เปิดใจ โก้ วรพงษ์ ผู้บริหารข้าวสารฯ ตอบตรงๆ กลัวเจ๊งไหม ทำค่ายเพลงยุคโควิด


ให้คะแนน


แชร์

เมื่อถามถึงที่มาของการทำค่ายเพลงน้องใหม่ โก้ วรพงษ์ เล่าว่าก่อนหน้านี้เคยทำค่ายเพลงเล็กๆ จัดการประกวดวงดนตรีมาบ้าง และเริ่มมองเห็นว่าการทำงานในวงการเพลงสามารถเติบโตไปได้ไกลกว่านี้ จึงตัดสินใจที่จะขยับขยาย และได้พั้นช์ วรกาญจน์ มาร่วมทำงานเพลง ข้าวสาร เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จึงกลายเป็นค่ายเพลงน้องใหม่ที่ถูกจับตามอง

“ตอนแรกเราไม่ได้ตั้งเป็นข้าวสาร เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เราเริ่มตั้งแต่ค่ายเพลงเพลย์ดรีม เป็นค่ายเพลงเล็กๆ ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก ตอนนั้นก็มีทีมบริหารอีกทีมหนึ่ง ตอนหลังเราเริ่มอยากขยับขยาย เรามองเห็นว่าการทำเพลงมันโตได้อีก เลยเริ่มขยับขยายมาเป็นข้าวสาร เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เราก็เริ่มรวบรวมศิลปิน ซึ่งตอนเป็นเพลย์ดรีม ประมาณ 2 ปี มีการประกวดวงดนตรีต่างๆ

แต่หลังจากนั้นเราเริ่มเปลี่ยนโครงสร้าง เพราะว่าอยากให้ค่ายเพลงมันเป็นค่ายเพลงจริงๆ จากตอนนั้นเราทำเป็นเล็กๆ เริ่มทำให้มันเป็นรูปร่าง เป็นค่ายเพลงมากขึ้น อาจจะไม่ได้ใหญ่เหมือนค่ายใหญ่ๆ 2 ค่าย เราก็อยากจะจัดระบบให้เป็นค่ายเพลง โดยการรวบรวมพนักงานที่มีประสบการณ์ คนที่มีความชอบเหมือนกันมาร่วมกันทำ ซึ่งศิลปินดังคนแรกที่มาร่วมงานกับข้าวสารฯ ก็คือพั้นช์ครับ

จุดที่ทำให้รู้สึกว่าสามารถต่อยอดไปได้ คือผมมีความชอบทางด้านดนตรี ถึงแม้เราไม่ได้เป็นนักดนตรี ไม่ได้เป็นศิลปิน นักร้อง แต่เรามีความชอบทางด้านดนตรี เพราะดนตรีเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง บวกกับการที่รู้จักคนเยอะขึ้น รู้จักศิลปินเก่าๆ มากขึ้น รู้จักเพื่อนร่วมงานหลายๆ คนที่มีประสบการณ์มากขึ้น จากที่เดิมไม่ค่อยมีอะไรก็ค่อยๆ สร้าง มีห้องอัด มีห้องซ้อมเต้น เพื่อที่จะขยายมันขึ้นมา”

ส่วนที่มาของชื่อค่ายข้าวสาร เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ผู้บริหารหนุ่มเล่าว่า “เกิดจากวันนั้นที่ได้คุยกับพี่แจ็ค วง Fly ได้คุยถึงเรื่องจุดกำเนิดของดนตรีจริงๆ ของเมืองไทยอยู่ที่ถนนข้าวสาร นักดนตรีส่วนใหญ่ที่จะเริ่มเป็นวง เริ่มเป็นนักร้อง เริ่มเป็นศิลปิน จุดกำเนิดมาจากถนนข้าวสาร ซึ่งมีร้านเยอะ ทำให้หลายๆ คนเริ่มต้นมาจากตรงนั้น เราก็เลยคิดว่านี่เป็นการเริ่มต้นของค่ายเพลงค่ายใหม่ เราก็เอาข้าวสารนี่แหละมาเป็นจุดเริ่มต้นของการที่จะไปเป็นศิลปินที่ใหญ่ขึ้นไป ก็เลยเป็นที่มา”

