัน ละครซีรีส์วายทุกเรื่องที่ผมได้รับโอกาสเล่นก็เทียบเท่ากับละครใหญ่ทุกเรื่อง เพราะจะมีบทที่คล้ายๆ กันหมด มีเส้นเรื่องดราม่าก็ดราม่าหนักๆ แต่ที่สำคัญคือซีรีส์วายของเรามีให้มุมมองคนดูมากเหมือนกันนะครับ ไม่ว่าจะเป็นมุมมองด้านสังคม แง่คิดอะไรต่างๆ”

“แต่ผมยังไม่ดูเลยครับ ต้องยอมรับว่าผู้กำกับค่อนข้างแอบตัด มีถามมาบ้างว่าเป็นยังไงบ้าง ผมอยากดู เขาก็บอกรอดูพร้อมกัน เราก็เชื่อในมือเขาอยู่แล้ว ถามมีฉากกุ๊กกิ๊กเลิฟซีนมั้ย มีเยอะมาก อยากให้ทุกคนดูครับ”

อัพ “แต่ละซีนมันมีความหมาย มีอารมณ์ มีความรู้สึกที่แตกต่างกันหมด ความรู้สึกที่แตกต่างแบบนี้ตัวพี่ตี๋เองเวลาถ่ายเขาก็จะนั่งหน้ามอนิเตอร์ เขาก็พยายามที่จะปั้นมันออกมาให้ดีที่สุด ตัวเราเองถามว่าบางซีนเล่นหลายเทคมั้ย มันก็หลายเทค แต่ว่าด้วยความที่เราเชื่อใจกันและกัน ด้วยตัวนักแสดงกันเอง และทีมงานทุกคน

มันทำให้เราคิดว่าทุกซีนที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นกุ๊กกิ๊ก ซีนปกติ ซีนดราม่า หรือซีนใดๆ ก็ตามในเรื่อง เพราะตัวเราบางทีเราถ่ายมันค่อนข้างสตริกมาก ว่าแบบโอเคเวลานี้ๆ เราเลยไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้าไปดูตัวเองบ่อยขนาดนั้น สมมติเวลาเราเล่นเสร็จเข้าไปดูหนังมอมอนิเตอร์ อะไรแบบนี้ ผมเชื่อใจจริงๆ เลยว่าทางทีมงานทุกคนพยายามทำออกมาให้ดีที่สุด”

อัพ “บรรยากาศการทำงานในกองซีรีส์ มีทั้งฉากที่เครียด แล้วก็ฉากที่สนุกมากๆ ก็มีขนาดการทำงานเองยังมีครบทุกรสชาติขนาดนี้ ผมรู้สึกว่าในภาพที่ออกไปถึงคนดูทุกคนก็จะได้รับความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน”

เก้า “เวลาทำงานในกองสนุกสนานมาก แต่ว่าเราต้องแบ่งว่าเวลาเราเข้าบท หรือกลับมาทำงานมันก็จะซีเรียส”

ขอบคุณทุกโอกาสที่เข้ามา

เก้า “ผมเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงได้ประมาณ 5 ปีแล้วครับ เริ่มจากแคสต์โฆษณามาเรื่อยๆ ไม่ได้คิดหรอกครับว่าเราจะมาเป็นนักแสดงอาชีพ เราอาจจะเป็นแค่นายแบบ หรือเดินแบบ แล้วมันมีโอกาสที่จะให้เรามาเป็นนักแสดง คือก็จากผลงานจากที่ทางผู้ใหญ่มอบให้

แล้วพอเราเริ่มเข้ามาเป็นนักแสดงก็เริ่มมีฐานน้องๆ แฟนคลับ เขาก็เริ่มเหมือนคาดหวังในตัวเรา เขาอยากให้เรามีผลงานออกมาเรื่อยๆ เขาก็คอยผลักดันเรา ทำให้ผูกพันแล้วเรารักในอาชีพนี้ไปเอง ทำให้เราต้องคอยพัฒนาตัวเองเพื่อให้พี่ๆ น้องๆ เขาภูมิใจกับเรา แล้วก็เพื่อตัวเราด้วย หลังจากนี้มาก็พร้อมรับทุกโอกาสที่จะทำ”

