น้ำตาล ชลิตา เกือบทิ้งโอกาสทองไม่ไปต่อเพราะโดนดูถูกจากคนที่ไม่รู้จัก


ให้คะแนน


แชร์

คำพูดนี้ทำให้ตาลคิดได้เหมือนกันนะ ว่ามีผู้หญิงอีกหลายๆ คนที่เขามาแข่งขันบนเวทีนี้เป็นร้อยกว่าคน ในเมื่อวันนี้ตาลได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ทำไมถึงจะไม่ทำให้มันเต็มที่ล่ะ ก็เลยสู้ต่อ

ตอนนั้นมันเหนื่อยเพราะซ้อมเดินหนักมากๆ หรือจริงๆ แล้วเป็นเพราะต้องมาเจอกับคำวิจารณ์แรงๆ ถึงทำให้น้ำตาลรู้สึกเหนื่อย ไม่อยากจะทำต่อไปแล้ว ซึ่งน้ำตาลอธิบายถึงเรื่องนี้ว่า 

“ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนตาลทำอะไรไปก็ไม่ดีหมด โดนวิจารณ์หลายๆ อย่างด้วย มันก็เลยกลายเป็นว่ารู้สึกท้อ เจอคำพูดคนเยอะมากด้วยและตอนนั้นก็ไม่เคยอยู่ในวงการ มันก็เลยรู้สึกว่าทำไมทำอะไรก็โดนว่าอีกแล้ว หายใจก็โดนว่าแล้ว

ตาลเลยรู้สึกแอบท้อในวันที่โดนด่าหนักๆ แต่พอรวบรวมสติตัวเองด้วยการเอาคำพูดจาดูถูกต่างๆ นานา เอาคำวิจารณ์พวกนั้นมาเป็นแรงผลักดันให้ตาลปรับเปลี่ยนและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น”

ในตอนนั้น ที่โดนคนวิจารณ์แรงๆ คอมเมนต์น้ำตาลในมุมลบเยอะๆ น้ำตาลจัดการกับความรู้สึกของตัวเองที่ไม่โอเคกับการถูกตำหนิอย่างไรให้จิตใจเรากลับมาเต็มร้อยไม่แย่ไปกับคอมเมนต์เหล่านั้น 

“วิธีการจัดการความรู้สึกของตาลคือ ไม่เอาตัวเองไปอยู่ตรงนั้นค่ะ เหมือนกับคนอื่นที่เขามีมุมมองที่แตกต่างกับความคิดของเรา เขาสามารถคอมเมนต์อะไรก็ได้ในความคิดเห็นของเขา

และเราก็สามารถทำได้เหมือนกัน ด้วยการรับอะไรที่เป็นบวกกับเรา อะไรที่เป็นลบก็ไม่เอามาเก็บใส่ใจ อะไรที่ทำให้เราดาวน์ลงไปกว่าเดิม เราต้องหาพลังงานบวกให้กับตัวเองมากกว่า ตาลคิดว่ามันไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปใส่ใจกับพวกคอมเมนต์แย่ๆ มากขนาดนั้นด้วย (ยิ้ม)”

ในช่วงที่โดนวิจารณ์แรงๆ ทำอะไรก็ถูกคนตำหนิ บางคนเจออะไรแบบนี้จะหมดไฟไม่อยากไปประกวดต่อแล้ว ไม่อยากจะทำอะไรต่อแล้ว ถามจริงๆ ตอนนั้นตาลมีความรู้สึกนั้นบ้างมั้ย 

“จริงๆ เราดาวน์ได้แต่อย่าถอย ถ้าสมมติดาวน์แล้วเราต้องลองนั่งทบทวนกับตัวเองดูว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เราดาวน์มากๆ และอะไรคือสิ่งที่เป็นพลังให้เรา ลองมองไปข้างๆ ว่ามีอะไรบ้างที่สามารถเป็นพลังบวกให้เราเดินหน้าต่อไปได้ ท้อได้ เหนื่อยได้ แต่เราจะไม่ถอยเด็ดขาด (ยิ้ม)”

กว่าจะมาถึงวันนี้ ก็ผ่านเรื่องราวที่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจมามากไม่น้อย แต่ น้ำตาล ชลิตา ก็ยังเป็นนักสู้ที่สู้จนมาถึงวันนี้ เราเลยถามว่า ถ้าให้คะแนนความเป็นนักสู้ของตัวเอง น้ำตาลจะให้คะแนนเท่าไร น้ำตาลหัวเราะและตอบแบบมั่นใจว่า 