กลยุทธ์ค่ายเพลงน้องใหม่

โก้ วรพงษ์ เล่าถึงกลยุทธ์การทำค่ายเพลงน้องใหม่ไว้ว่า มีการทำเพลงทั้งของศิลปินยุค 90’s รวมถึงผลิตเพลงของศิลปินรุ่นใหม่ ทำเพลงหลากหลายแนว และใช้สื่อโซเชียลต่างๆ ในปัจจุบันเพื่อช่วยโปรโมตอีกทาง ไม่จำเป็นต้องใช้แค่สื่อทีวี วิทยุ หรือ นสพ. เหมือนในสมัยก่อน

“ในเรื่องการทำเพลงของข้าวสารฯ เราทำควบคู่กันระหว่างศิลปินรุ่นใหญ่ยุค 90’s กับศิลปินใหม่ที่มีความสามารถ ซึ่งศิลปินเด็กๆ เราต้องมาฝึกเพิ่ม ต้องเตรียมความพร้อมก่อน ส่วนศิลปินยุค 90’s จะเป็นกลุ่มของศิลปินที่มีชื่อเสียงในอดีตมาทำโปรเจกต์ หรือมาเซ็นสัญญากับเรา ก็จะแยกออกเป็น 2 อย่าง ในส่วนของโปรเจกต์ก็จะแยกร้องออกเป็นเพลง จะเป็นโปรเจกต์ขอบคุณที่กลับมา อีกส่วนหนึ่งคือมาเซ็นสัญญากับค่าย ก็จะมีวง ACT ART แล้วก็ฟลุค ไอน้ำ ที่มาเซ็นสัญญา ส่วนศิลปินที่อยู่ในโปรเจกต์ขอบคุณที่กลับมา ก็จะเซ็นสัญญาเป็นเพลงๆ ไป

ฟลุค ไอน้ำ ฟลุค ไอน้ำ

ส่วนค่ายเพลงข้าวสาร ฯ เราจะแบ่งเป็นย่อยๆ หลายบริษัท คือ KS GANG อันนี้ก็จะเป็นเด็กเจเนอเรชั่นใหม่ ก็จะมีชิน ชินวุฒ เป็นหลักในการนำแก๊งนี้ มีเกิร์ลกรุ๊ป บอยแบนด์ ข้าวสาร เรคคอร์ด (Khaosan Records) ก็จะเป็นศิลปินเก่า แล้วก็มี ข้าวสารซาวนด์ (Khaosan Sound) จะเป็นลูกทุ่ง เพื่อชีวิต ซึ่งปัจจุบันก็จะมีรุ่นแรกออกมา คือพี่บ่าวเทือง มีพี่อี๊ด โปงลางสะออน ที่กำลังอยู่ในช่วงเตรียมเพลง

และก็ ข้าวสาร มิวสิค (Khaosan Music) จะเป็นของเด็กเจเนอเรชั่นใหม่เหมือนกัน เป็นนักร้องคุณภาพ เป็นเด็กที่ออกตามรายการต่างๆ แล้วได้รางวัลมาพอสมควร ซึ่งน้องบางคนก็ติดต่อเข้ามาว่าอยากมาอยู่ รวมถึงน้องเพชรที่เคยไปประกวดกีตาร์ระดับโลก เป็นนักกีตาร์ที่อายุน้อยที่สุดในโลก และก็ค่าย ข้าวสารแลนด์ (Khaosan Land) ออกไปทางลูกทุ่งอีสาน ส่วน ข้าวสาร บีทส์ (Khaosan Beats) นี่ก็เป็นแนวสตรีทรุ่นใหม่ ส่วน ข้าวสาร มัก (Khaosan Mug) จะเป็นค่ายเพลงสไตล์วาไรตี้สนุกสนาน

อุ้ม-ไอซ์ อุ้ม-ไอซ์

ซึ่งเราจะแยกกันไปทำงาน แต่ละค่ายย่อยๆ ก็จะมีผู้บริหารอีกทีหนึ่ง เพื่อที่เราจะได้เป็นศูนย์รวมเพลงได้เยอะ ข้าวสาร เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เน้นในเรื่องของการโปรโมตเพลงออกไป ส่วนค่ายเล็กๆ เป็นเหมือนฐานผลิตเพลงขึ้นมา ทำครอบคลุมทุกแนวทุกแขนงของดนตรีเลย ซึ่งในอนาคตอาจจะไปถึงเพื่อนบ้าน หรือต่างประเทศด้วย ต้องรอติดตามกัน