อัพ “ผมเข้ามาตอนที่เรียนอยู่ปี 1 อายุ 18-19 ตอนนี้อายุ 26 ครับ ตอนนี้เรียกปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ก็ค่อนข้างหนัก งานเราก็เต็มที่ คือการเรียนมันเปลี่ยนไปพอเป็นปริญญาเอกมันเปลี่ยนไปเยอะมาก ถ้าเราไม่แบ่งเวลาให้ดีมันก็จะไปไม่รอด

มันก็เข้าสู่การที่เราต้องยอมเสียอะไรบางอย่าง ยอมที่จะไม่ไปเจอเพื่อน ยอมทำอะไรที่เราชอบน้อยลง เวลาพักผ่อนน้อยลง แต่ว่าเราก็คิดว่ามันคุ้มกับการที่เราแลกสิ่งเหล่านี้ไป”

อายุเป็นเพียงตัวเลข ความสัมพันธ์ระหว่างวัยไม่มีปัญหา

เก้า “ไม่มีครับ ถึง อัพ อายุน้อยกว่าผม หรือมากกว่าผม ผมก็สามารถทำงานได้ เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยถือตัว แต่ถ้าสมมติเขาเป็นฝ่ายที่อายุมากกว่าผม ผมก็จะเข้าหาในฐานะรุ่นน้องที่ทำให้เขาสามารถคุยกับเราได้ทุกเรื่อง ถึงมาในฐานะที่อายุน้อยกว่าผม ผมก็จะไม่ถือตัวเป็นพี่ ที่คุณต้องอย่างนั้นอย่างนี้นะ แต่ว่าเราจะเปิดใจให้เขา ผมว่ามันเป็นแบบนี้ถึงทำงานด้วยกันได้”

อัพ “ต่างคนต่างเปิดใจให้กัน มันส่งผลมากต่อการทำงาน ยิ่งต้องเล่นคู่กันแล้ว ยิ่งต้องเข้าใจ มีความรู้สึกถึงกันและกัน ให้ได้มากที่สุด”

เก้า “เราคุยกันบ่อยนะครับ มีไลน์คุยกันบ้าง ชวนไปนู้นนี่ เพราะผมก็สนิททั้งอัพ ทั้งผู้จัดการของอัพ คุยกันเหมือนพี่น้อง ยิ่งผู้จัดการอัพ พี่จั๊ดผมยิ่งสนิทมากก็จะชวนกันไปทานข้าวประจำ มีอะไรก็ฝากของบ้าง”

ผลงานที่ผ่านมาก็ไม่ธรรมดา

เก้า “ก่อนหน้านี้ผมก็เล่นละคร ก่อนหน้าก็เล่นเรื่อง ด้ายแดง เป็นซีรีส์วายครับ แล้วก็รับงานอีเวนต์ต่อเนื่อง มีโปรเจกต์เพลงกับน้องๆ ศิลปินอีกหลายคน ทำเพลง แล้วก็มีคอนเสิร์ตใหญ่ BE MY BOYFRIENDS CONCERT ที่เพิ่งจบไปไม่นานครับ”

อัพ “เมื่อก่อนจะเป็นพวกโฆษณาไวรัล แล้วก็ขยับมาได้แสดงซีรีส์เรื่อง เด็กใหม่ (Girl from Nowhere The Series) หรือ แนนโน๊ะ อะครับ แล้วก็ GGEZ (จีจีอีซี่) ครับ เป็นซีรีส์เกี่ยวกับเกม แล้วก็ไปเรียนต่อพอดี ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะกลับเข้ามาทำอันนี้ต่อ พอเรามีโอกาสด้วยอะไรด้วย เราก็โอเคลองดูดีกว่าว่าเราจะไปได้สุดแค่ไหน”

“งานที่เกาหลีตอนนั้นมันเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ครับที่เกาหลี ก็เหมือนมีคนติดต่อมาจากเกาหลีว่าอยากให้ไปลองรายการนี้ดู แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นมายังไง ชื่อรายการ Babel 250 เขาเชื่อว่าคนเราสามารถอยู่ร่วมด้วยกันได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดภาษาเดียวกัน ด้วยความเป็นมนุษย์มันคอนเน็กกันได้ แล้วก็ให้สร้างภาษาใหม่ขึ้นมาด้วยกัน

