บูม สุภาพร ชีวิตเหมือนละคร ขอบคุณความทุกข์-ลำบาก ที่หล่อหลอมจนมีวันนี้


ให้คะแนน


แชร์

ชีวิตทุกคนก็เหมือนละคร

บางคนจะอายเรื่องครอบครัวของตัวเอง ต้องล้มละลาย มีหนี้สิน ครอบครัวแยกทาง แต่ทำไมบูมถึงยอมเล่าเรื่องราวชีวิตครอบครัวของตัวเองให้คนอื่นฟัง และเรื่องราวชีวิตของบูมมันทำให้คนได้เห็นว่าชีวิตบูมเหมือนในละครเลย ทำเอาสาวบูมถึงกับยิ้มและตอบเราพร้อมรอยยิ้มว่า 

“จริงค่ะ บางทีบูมก็คิดว่าทำไมมันเหมือนในละครจัง (ยิ้ม) มันมีเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่เล่าให้คนอื่นฟังได้ และที่ไม่ได้เล่าให้หลายๆ คนฟัง บูมรู้สึกว่า ชีวิตทุกคนก็เหมือนละคร เพราะละครก็ทำมาจากชีวิตจริง

บูมไม่ได้อยากจะดราม่านะ แต่บูมก็ไม่ได้อยากปิด ทุกคนมีความไม่สมบูรณ์แบบ บูมไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ แต่ความไม่สมบูรณ์แบบของบูมนี่แหละ ที่หล่อหลอมให้บูมมายืนอยู่ตรงนี้ มาเข้มแข็ง มีความสุข จนกลายเป็น บูม สุภาพร ณ วันนี้

ที่เล่าเพราะบูมรู้สึกว่า เวลาที่เขาถามก็บอกความจริง หรือใครที่ถามมาเรื่องแบ็กกราวด์ชีวิตจะไม่เล่าแล้วบอกว่าเรามีความสุขดี แต่ถ้าวันหนึ่งคนมารู้ เราจะทำอย่างไร บูมคิดว่าก็นี่แหละคือชีวิตบูม สุภาพร”

พอเล่าเรื่องชีวิตของตัวเองให้คนอื่นฟัง คนรอบข้างมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง ว้าวมั้ยกับชีวิตที่เหมือนละครของบูม หรือว่ามีคนมาขอคำปรึกษาหาทางออกให้กับชีวิตของเขา 

“ก็มีคนส่งข้อความมาหาบูมเยอะมาก ไม่ได้ให้กำลังใจบูมนะคะ แต่มาขอคำปรึกษา คนส่วนใหญ่จะมาถามหาวิธีผ่านมันไปยังไงดี ทำไมเราถึงเข้มแข็ง ทำไมถึงผ่านมาได้ บูมรู้สึกว่าทุกคนจะผ่านเรื่องร้ายๆ มาได้ ต้องใช้เวลา เพราะมันจะช่วยเยียวยาได้ ความเข้มแข็งมันก็จะเกิดขึ้นได้ด้วยใจเราล้วนๆ เลยค่ะ”

10 ปีกว่าจะมีคนรู้จัก ขอบคุณโชคดีที่ทำให้มีโอกาส

อย่างที่บูมพูดเสมอว่า บูมอยู่ในวงการมานาน สู้มานานกว่า 10 ปี กว่าจะเป็นที่รู้จัก ถามจริงๆ เคยคิดมั้ยว่าตัวเองจะมีวันนี้ วันที่ได้เป็นนางเอกละครของช่อง 3 เป็นที่รู้จักของคนเยอะขึ้น บูม สุภาพร หัวเราะเสียงดังแล้วตอบเราว่า 

“บูมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้เลย ไม่คาดหวัง บูมมาไกลกว่าสิ่งที่บูมหวังไว้มาก (ยิ้ม) เอาจริงๆ นะ บูมไม่เคยโฟกัสเรื่องในวงการบันเทิงเลย