“ให้คะแนน 9.5 ละกันจากเต็ม 10 นะ (ยิ้ม) เพราะว่าตาลก็มีความเป็นมนุษย์ทั่วไปเหมือนกันที่มีความท้อ มีความเหนื่อย มีความเบื่อด้วย แต่ก็ยังสู้ต่อสู้แบบเต็มที่ เรารู้ว่าเราทำเต็มที่เราก็ให้คะแนนตัวเองแบบเต็มที่ (ยิ้ม)”

ต้องสวยเป๊ะเพราะเป็นนางงาม

เพราะเป็นนางงาม มีตำแหน่งการันตีความสวย เพราะเหตุนี้ จึงทำให้หลายๆ คนคาดหวังว่า น้ำตาล ชลิตา ต้องสวยเป๊ะอยู่เสมอให้สมกับตำแหน่งที่ได้รับว่า น้ำตาลรู้สึกกดดันหรือเปล่า ที่ใครๆ ก็ต้องการเห็นเราสวยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเรื่องนี้น้ำตาลเล่าให้ฟังว่า 

“ก็มีบ้าง แต่ไม่ใช่เพราะตาลเป็นนางงามหรอกค่ะ เพราะตาลคิดว่าผู้หญิงทุกคนก็ต้องดูแลตัวเองให้ดูดีดูสวยอยู่แล้ว แต่ด้วยหน้าที่การงานก็ต้องใช้รูปร่างหน้าตามาทำงาน ตาลเลยต้องดูแลเป็นพิเศษ ก็มีปรึกษาคุณหมอบ้างว่าต้องทำอะไรให้สวยธรรมชาติ สวยแบบเป็นตัวเรา

เวลาที่คนส่วนใหญ่เจอตาล เขาจะชอบเข้ามาถามเรื่องการดูแลหุ่นค่ะ ทุกวันนี้คนก็ทักว่าทำไมดูเด็กขึ้น อาจจะเป็นเพราะว่าเวลาออกงานตาลไม่ได้แต่งหน้าเข้มเหมือนตอนเป็นนางงาม ตอนนี้ก็แต่งตามใจฉัน (หัวเราะ) แฟชั่นทั่วไปแต่งตามเทรนด์ว่าเป็นยังไงบ้างแค่นั้น

ตาลเคยออกไปข้างนอกด้วยหน้าสดนะคะ (หัวเราะ) เวลาไปไหนไม่ได้แต่งหน้าเต็มตลอดเวลา ก็มีวันที่สบายๆ บ้าง พอคนเห็นก็จะบอกว่าดูเด็กนะ แต่งใสๆ คนก็บอกทำไมตัวจริงเด็กจัง (ยิ้ม)

ส่วนที่ถามว่า กดดันมั้ยกับคำว่านางงาม เพราะอีก 10-20 ปีก็ยังต้องสวยอยู่ในสายตาของคนอื่น ต าลว่ามันเป็นไปตามอายุนะ แต่ไม่เป็นไรค่ะเรามีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามามีคนซัพพอร์ตเราได้ (หัวเราะ)

ตาลก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นยังไง แต่ก็พยายามดูแลตัวเองตอนนี้ให้ดีค่ะ ดีกว่าไปแก้ปัญหาตอนปลายเนอะ (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ต้องสวยทุกวัน วันนี้สวย พรุ่งนี้ก็ต้องสวยกว่าเดิม (ยิ้ม)”

และตอนนี้ น้ำตาล ชลิตา ก็กลายเป็นไอดอลความสวย เป็นกูรูให้สาวๆ ไปแล้ว ซึ่งน้ำตาลบอกว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ เธอนั้นลองผิดลองถูกมาเยอะเหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนออกกำลังกายหนัก เล่นทุกอย่างหนัก เลยทำให้ช่วงหนึ่งตัวใหญ่และบึ้กมาก เข้าฉากกับผู้ชายตัวก็ใหญ่เท่ากัน ทุกวันนี้เลยต้องซอฟต์เพื่อให้เป็นชะนีตัวเล็ก