สนุกดีครับผม เป็นการทำงานที่ค่อนข้างโปรเฟสชันแนลมากๆ แล้วตอนนั้นเรายังไม่มีโอกาสได้ทำงานด้านนี้แบบเต็มตัว เลยทำให้กดดันในระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ คือเหมือนทางเกาหลีเขาค่อนข้างเป๊ะมากๆ แต่มันก็เป็นการเปิดประสบการณ์บางอย่างให้เรา แล้วเราก็นำมาปรับใช้ในการทำงาน ต่อๆ ไปเช่นกัน (เก้า แทรกขึ้นมาว่า ผมโชคดีนะเนี่ยกลับมาเจอคุณ)”

“ตอนที่ไปเรียลลิตี้ที่เกาหลี ไปไม่นานครับ ประมาณ 2-3 อาทิตย์ แต่ได้หลายอย่างมากกว่าเรียลลิตี้ ได้เพื่อนด้วย ได้อะไรด้วย ได้รู้จักคนที่นู่นด้วย ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังติดตามกันอยู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ทุกครั้งที่ไปเกาหลี เข้าก็จะมาเจอมาหา น่ารักมากครับ”

คาดหวังกับทุกงานที่เข้ามา ทำอย่างเต็มที่สุดฝีมือ

เก้า “ถ้าหันหลังกลับไปมองตัวเอง ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้ามา ผมรู้สึกมาไกลมากครับ จากนายแบบซื่อๆ แต่พอมองย้อนหลังกลับไปเราก็ยังคิดว่า ถ้ามองในแบบมุมประเมินตัวเองเราก็ยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่เราต้องก้าวข้ามมันไป พัฒนาอีกเยอะพอสมควรเลยครับ แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็รู้สึกว่า ถือว่าคุ้มแล้ว ที่เราพยายามทำกับมัน”

อัพ “อย่างแรกเลยคือ เราได้พัฒนาสกิลต่างๆ มากขึ้นที่หาได้จากวงการบันเทิง เช่น การพูด เพราะมันสามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันด้วย พอมองกลับไปตัวผมเองก็ไม่ได้เพอร์เฟกต์ ทุกวันนี้ก็ต้องเรียนเพิ่ม ยังต้องศึกษาพัฒนาตัวเองเพิ่มก็หวังว่าจะพัฒนาตัวเองไปได้มากกว่านี้ ทำให้มันออกมาได้ดีกว่านี้”

เก้า “คาดหวังว่าผมจะทำได้ดีขึ้นในทุกโอกาสที่ผมได้รับมั้ย แล้วก็ทำให้คนดูได้รู้ว่าเราตั้งใจนะ ทุกคนทีมงานตั้งใจนะ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้วครับ”

อัพ “ความคาดหวังมันเกิดจากการที่ว่า เราอยู่ในการทำงานนี้ เราได้เห็นเบื้องหลังทุกอย่าง เห็นคนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับซีรีส์เรื่องนี้ ผมเห็นเลยว่าทุกคนตั้งใจมากๆ ถ้าเต็มร้อยผมให้ได้มากกว่านั้นผมให้แล้ว ด้วยความตั้งใจเหล่านี้เลยทำให้ผมคาดว่าทุกคนที่ได้ดูได้สัมผัสถึงความตั้งใจของพวกเราทุกคนเช่นกัน”

ยกให้ครอบครัวคืออีกหนึ่งกำลังใจสำคัญของชีวิต

อัพ “ตอนที่เข้ามาทำงานในวงการนี้ แรกๆ ก็สนุกๆ ไม่ได้มีอะไร แล้วพอเริ่มจริงจังมากขึ้นคุณพ่อผมก็กลัวว่ามันจะยั่งยืนรึเปล่า ซึ่งผมรู้สึกว่าโอเคเขาก็เป็นห่วงเรา พอทำมาสักพักเขาก็เข้าใจ”

เก้า “ที่บ้านไม่ได้ว่าหรือซีเรียส เขากลับสนับสนุนด้วยซ้ำครับ เพราะว่าตอนเราทำแรกๆ เราก็กังวล แต่ว่าเขาเป็นห่วงด้วยนิสัยเราที่เป็นคนขี้อาย เขาก็คอยดูอยู่ห่างๆ เวลาที่เรามีปัญหาเขาก็จะเข้ามาให้คำปรึกษาคำแนะนำ เขาแค่เป็นห่วงว่าเราทำ เราจะรอดมั้ย แต่ผมก็คอยพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรถ้าพูดถึงภาพรวม”