ที่ทำตั้งแต่แรก เพราะมีโอกาสได้ทำก็ทำมาเรื่อยๆ ไม่เคยคิดว่าจะอยากดัง อยากเล่นละคร เคยเล่นละครเรื่องเดียว แล้วรู้สึกไม่ใช่ก็เลยไม่เล่น จนมาเล่นเรื่องอังกอร์ เพราะผู้จัดการขอให้ไปแคสหน่อย ก็ยอมไป

ตอนที่เข้ามาก็ไม่ได้จริงจัง เพราะที่บ้านก็มีธุรกิจ แต่พอตอนนี้มันกลายเป็นอาชีพที่บูมเอามาไว้ใช้เลี้ยงดูตัวเองและคุณแม่ เพราะบูมไม่เคยคาดหวัง เลยไม่รู้ว่าเราต้องฝ่าฟันมายังไง รู้แต่ว่าเราก็เก็บชั่วโมงบินมาเรื่อย

บูมมีความใฝ่ฝันตอนที่ทำอาชีพพิธีกร อยากจะเป็นพิธีกรที่เก่งเหมือนพี่ได๋ ไดอาน่า พี่จูน สาวิตรี อยากจะขึ้นไปยืนอยู่ตรงกลางวงกลมของเซ็นทรัลเวิลด์แล้วคนมองลงมาจังเลย บูมคิดแค่นี้ (ยิ้ม)

แค่รู้สึกว่าอยากเป็นพิธีกรที่มีงานทุกวัน ไม่ได้คิดถึงชื่อเสียง ไม่ได้คาดหวังว่าจะไปไหนแล้วคนรู้จัก ไม่ได้คิดไว้เลย

ก่อนที่จะถูกเลือกให้เล่นอังกอร์ หลังจากที่ไปแคสมาเป็นปี บูมก็ยังทำงานลูทีนของตัวเองไป ทำงานพิธีกรรายการ จัดรายการวิทยุ และงานอีเวนต์พิธีกรที่เยอะกว่าปัจจุบัน เราก็ทำ มีเงินกรุบกริบของเราไป

พอมาเล่นละคร แล้วก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนรู้จักบูมมากขึ้น ซึ่งมันเป็นโชคดีมั้งคะที่เราไม่ทิ้งโอกาสนั้นไป มันคงเป็นโชคชะตา

จุดพลิกผันในชีวิตที่ทำให้บูมกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัว ดูแลทุกๆ อย่างก็คือช่วงอังกอร์เลย เหมือนมันถูกลิขิตไว้แล้ว บูมไม่เคยคาดหวังหรือวางแผนชีวิตเอาไว้เลย

คำทำนายของร่างทรง

อยู่ๆ ก็ปัง ถามจริง เคยไปมูขอให้ปัง หรือว่าเช็กดวงของตัวเองบ้างมั้ยว่า หนูจะดังมีชื่อเสียงหรือเปล่า สารภาพมาซะดีๆ งานนี้ บูม สุภาพร ถึงกับหัวเราะอีกครั้ง และเล่าให้เราฟังไปและหัวเราะไปกับเรื่องโจ๊กในวันวาน แต่วันนี้มันเกิดขึ้นจริง

“บูมเคยดูดวงเมื่อนานมาแล้ว สมัยที่อยู่ช่องๆ หนึ่ง ดูเมื่อนานมาแล้ว นานมาก เขาบอกว่าบูมจะดังนะ แล้วก็จะได้รับรางวัล แล้วทุกคนก็แซวว่าจะดังได้ไง เป็นพิธีกรตี 4 ตี 5 ใครจะตื่นมาดู

ณ ตอนนั้นเราก็ขำๆ แต่พอมาวันที่อังกอร์ออกอากาศและได้รับรางวัล ทุกคนโทรมาบอกว่า จำได้มั้ยที่เราแซวกัน ทุกคนจำได้ เพราะว่าคำทำนายนั้นเป็นคำทำนายที่ทุกคนแซวแล้วเอามาล้อกัน ด้วยความที่บูมไม่ได้สวยแบบ สวยพิมพ์นิยม เลยไม่คิดว่าจะได้เป็นนางเอก