ถามว่าค่ายใหญ่ไหม ยังไม่ใหญ่ แค่พอประมาณ เราคิดว่าปัจจุบันการโปรโมตศิลปินหรือการทำเพลงออกมา ไม่จำเป็นต้องออกแค่เฉพาะทีวี หรือสื่อวิทยุเท่านั้น เพราะปัจจุบันมีสื่อโซเชียลหลายอย่าง ทั้งเฟซบุ๊ก ยูทูบ TikTok ที่กำลังมาแรง โซเชียลเหล่านี้ทำให้ศิลปินหน้าใหม่หลายๆ คนที่ทำเพลงขึ้นมา มีช่องทางที่จะใช้โปรโมตได้มากกว่า การลงทุนต่างจากเมื่อก่อน ที่คนไปค่ายใหญ่เพราะว่าการลงทุนเยอะ เพลงหนึ่งหมดกันเป็นล้าน ปัจจุบันมันบีบลงมา ใช้เงินแค่ในส่วนที่จำกัดก็สามารออกโซเชียลได้แล้ว ศิลปินที่ออกมาก็มีหลายแนวมากขึ้นในปัจจุบัน”

อยู่ด้วยกันแบบครอบครัว

นอกจากกลยุทธ์การทำเพลงที่เป็นสิ่งสำคัญแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการดูแลศิลปินในเรื่องการเซ็นสัญญา ตลอดจนผลประโยชน์ต่างๆ เพราะเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นมีความสุข ซึ่ง โก้ วรพงษ์ มองเห็นความสำคัญในจุดนี้ จึงทำให้ค่ายข้าวสารฯ มีการเซ็นสัญญาหลากหลายรูปแบบ แล้วแต่ว่าศิลปินจะพอใจในแบบไหน โดยมีการหาจุดร่วมกันที่ทำให้อยู่ได้ทั้งสองฝ่าย

“ค่ายเราจะมีการเซ็นหลายรูปแบบ ไม่ได้จำกัดว่าคุณต้องอยู่กับเรา อยู่ที่ความสบายใจ ค่ายเราคือครอบครัว ทำงานแบบครอบครัว เราเอาที่พอใจก่อน ก่อนเซ็นสัญญา สัญญาเป็นกระดานแผ่นหนึ่งที่ฉีกเมื่อไหร่ก็ได้สำหรับค่ายเรา แต่ปัญหาคือคุณอยู่แล้วสบายใจมั้ย กับสิ่งที่คุณได้ตอบแทน เพราะฉะนั้นแล้วก่อนที่ทุกคนจะมาอยู่ มันมีเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะมันคือตัวเบิกทางว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่กับเราเบื้องต้น แต่สิ่งอื่นที่เราให้มากกว่าค่าตอบแทนคือการอยู่ด้วยกันแบบพี่น้อง

พั้นช์ วรกาญจน์ พั้นช์ วรกาญจน์

แต่ถ้าคุยเรื่องผลประโยชน์ก่อนจะไม่ค่อยถูกใจเราเท่าไร เพราะเขามองเรื่องผลประโยชน์เป็นหลัก ถ้าคุณมองถึงผลประโยชน์มากกว่าใจที่คุณจะมาอยู่ เราก็คงไม่เหมาะกัน สิ่งที่อยากให้ทุกคนมาแล้วมองก่อนคือครอบครัว สิ่งที่คุณต้องการคืออะไร คือการทำเพลงออกมาให้คนฟังแล้วดีที่สุด นั่นคือศิลปินส่วนใหญ่ชอบและอยากทำ นักดนตรีศิลปินอยากให้ผลงานตัวเองออกมาดีที่สุด ถ้าดีที่สุดแล้วผลประโยชน์มันตามมาเอง