เก้า “พอผมมีฐานแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น เขามอบให้ผมหลายอย่างๆ ทั้งโอกาส คอยสนับสนุนคอยให้กำลังใจผมมา คอยฝากผู้ใหญ่ให้เห็นผม พอผมได้รับโอกาสนี้ผมก็ตอบแทนเขาด้วยการทำเต็มที่ มันก็เลยเป็นความผูกพันเลยยึดมาเป็นอาชีพหลัก

ตอนเด็กๆ นิสัยยังไงเหรอ คือผมจะเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ครับแต่เวลาอยู่กับเพื่อนผมก็จะพูดเยอะกว่าอยู่กับตัวเองครับ พอเวลาอยู่กับตัวเองคนมองมาเขาอาจคิดว่าผมหยิ่ง ยิ้มน้อย หน้าตึง แต่เวลาอยู่กับเพื่อนผมก็เป็นปกตินะ มันแค่ผมมีหลายมุม”

อัพ “ผมค่อนข้างเนิร์ด เป็นเด็กเรียน แต่พอตอนเด็กๆ ย้ายโรงเรียนมาก็ไม่อยากเป็นเด็กเนิร์ดแล้ว อยากซ่าๆ บ้าง (หัวเราะ) แต่ว่าด้วยความที่เราเป็นลูกคนเดียว แล้วก็ยังเป็นหลานคนเดียวของคุณย่า มันมีความกดดันตั้งแต่เด็กว่าเราต้องเรียนให้ดี มีความรับผิดชอบ ต่อไปมันคือเรานะที่ต้องดูแล

เรามีคนเดียวไม่มีใครแบ่งเบาภาระ ผมก็เลยโตมาเป็นความคละของความซ่า ความสุดหลายๆ อย่าง กับความที่ว่าเราต้องแบกภาระนี้ไว้ เราต้องแบ่งเบาภาระพ่อแม่ รวมถึงคนที่บ้าน ต่อไปคือเราที่ต้องดูแลพวกเขา ไม่ใช่ให้เขาดูแลเราตลอดเวลา พอมองย้อนกลับไปไม่เคยรู้สึกรีเควสต์กับมัน เพราะทุกอย่างที่เราทำมันทำให้เราเป็นคนคนนี้”

“พ่อแม่ผมจะไม่ค่อยดุครับ ทั้งคู่เลย มีคุณพ่อขี้บ่นนิดหน่อยแต่เป็นเรื่องปกติ ด้วยความที่คุณแม่ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจิตใจดีมาก จนเมื่อก่อนผมงง ว่าคนเราต้องจิตใจดีขนาดนี้เลยหรอ ตัวผมเองก็เลยซึมซับมาว่า สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นที่คุณแม่ผมทำหรืออะไรต่างๆ ที่ผมเห็น มันเลยค่อยๆ ทำให้ผมเป็นคนแบบนี้ เป็นคนค่อนข้างใจเย็น แต่ว่าก็ยังมีความนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับการกระทำของเรา”

เก้า “ที่บ้านผม พ่อเป็นข้าราชการทหาร แม่เป็นแม่ค้า พ่อกับแม่ก็ช่วยกันทำธุรกิจมีโฮมสเตย์ รีสอร์ตเล็กๆ ขึ้นมา ตอนแรกเขาอยากให้เราเรียนที่นั่นตอนจบมัธยม เรียนที่พะเยา เชียงราย แต่ตอนนั้นครอบครัวมีปัญหาผมเลยตัดสินใจมาเรียนกรุงเทพฯ”

อัพ “บ้านผมทำธุรกิจค้าขายแล้วก็สื่อสิ่งพิมพ์ พูดตรงๆ ว่าธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ค่อนข้างจะหายไปแล้ว คุณพ่อเลยให้โอกาสผมอยากทำอะไรก็ได้ ต้องขอบคุณ คุณพ่อ คุณแม่ คุณย่าด้วยที่ให้โอกาสผมมาตลอด”

เก้า “ตอนที่เขาเห็นเราหน้าจอทีวีก็ดีใจ อย่างหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ก็คือ เขาก็ไม่คิดเหมือนกันนะ เพราะว่าตอนเด็กผมขี้อาย พอเขาเห็นผมพูดหรือไลฟ์ พูดบนเวทีเขาก็จะรู้สึกดีใจ ประทับใจที่เห็นเราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เป็นผู้ใหญ่ทำงานจริงจัง อะไรที่เราไม่มั่นใจก็ทำดีขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นก็รู้สึกภูมิใจนะ”