หลังจากนั้นก็มีดูบ้าง แต่บูมไม่เชื่อดวง เพราะเชื่อว่าเราลิขิตชีวิตตัวเราเองได้ บูมเชื่อกฎแรงดึงดูด เชื่อความดี เชื่อความมุ่งมั่นตั้งใจ บูมมีคติประจำตัวเองคือ โอกาสมีให้สำหรับคนที่พร้อมเสมอ เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมในทุกวัน และอย่าปฏิเสธอะไรเพราะว่าเรากลัว

จำได้วันแรกที่เป็นพิธีกร MC ก็กลัว ไม่กล้ารับ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง พี่คนหนึ่งเขาเลยบอกเอาไว้ว่า อย่าปฏิเสธอะไรเพราะว่าความกลัว เพราะมันจะทำให้เรารู้ว่าเราทำได้หรือทำไม่ได้ บูมก็เลยรับ หนูท่องสคริปต์และทำมันได้ ก็เลยได้งานพิธีกรมาจนถึงทุกวันนี้”

จากนั้น บูม สุภาพร เล่าให้เราฟังต่อว่า งานพิธีกรคืองานที่เธอชอบ แต่การแสดงไม่ใช่สำหรับ บูม เพราะตอนนั้นอายุ 18 ปี เคยเล่นละครแต่ว่าทำไม่ได้ รู้สึกว่ามันยาก มันไม่ใช่ทาง และตอนนั้นก็ไม่ได้มีความทะเยอทะยานมากเหมือนทุกวันนี้ ไม่มีเป้าหมายเหมือนทุกวันนี้ ก็เลยทำให้ไม่ได้ใส่ใจกับงานแสดงมาก

ไม่หมิ่นเงินน้อย มีงานหลักร้อยก็ทำ

เราเลยถามว่า ในวันนี้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิตหรือยัง งานนี้นางเอกสาวยิ้มสวยก็ตอบเราด้วยรอยยิ้มสุดกว้างแบบจริงใจ และตอบคำถามเราว่า 

“บูมไม่รู้นะคะว่าวันนี้ประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง แต่ขอบคุณโอกาสดีๆ ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกๆ คน ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยังเห็นแต้มบุญของบูม (หัวเราะ)

บูมรู้สึกเห็นคุณค่ากับสิ่งที่ได้มาบ้าง บูมอาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตก แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ที่บูมขอบคุณมัน มันคือสิ่งที่เยียวยาครอบครัวบูมและตัวบูม

บูมไม่คิดว่าตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่รู้ว่ามันวัดกันยังไง คือบูมค่อยๆ มาของบูม แต่บูมก็มีความสุขของบูมมากอยู่แล้ว บูมไม่หลงไปกับชื่อเสียง เพราะทุกอย่างกว่าจะมาถึงวันนี้มันใช้เวลามานานมากแล้ว มันคืองานงานหนึ่งของบูม

ทำวิทยุชั่วโมงหลักร้อย บูมก็ยังไปทำอยู่นะคะ ทำเหมือนเดิม บูมรู้สึกว่า หลักร้อยในทุกๆ วัน แต่รวมเป็นรายเดือนบูมได้ค่าน้ำค่าไฟนะ ไม่หมิ่นเงินน้อย ต่อให้ต้องไปถ่ายละคร ก็ต้องไปจัดรายการ จะขอลาในบางครั้ง ก็จะอัดเสียงแล้วได้ 25 เปอร์เซ็นต์ของหลักร้อยนั้น บูมก็ทำ (ยิ้ม)”