ก็ต้องดูว่าสิ่งที่เขาคุยออกมาเรารับได้แค่ไหน ทางค่ายกับศิลปินต้องสมดุลกัน บางทีเจอลิมิตเกินที่ค่ายจะรับไหว ก็ต้องขอปฏิเสธ ถ้ามองเรื่องธุรกิจเราทำแล้วขาดทุนตลอดก็ไม่ไหว สู้เราคุยแล้วลงตัวผลประโยชน์วินๆ ทั้งคู่ให้อยู่ได้ทั้งสองฝ่ายดีกว่า เราไม่อยากทะเลาะกับศิลปิน ต้องมานั่งฟ้องร้อง นโยบายเราไม่ทะเลาะใคร จะเป็นพันธมิตรกันมากกว่า”

Blackhead Blackhead

ส่วนการคัดเลือกศิลปิน โก้ วรพงษ์ บอกว่า “จริงๆ มองที่ความสามารถของน้องๆ มากกว่า ก็สามารถมาคุยมาแคสต์กันได้ ว่าความสามารถของคุณจะถูกใจคณะกรรมการมั้ย เพราะความสามารถของศิลปินไม่จำเป็นต้องร้องเก่งที่สุดแล้วถึงจะมาเป็น เราดูแววว่าเสียงของคุณความสามารถของคุณไม่เหมือนใคร บางคนเก่งการเต้น ร้องพอได้ ก็เรียนร้องเพลงเพิ่ม บางคนร้องเป็นอย่างเดียว ก็มาเรียนเต้นเพิ่มก็มีครับ เราดูที่ความตั้งใจของน้องๆ มากกว่า

บางครั้งศิลปินบางคนชอบอย่างหนึ่ง แต่ออกจริงๆ แล้วดังอีกอย่างหนึ่ง อย่างบางคนชอบเพลงฮิปฮอป แต่ร้องฮิปฮอปไม่ดี แต่ร้องไทยเดิมดี จะให้ไปร้องฮิปฮอปก็ขายไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่ชอบกับสิ่งที่ต้องกระทำ ตรงนี้จะมีการพูดคุยกันก่อนที่จะทำอะไรลงไป เลยทำให้บ้านข้าวสารมีความรู้สึกอบอุ่น ซึ่งถ้าใครทำแล้วไม่สบายใจก็อยู่ไม่ได้ต้องไป ถามว่ามีมั้ยมี แต่ส่วนน้อย มีปัญหาเป็นปกติครับ”

กลัวเจ๊งไหม ทำค่ายเพลงใหม่ในยุคโควิด

แน่นอนการทำเพลงในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากจะต้องเจอคู่แข่งทั้งค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ค่ายเพลงอินดี้รวมถึงศิลปินที่ทำเพลงเองและโปรโมตทางโซเชียลแล้ว อีกหนึ่งอุปสรรคที่ต้องเจอคือโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับธุรกิจเกี่ยวกับวงการเพลงอย่างมาก เพราะศิลปินไม่สามารถไปร้องเพลงตามงานต่างๆ ได้ เราถามตรงๆ ว่าทำค่ายเพลงช่วงนี้กลัวเจ๊งไหม โก้ วรพงษ์ บอกว่า แม้จะมีความเสี่ยงมากมาย แต่ก็พร้อมทำด้วยใจรักในเสียงเพลง แม้จะเจอผลกระทบจากโควิดพอสมควร แต่ก็มีการวางแผนงานเพื่อรองรับการทำเพลงในยุคนี้ด้วย

“การลงทุนมีความเสี่ยงทุกอย่าง ถ้าไม่เสี่ยงที่จะลงทุนกับมัน แล้วคุณจะมีผลกำไรมั้ย ความเสี่ยงเยอะ ผลกำไรตอบแทนต้องเยอะเสมอ ถ้าความเสี่ยงน้อยคุณไปซื้อทองสิ ไปซื้อหุ้นที่เป็นระยะยาวสิ นั้นคือความเสี่ยงน้อยที่คุณลงทุนแล้วจะได้เงิน แต่ผลตอบแทนมันนิดเดียว แต่การลงทุนค่ายเพลงด้วยใจรัก พอใจรักแล้วทำมันมีความสุข เพลงใดเพลงหนึ่งที่เราทำเอง เลือกคัดสรรเอง ลงมือทำเองแล้วดังขึ้นมา มันมีความสุขในใจเยอะ เราได้เห็นคนชอบเพลงเรา คนฟังเพลงที่เราคัดสรรออกมา ถึงแม้จะไม่ได้แต่งเอง แต่เราเป็นคนวิเคราะห์เอง จัดการเอง บอกให้เขาทำเอง นั่นคือความภูมิใจของผู้บริหารอย่างหนึ่ง