ถ้าไม่มีคนซัพพอร์ตก็คงไม่มีวันนี้

เก้า “แฟนคลับเขารู้สึกดีใจกับพวกผมอยู่แล้วครับ ผมมีพี่น้องแฟนคลับที่ติดตามผมอยู่ก่อนหน้านี้เขาดีใจที่ผมจะมีผลงานออกมาให้เขาได้ชม ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น เขาก็ดีใจกับผมที่ผมจะเติบโตขึ้นอีกแล้วนะ มีผลงานมากขึ้นนะ ได้ทำผลงานที่ใหญ่ขึ้น ยิ่งเรื่องนี้เป็นนักแสดงนำเรื่องแรกด้วย ผมก็ดีใจ เขาก็ดีใจกับผม”

อัพ “มีแฟนคลับพี่ๆ น้องๆ ที่คอยซัพพอร์ตเรา ด้วยความที่ตัวเราเหมือนมาๆ ไปๆ เหมือนจะก้าวเข้ามาก็เอ๊ะ จะยื่นขาออก มาตลอด พอได้มาเล่นเรื่องนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าเอ่อ มีทุกคนที่ยังคอยซัพพอร์ตรวมถึงพี่ๆ น้องๆ ที่เข้ามาซัพพอร์ตเราเพิ่มขึ้น เขาก็ยังอยากเห็นเราเล่นเรื่องนี้เหมือนกัน เป็นนักแสดงนำเหมือนกัน เราก็หวังว่าเราจะทำมันออกมาได้ดีแล้วก็ทำให้เขารู้สึกชอบ มีความสุขที่ได้ดู แล้วก็เห็นเราเติบโต”

อัพ “คือตัวผมในตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกันว่าเราจะทำตรงนี้ได้ดีมั้ย จะทำได้สุดไปทางนี้รึเปล่า เลยแบบก้าวเข้ามา แล้วก็ออกไป สักพักก็เข้ามาใหม่ แต่ว่าทุกวันนี้เรามีความคิดใหม่ ถ้าเราตั้งใจมีความพยายาม ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนสามารถก้าวผ่านสิ่งที่ตัวเองตั้งกรอบไว้ได้

แล้วก็สามารถทำในสิ่งที่เรามาคิดจะทำในแบบเมื่อก่อนได้เช่นกัน หนึ่งคือผมเป็นคนสุดอยู่แล้วในทุกเรื่องที่ทำ ผมก็เลยอยากจะทำในเมื่อเรามีโอกาสแล้ว ผู้ใหญ่ให้โอกาสเราแล้วก็ต้องทำให้มันดีที่สุดเช่นกัน”

อัพ “ฝากด้วยนะครับซีรีส์ นับสิบจะจูบ (Lovely Writer The Series) ที่บอกไปว่ามันเป็นซีรีส์ซ้อนซีรีส์อีกที่หนึ่ง คือในเรื่องราวนี้เราจะได้เห็นเบื้องหลังของการทำซีรีส์วาย ซึ่งเป็นมุมมองที่น้อยคนอาจจะยังไม่เคยเห็น น้อยคนที่จะได้สัมผัส

อย่างที่บอกไปว่าครบทุกรสชาติจริงๆ คือดราม่าสุด โรแมนติกสุด ฟินสุด มีหมดจริงๆ ครับผม แล้วก็ความตั้งใจของพวกเราทุกคนที่ทำซีรีส์เรื่องนี้ หวังว่าความตั้งใจของพวกเราจะถูกส่งผ่านภาพออกไป ให้คนดูได้สัมผัสถึงมันด้วย”

เก้า “เห็นมุมมองหลายอย่างจากทั้งสังคมได้มองผ่านเข้ามาในวงการซีรีส์วาย วงการนักแสดงรวมไปถึงผู้กำกับด้วย ฝากถึงแฟนๆ ด้วยนะครับกับซีรีส์นับสิบจะจูบ (Lovely Writer The Series) ออนแอร์ทุกวันพุธเวลา 22.53 น. ทางช่อง 3 กด 33 เริ่มตอนแรกวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้นะครับ แล้วก็รับชมย้อนหลังได้ทางช่อง Wetv ครับ หวังว่าทุกคนจะมองเห็นความตั้งใจของพวกเราแล้วก็ทีมงานทุกคนครับ”.

ผู้เขียน : โอ้ว…ซาร่า

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun

ช่างภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2027945
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2027945