บีบหัวใจ เห็นคนดูถูกแม่ต่อหน้าเพราะไม่มีเงิน

เป็นคนที่เห็นค่าของเงินมาก เพราะถ้าเป็นคนอื่น น่าจะเลิกทำไปแล้ว มาลุยเล่นละครดีกว่า ได้เงินเยอะกว่าจัดรายการ ซึ่งเหตุผลของการเป็นคนเห็นคุณค่าของเงินของสาวบูม เจ้าตัวเล่าให้เราฟังว่า 

“บูมเคยเห็นค่ะ คนใกล้ตัวไม่มี แล้วบางครั้งเราเคยผ่านจุดที่เราเคยเห็นคนให้ค่าของคนคนหนึ่งจากการที่เขามีเงินหรือไม่มีเงิน บูมเห็นคนตัดสินคนอื่นด้วยการที่เขาไม่มีฐานะ เขาจน เลยถูกสังคมตัดสิน แล้วมันบีบหัวใจเรามาก จนทำให้เรารู้สึกว่า เราจะทำให้เขากลับมามีเหมือนเดิม

ตอนที่ครอบครัวมีปัญหา บูมไม่ได้มีปัญหานะคะ เพราะทางครอบครัวของคุณพ่อก็ยังซัพพอร์ต แต่ทางคุณแม่พอเลิกกับพ่อไป ก็ไม่ได้มี ตอนนั้นเราก็เลยรู้สึกว่ามันบีบหัวใจเรา ที่เห็นแม่ถูกคนอื่นปฏิบัติ มันบีบหัวใจบูมมาก เลยทำให้บูมเห็นคุณค่าของเงิน

แต่สมัยก่อนก็ใช้เงินเยอะนะ เพราะพ่อให้บูมตลอด เหมือนเป็นเด็กพ่อแม่แยกทางกันแล้วก็ถูกเปย์ด้วยเงิน อยากได้อะไรก็ได้ ไม่เคยไม่ได้อะไร อยากไปซัมเมอร์ต่างประเทศกับเพื่อนก็ได้ไป ตอนนั้นก็ไม่ได้เห็นคุณค่า แต่พอมาหาเอง กว่าจะได้มาแต่ละบาท”

ที่มีวันนี้ได้ เพราะบูมคิดว่าการเป็นคนมีความกตัญญูต่อแม่ เป็นสิ่งที่ทำให้บูมมีวันนี้ได้ใช่มั้ย ซึ่งนางเอกสาวตอบเราด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังว่า 

“บูมคิดว่าอย่างนั้นค่ะ สิ่งที่บูมบูชาคือ บิดามารดา บูมไม่อั้น ต้องการอะไรบูมจัดให้ บูมพูดเสมอว่า การที่บูมให้ไป มันยังไม่เท่ากับที่เขาให้บูมเลย เพราะสิ่งที่เขาให้บูม ไม่ใช่แค่ทำให้มีวันนี้นะ แต่เขาให้ชีวิตบูม ซึ่งบูมให้ตอบแทนเขากลับไม่ได้ บูมเลยรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่าอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่เราต้องให้ ตั้งใจให้”

เลือกความสุข-สบายใจ มากกว่าเงินทอง

จากนั้น เราจึงถามต่อ กับคำถามที่คาใจตั้งแต่ตอนแรก ว่าทำไมไม่ตัดสินใจทำธุรกิจที่บ้าน ในเมื่อก็มีธุรกิจของครอบครัว จะมาทนเหนื่อยทำงานในวงการบันเทิงทำไม ทำมาหลายปี กว่าจะมีชื่อเสียง ถ้าทำธุรกิจที่บ้าน ตอนนี้ก็น่าจะสุขสบายไปแล้ว บูม สุภาพร อธิบายเรื่องที่เราคาใจนี้ให้ฟังแบบละเอียดว่า 