ถามว่าโควิดทำให้กระทบเยอะไหม กระทบพอสมควรในเรื่องการแสดงสด เพราะการแสดงสดจะจัดไม่ได้เลย ตั้งแต่รัฐบาลประกาศปิดห้ามจัดคอนเสิร์ต ก็ทำให้ศิลปินออกไปแสดงไม่ได้ แต่ในทางกลับกันก็ดีเพราะศิลปินจะมีเวลามานั่งทำเพลง กลับมาทำเพลง ทำดนตรี ทำสิ่งต่างๆ เพื่อแฟนคลับ ถือว่าเป็นสิ่งดีๆ ที่ทำให้มีเวลาในการทำงานมากขึ้น เพราะตัวศิลปินหลายๆ คนออกคอนเสิร์ตไม่ได้ก็มานั่งเขียนเพลง ทำดนตรีเอง คิดว่าตัวเองจะทำอะไร

เรื่องคอนเสิร์ตออนไลน์ จริงๆ เรามีฮอลล์จัดคอนเสิร์ต ชื่อ SHOW DC HALL อยู่ชั้น 6 มี 2 ฮอลล์ ฮอลล์เล็กกับฮอลล์ใหญ่ ซึ่งเป็นของในเครือ SHOW DC HALL เราสามารถทำไลฟ์สตรีมมิงได้ มีหลายโปรเจกต์ก็มาเช่าทำ ทางทีมของเราก็มีบ้างที่ไปไลฟ์สดที่นั่น เพราะเรามีจอ LED ขนาด 8.88 เมตร ที่คิดว่าชัดและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับทางผู้ที่อยากไลฟ์สด

ส่วนแพลนระยะยาว ตอนนี้ก็วางแผนเรื่องการทำเพลง ซึ่งผู้ฟังไม่จำเป็นต้องมาฟังคอนเสิร์ตทั้งหมด สามารถฟังได้ผ่านโซเชียลต่างๆ เพราะฉะนั้นทางค่ายเพลงก็จะมีผลงานออกมาเรื่อยๆ ถ้าหลังโควิดหมด เราก็จะมีคอนเสิร์ต งานจ้างไปสถานที่ต่างๆ เพราะว่าก่อนหน้านี้มีแพลนจะจ้างศิลปินมาข้ามปีเลย แต่ติดเรื่องโควิดห้ามจัดคอนเสิร์ตก็เลยหยุดพักไป ส่วนการแพลนอย่างอื่นก็มีในส่วนของการทำอะคาเดมี่เพื่อคนที่อยากเป็นศิลปินใหม่ ตรงนี้ก็จะมีการเรียนการสอนตัวต่อตัว ทำให้ผลกระทบในเรื่องโควิดน้อยมาก”

เมื่อถามถึงผลตอบแทนที่กลับมาคุ้มหรือไม่ โก้ วรพงษ์ บอกว่า “ช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้น ผลตอบแทนยังไม่คุ้มกับสิ่งที่ลงทุนถ้าพูดในเรื่องธุรกิจ ยังไม่ได้กำไรต้องรอในสิ่งที่เราวางเอาไว้ เหตุการณ์ข้างหน้าจะมีผลกำไรกลับมาในเรื่องของธุรกิจ แต่จริงๆ เราทำด้วยใจรัก ไม่ได้ทำเพราะต้องทำต้นทุนให้น้อยที่สุด เพื่อที่ออกมาจะได้ไม่ขาดทุนเยอะ ไม่ใช่ครับ เราทำเพลงที่มีคุณภาพออกไปให้ประชาชนได้ฟังสิ่งดีๆ ก่อน แล้วผลตอบแทนจะมาทีหลัง ถามว่ามั่นใจว่าน่าจะได้คืนทุนในกี่ปี เราวางไว้ประมาณ 5 ปี ตอนนี้ทำมา 2 ปีแล้วครับ”

ปัจจุบันและอนาคต

โก้ วรพงษ์ เผยว่า ปัจจุบันค่ายเพลงข้าวสาร เอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีศิลปินที่มาร่วมงาน รวมถึงศิลปินที่เซ็นสัญญากับค่ายนับร้อยชีวิต ซึ่งมีการเปิดตัวศิลปินใหม่ไปเยอะพอสมควร แต่ยอมรับว่ายังไม่ดังติดชาร์ต ต้องมีการพัฒนาการทำเพลงให้มากขึ้น