แล้วนิยามความสวยในแบบของ น้ำตาล ชลิตา มิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส 2016 เป็นแบบไหน พอจะบอกเราให้ได้รู้หรือเปล่า ซึ่งน้ำตาลบอกกับเราสั้นๆ เข้าใจง่ายว่า สวยในแบบตัวเอง อะไรที่ทำให้เรามั่นใจก็คือสวยแล้ว ผู้หญิงที่มั่นใจก็คือผู้หญิงที่สวย

จากนางงามสู่การเป็นนักแสดง

แม้จะประกวดนางงามจบไปหลายปีแล้ว แต่ น้ำตาล ชลิตา ก็ยังโลดแล่นต่อในวงการบันเทิง ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงเต็มตัวไปเรียบร้อยแล้ว เราเลยถามว่า จากการเป็นนางงามมาเป็นนักแสดงน้ำตาลต้องปรับตัวมากน้อยแค่ไหน และจะทำงานในวงการบันเทิงต่อไปอีกนานแค่ไหน ซึ่งเจ้าตัวเล่าให้เราฟังว่า 

“จากนางงามมาเป็นนักแสดง มันเป็นบทบาทที่ท้าทายในชีวิตเหมือนกันนะคะ คือเรื่องแรกเลยในชีวิตที่แสดง คิดอยู่เสมอว่าบทเป็นหน้าๆ เขาจำกันยังไง จำให้เป็นธรรมชาติ แสดงดูเหมือนไม่แสดง

ตาลก็รู้สึกว่าค่อนข้างยากกับบทบาทที่แสดง ต้องสวมบทบาทเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา มันก็เลยกลายเป็นว่าเป็นอะไรที่ท้าทาย การที่ตาลเป็นนางงามก็เป็นตัวเรา เป็นการสื่อสารกับทุกคนด้วยตัวเราเอง แต่พอเป็นการแสดงอันนั้นต้องสื่อสารด้วยตัวละคร

จากเด็กเรียนวิทย์แล้วมาแสดงละครก็รู้สึกชอบนะคะ รู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเอง แล้วก็แฮปปี้ด้วย สนุกทุกครั้งที่ไปกอง อาจจะด้วยความแปลกใหม่ที่เราไม่เคยทำ ไฟแรงมั้งคะอันนู้นก็แปลกใหม่ อันนี้ก็อยากทำ รู้สึกว่าตรงนี้เป็นเรามากๆ ก็เลยชอบ

และอีกอย่างโอกาสที่จะได้เข้าวงการบันเทิงก็มาแล้ว ตาลคิดว่ามีหลายคนที่อยากมาอยู่ตรงนี้เยอะมาก แต่เขาไม่ได้มีโอกาส ในเมื่อเราได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่ตั้งใจทำให้มันดี ทุกวันนี้ตาลก็คิดว่าเวลามีงานอะไรเข้ามาตาลก็จะตั้งใจทำให้มันเต็มที่ค่ะ”

เพราะรู้สึกชอบวงการบันเทิงแล้วหรือเปล่า ถึงทำให้น้ำตาลตัดสินใจที่จะเปลี่ยนคณะที่เรียนมา ซึ่งน้ำตาลเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้เธอเข้าเรียนคณะนวัตกรรมการสื่อสารสังคม เอกการแสดงและกำกับการแสดงภาพยนตร์ เพราะได้เรียนรู้ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังทุกอย่างในกองถ่าย

ทำให้รู้ถึงความแปลกใหม่ แต่ก็มีบางอย่างที่ต้องศึกษาหลายๆ อย่าง เผื่อในอนาคตเอาจะได้เอาไปต่อยอด อาจจะเป็นงานผู้จัดละครหรือด้านอื่นก็เป็นได้ และตอนนี้ น้ำตาล ชลิตา ก็กำลังจะมีละครกับ พี่ฉอด สายทิพย์ ทางช่องอมรินทร์ เล่นเป็นนางเอก เรื่องตะวันตกดิน จะออนในเดือนเมษายนนี้ 

หลายคนมองน้ำตาลมีโอกาสที่ดี โชคดีที่ประกวดนางงามจบก็มีงานในวงการบันเทิงทำต่อ น้ำตาลคิดว่าตัวเองโชคดีมีโอกาสที่ดีเหมือนที่หลายๆ คนเขามองมั้ย ซึ่งน้ำตาลตอบคำถามนี้ด้วยรอยยิ้มว่า 