“บ้านบูมไม่ได้ถือว่ารวยขนาดนั้น แต่ก็ถือว่ามี อันนี้คือบูมไม่รู้นะคะว่าเขาวัดยังไง แต่ที่บ้านบูมมีธุรกิจ คุณแม่เป็นลูกรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย หนูก็เป็นหลาน คุณพ่อก็เป็นเจ้าของโรงงานโกดังให้เช่า มีบริษัทหลายๆ อย่าง มีเช่าสร้างโรงงาน เก็บค่าเช่า ไม่ได้รวย แต่ว่าก็มีกินมีใช้ในฐานะที่โอเค

เราก็ไม่รู้วันหนึ่งจุดพลิกผันของชีวิตคุณแม่ก็ไปทำการไฟฟ้าที่อุดรฯ ไปเล่นการเมือง แล้วก็คุณพ่อแยกทางกับคุณแม่ มันมีจุดพีคอะไรหลายๆ อย่าง ที่ความสมบูรณ์แบบอาจจะไม่สมบูรณ์แบบก็ได้ โดยที่เราไม่ได้ตั้งตัวกันมาก่อน

ตอนนั้นเป็นช่วงประถม เราจะต้องเลือกว่า ต้องอยู่กับพ่อ หรืออยู่กับแม่ เพราะว่าสุดท้ายแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดีที่สุด นั่นคือสิ่งที่พ่อแม่จะให้ได้ ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง

แต่สิ่งที่ให้เราได้มากที่สุด คือการศึกษา คือพื้นฐานสังคม ความคิด ทัศนคติ หรือว่าการกินดีอยู่ดี ณ ตอนนั้น มันอาจจะไม่ใช่เงินทอง เพราะว่าเด็กจะไปเอาเงินทองอะไร

พอเป็นสิ่งที่เราต้องเลือก เราก็ต้องตัดสินใจจากความจำเป็น จากสิ่งที่เคยมี อาจจะไม่มีเหมือนเดิม ความสะดวกสบายอะไรแบบนี้ ทุกอย่างทำให้เราต้องมายอมรับถึงความเปลี่ยนแปลง

โชคดีที่คุณแม่บูมมองโลกในแง่ดีมาก เลยทำให้บูมมองโลกในแง่ดีแบบเขา แล้วเขาก็ผ่านอะไรมาเยอะมาก จนหมดตัวเห็นตั้งแต่สูงสุดจนต่ำสุด มันเลยทำให้เรามีอดีตให้เห็น ไม่ได้มีให้เป็น มันทำให้บูมเป็นบูมทุกวันนี้ ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่มันไม่ได้สำคัญ 

ถ้าบูมคิดว่ามีโรงงานอีกไม่รู้กี่หลังให้เช่า ก็น่าจะสบาย หารกันกับพี่ชาย พอโตขึ้น บูมมีปัญหาครอบครัว การแตกหักกันระหว่างคนในครอบครัว ทางคุณพ่อ พี่ชาย มีบุคคลที่ 3 เลยทำให้เราตัดสินใจออกมาจากตรงนั้นแล้วมาเริ่มต้นใหม่ของตัวเองดีกว่า บูมเลือกความสุข ความสบายใจ มากกว่าทรัพย์สินเงินทอง

บูมไม่รู้ว่าจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหน ถ้าไม่ลงมือทำ สร้างด้วยตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า ถ้ารออยู่ วันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีหรือทำได้หรือเปล่า และอาจจะไม่ได้มีความสุขเหมือนทุกๆ วันนี้”

แต่ก่อนเป็นคุณหนู พอมาเจอปัญหาครอบครัว แต่บูมก็เลือกทางเดินที่ถูกต้อง ไม่ได้ทำตัวเสเพลหรือเที่ยวเตร่จนเสียคน ซึ่งเรื่องนี้บูมก็เล่าให้เราฟังแบบตลกๆ ว่าครั้งหนึ่งเธอติดเกม ถึงกับหนีไปเล่นเกมที่ร้านหน้าปากซอยเธอเล่าให้ฟังตามสไตล์ของเธอว่า 