“สำหรับศิลปินในโปรเจกต์ขอบคุณที่กลับมา ตอนนี้มี 7 คน ล่าสุดก็คือพาวเวอร์แพทที่จะทำผลงานออกมาเร็วๆ นี้ หลังจากที่เขาห่างหายไปนาน และมีวงไอน้ำ มีวง ACT ART แล้วก็จะมีศิลปินใหม่ KS GANG รวมกว่าร้อยชีวิต รวมของค่ายเล็กๆ อีก ค่ายหนึ่งก็เป็น 10 ชีวิตเหมือนกัน ปีนี้ต้องบอกว่าศิลปินใหม่ๆ ของเราได้ปล่อยมาเยอะพอสมควร แต่ก็ยังไม่ดังติดชาร์ตเหมือนหลายๆ เพลงที่ออกมาใหม่ ก็ต้องพัฒนาเรื่องดนตรี เรื่องของเพลงมากขึ้น เพลงมันมีการเปลี่ยนแปลง มีการพัฒนาแนวดนตรี พัฒนาเรื่องมุมมองคนฟัง เหมือนเทคโนโลยีมันทันสมัยมากขึ้น คนฟังเพลงก็เปลี่ยนแปลงมากขึ้น เราก็ต้องพยายามทำให้ซัพพอร์ตกับทางผู้ฟังให้มากขึ้น”

พาวเวอร์แพท พาวเวอร์แพท

นอกจากนี้ โก้ วรพงษ์ ยังเผยถึงแพลนในอนาคตที่จะผลักดันศิลปินในค่ายไปไกลในระดับต่างประเทศอีกด้วย “มีแพลนของต่างประเทศเหมือนกันนะครับ ซึ่งมีประเทศจีนเข้ามาติดต่อ สนใจน้องๆ หลายๆ คน แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ทำให้ยังไม่เปิดประเทศ ทำให้การที่จะร่วมมือกันยังติดขัดอยู่ เลยอยู่แค่ช่วงการพูดคุย คือเขาติดต่อมาทำโปรเจกต์รวมกันเป็นศิลปิน ไปออนแอร์อยู่ทางประเทศจีน แล้วก็มีของประเทศไทยด้วยคู่กัน”

ก่อนจะจบการสนทนา โก้ วรพงษ์ ขอฝากถึงคนฟังเพลงว่าอยากให้เปิดใจฟังเพลงของค่ายเพลงน้องใหม่อย่างข้าวสารฯ ที่ตั้งใจทำทุกผลงานเป็นอย่างดี “อยากให้เปิดใจเพลงของค่ายข้าวสารฯ ทุกเพลงเราผ่านการคัดสรรอย่างดี ก่อนที่จะปล่อยออกมา มีการทำงานของหลายๆ ฝ่าย ซึ่งจริงๆ แล้วคนที่ทำงานข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีประสบการณ์ทางด้านดนตรีเยอะ ทั้งจากค่ายใหญ่ก็ดี คนรุ่นใหม่มารวมก็ดี เป็นการผสมผสานหลายๆ ทางเข้าด้วยกัน แนวเพลงของเราไม่ใช่เพลงเกาะกระแสอย่างเดียว เพลงเราเป็นเพลงที่ฟังได้ตลอด เพราะฉะนั้นจะต่างจากเพลงกระแส จะไม่ตกยุคตกสมัย

ต้องขอขอบคุณแฟนคลับทุกท่านที่ชื่นชอบศิลปินของค่ายข้าวสาร ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้วงการเพลงของบ้านเราไม่เงียบหายไป เพราะศาสตร์ดนตรีคือศิลปะอย่างหนึ่ง ทุกคนมีศิลปะในตัวอยู่แล้ว ต้องขอบคุณทุกคนที่ฟังตั้งแต่เริ่มเป็นข้าวสารถึงปัจจุบัน ข้าวสารก็จะทำผลงานเพลงออกมาให้ดีที่สุดต่อสาธารณชนต่อไปครับ”.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ, Khaosan Entertainment
กราฟิก : Varanya Phae-araya

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2041759
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2041759