“มีนะคะ บูมโชคดี ไม่รู้ว่าพระคุ้มครองหรือว่ายังไง บูมเป็นคนที่แปลก นั่งมอเตอร์ไซค์ไปเล่นเกมหน้าปากซอยบ้าน (หัวเราะ) เราเป็นคนแบบนี้ แต่คุณแม่จะให้นอนมุ้งเดี๋ยวยุงกัด ห้ามไปนู่นไปนี่

แต่เราเป็นเด็กที่ลุย อยากปีนออกจากบ้าน แอบไปซื้อปืนแก๊ปเพราะเห็นเด็กข้างบ้านมี อยากมียิงบ้าง เป็นเด็กที่ไม่ได้รักสวยรักงาม หนีไปเล่นเกมชั่วโมงละ 30 บาท แต่ก็ไม่ได้เถลไถล หมดเงินไปกับร้านเกม”

ขอบคุณทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้มี บูม สุภาพร ในวันนี้

บูมถูกมองว่าเป็นตัวแทนของเด็กคนหนึ่งที่ครอบครัวอาจจะไม่ได้สมบูรณ์ แต่ก็ไม่ทำตัวเละเทะ เหลวไหลให้พ่อแม่ยิ่งปวดหัว ซึ่งบูมปรับโหมดและตอบคำถามข้อนี้ให้เราฟังว่า

“บูมว่าทางออกของแต่ละคน แล้วแต่เราจะเลือกเลย แต่เราต้องมาคิดนะ ทางที่เราจะเลือกออกไป วันหนึ่งที่เราเลือกเรารู้ว่ามันผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการประชด แล้วต้องพูดกับตัวเองนะ ผลไม่ว่าจะออกมายังไงเรารับได้มั้ย

ซึ่งตอนนั้นบูมก็คิดไม่ได้ แต่บูมโชคดีที่ไปทางนี้ อยู่แต่บ้าน เพราะไม่รู้ว่าจะไปไหน เหมือนพ่อแม่เลี้ยงมาแบบมีพี่เลี้ยงตลอดเวลา ประกบกับพี่ชาย เล่นแต่อยู่ในหมู่บ้าน รู้แต่ว่าต้องอยู่บ้าน แค่เราย้ายบ้านไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง

โชคดีที่เราไม่เคยประชดชีวิต หรือโทษตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะพ่อแม่บอกเสมอว่า มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แล้ววันนี้เราก็เข้าใจแล้วว่า การเข้ากันไม่ได้ของคนสองคน เขายังฝืนแล้วอยู่ต่อไป มันทรมานขนาดนั้น

เราก็รู้สึกว่าขอบคุณกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพ่อแม่ การย้ายที่อยู่ หรือว่าการที่เราต้องมาช่วยรับภาระปลดหนี้แม่ ล้มละลาย หรืออะไรก็ตาม

บูมรู้สึกว่าสิ่งที่บูมเลือกคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมาผลของมันทั้งหมดช่วยหล่อหลอมให้บูมเข้มแข็ง ไม่ได้อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ เพราะว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ แล้วก็ทำให้บูมคิดอยู่เสมอ มันมีหลายเรื่องที่บูมค้างคาอยู่ต้องเคลียร์ให้จบ

มีอนาคตที่วาดเป้าไว้ว่าอยากจะเดินไป อย่างวันนี้แม่มีความสุขแล้ว บูมปลดหนี้ให้แม่ทุกอย่าง แม่สมบูรณ์แล้ว แต่บูมก็อยากให้แม่บูมดีกว่าเดิม นี่คือเป้าหมายของบูมไปเรื่อยๆ”

ผลงานละครเรื่องล่าสุด 

ผลงานชิ้นใหม่ของ บูม สุภาพร มีอะไร ไหนลองขายของให้เราและแฟนๆ ที่ติดตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ให้ได้ฟังกันหน่อย ซึ่งนางเอกสาวคนเก่งของเราก็ไม่รอช้า รีบขายงานละครเรื่องล่าสุด ดาวคนละดวง ให้ฟังทันทีว่า 

“สำหรับละครเรื่องดาวคนละดวง พวกเราทีมงานทุกคน รวมถึงตัวบูม เต็มที่และทุ่มเทกับละครเรื่องนี้กันมากๆ เล่นทุกอย่างกันเต็มที่ เพื่อให้คนดูเต็มอิ่มไปกับละครของเรา และละครเรื่องนี้ก็สนุกครบรส ไม่ได้มีแต่ฉากบู๊ แต่ยังมีฉากโรแมนติก ฉากตลกมาทำให้คนดูมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะไปด้วยเหมือนกัน 

หลังจากละครออนแอร์ไป กระแสตอบรับกลับมาดี บูมและทีมงานก็ดีใจค่ะที่คนชอบและแฮปปี้กับการได้ดูละครบู๊ รู้สึกดีใจแทน ผู้จัด พี่กู๊ด พี่แก้ว ผู้กำกับ พี่โหน่ง

ดีใจแทนทีมงานทุกๆ คนที่เขาทุ่มเทให้กับการทำงานมาก แล้วผลงานออกมาดี คำชมคือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่มากๆ เราถึงกับไปเสิร์ชหาเลยนะว่าคนพูดถึงงานเรายังไงบ้าง ตื่นเต้นมากๆ

เราก็เช็กว่าคนเขาจะเชื่อในสิ่งที่เราแสดงออกมาไหม เพราะประสบการณ์การแสดงของบูมไม่ได้โชกโชนมาก แต่เราอยากทำให้เต็มที่ที่สุด อยากให้เข้าถึงคาแรกเตอร์นั้นจริงๆ ค่ะ

ยังไงก็ฝากละครเรื่อง ดาวคนละดวง ด้วยนะคะ เพราะเป็นละครที่เรียกว่าอร่อยค่ะ เพราะครบรส (หัวเราะ) ทั้งบู๊ ดราม่า คอมเมดี้ ได้ทั้งข้อคิดอะไรหลายๆ อย่าง

เรื่องความใฝ่ฝัน เรื่องเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรื่องตำแหน่ง ยศถาบรรดาศักดิ์ เรื่องฐานะทางสังคม เรื่องเงิน ความรัก บูมว่ามันครบรสมากๆ เลยค่ะ มันนัวไปหมด”

และนอกจากงานละครแล้ว งานนี้นางเอกสาวก็ไม่พลาดที่จะขอฝากธุรกิจ Oh my gyo เกี๊ยวยักษ์ ทุกวันนี้ไม่มีกำไร เอาค่าตัวที่ถ่ายงานมาจ่ายเงินพนักงานอยู่ (หัวเราะ) สั่งหน่อยแล้วกันนะคะ Oh my gyo สั่งได้เลยนะคะ แล้วก็ออกบูธเก่งมากค่ะ ห้างไม่มีคนเดินก็ออก (หัวเราะ)”

วันนี้เราได้นั่งคุยกับผู้หญิงที่เคยผ่านเรื่องราวครอบครัวที่ค่อนข้างหนักมาไม่น้อย แต่เพราะเป็นคนคิดดี เลือกเดินในทางที่ดีที่ถูกที่ควร และยึดความกตัญญูเป็นที่ตั้ง จึงทำให้วันนี้ บูม สุภาพร เป็นอีกหนึ่งสาวแกร่งและเก่งอีกคนของวงการบันเทิง ใครที่กำลังท้อ หรือจะหลงเดินทางผิด อยากให้มีสติ ดูความพยายาม ความใฝ่ดีของนักแสดงคนนี้เอาไว้ และวันหนึ่งมันจะเป็นวันของเราเช่นกัน เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะคะ. 

เรื่อง : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : phantira thongcherd

ช่างภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2037000
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2037000