“จริงๆ มันเป็นช่วงเวลาที่ตาลไม่ได้ตั้งใจด้วย ตอนนั้นเราได้ไปประกวด ซึ่งไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะได้มงกุฎ เพราะว่าตาลเห็นว่าทุกคนสวย เคยผ่านการประกวดมาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ค่อยกลับมาประกวดใหม่เพราะคนอื่นๆ เขาก็ทำกัน

แต่ตอนนั้นตาลก็ทำเต็มที่ที่สุดนะคะ ตาลสนุกกับมัน ทำทุกอย่างอย่างสนุก ตาลอยากทำ ตอนนั้นเหมือนเป็นสาวบ้านนอกที่มาเจออะไรแปลกใหม่ ตาลเพิ่งเคยขึ้นเครื่องบินตอนที่ประกวด ไปเก็บตัวที่พังงา ตอนนั้นเห็นอะไรก็อยากทำไปหมดเลย 

จุดเปลี่ยนของชีวิต 

และหลังจากที่ น้ำตาล ชลิตา ได้รับตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 จึงทำให้ชีวิตของเธอนั้นเปลี่ยนไปแทบจะทั้งหมด ทั้งเรื่องชื่อเสียงเงินทอง และการเรียน เพราะน้ำตาลได้ตัดสินใจเปลี่ยนแพลนชีวิตของตัวเองใหม่ ด้วยการย้ายมหา’ ลัยและคณะที่เรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนไม่ค่อยกล้าตัดสินใจที่จะทำเรื่องนี้เท่าไร เพราะเสียดายเวลาที่ผ่านมา แต่สำหรับน้ำตาลนั้นมันคือสิ่งที่ควรทำ

“ก่อนหน้าที่จะมาประกวดนางงาม ตาลไม่เคยคิดจะเข้าวงการบันเทิง อยากทำงานที่มันมั่นคงกับตัวเอง เลยตัดสินใจเลือกเรียนสายวิทย์คณิต แต่พอได้มาทำงานในวงการบันเทิง สิ่งที่เรียนมามันไม่ตรงกับสายงานของเรา ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนคณะ

ถามว่าเสียดายมั้ย ก็ไม่ได้เสียดายอะไรมัน เพราะเห็นถึงความแตกต่างกัน และเพื่อให้มันตรงกับสายงานเราจริงๆ มองเห็นว่ามันเป็นประโยชน์ มันสามารถต่อยอดเรื่องงานให้ตาลได้ 

ตาลคิดว่าเลือกในสิ่งที่เราชอบดีกว่า ถ้าเลือกในสิ่งที่เราชอบ เราจะทำเต็มที่แล้วจะทำมันได้ดีด้วย คือตาลไม่ได้เก่งคำนวณ พอไปเรียนจริงก็เครียดมาก เรียนหามรุ่งหามค่ำ เรียนหัวฟูไปหมดเลย

ก็มานั่งทบทวนว่าเราชอบตรงนี้จริงๆ หรือเปล่าหรือแค่ต้องทำ แต่ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่ชอบ เราจะมีความตั้งใจ มีความสนุกมีความเอ็นจอยตลอดเวลา ไม่ต้องมานั่งเครียดว่าต้องเรียนอีกแล้ว ไม่อยากทำ ถ้าเราเลือกสิ่งที่ชอบความรู้สึกเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย (ยิ้ม)”

ความรักของน้ำตาล 

แต่ถึงจะเป็นสาวสวย อยู่ในวงการมาก็หลายปี แต่ น้ำตาล ชลิตา กลับไม่ค่อยมีข่าวเรื่องความรักเท่าไร วันนี้ได้เจอ จะลองขออัปเดตเรื่องหัวใจกันสักหน่อย ว่ามีอะไรคืบหน้าบ้างหรือเปล่า ซึ่งน้ำตาลตอบเรื่องความรักในชีวิตของตัวเองว่า 

“ก็มีคุยบ้างตามประสาวัยรุ่นทั่วไป แต่ถ้าถามว่าตาลชอบหนุ่มแบบไหน ตาลชอบคนโตกว่า มีวุฒิภาวะมากกว่า มีอะไรจะได้ปรึกษาได้ หรือมีคนคอยให้คำแนะนำในการใช้ชีวิต มีใครที่คอยรับฟังเรา แต่กลับไม่มีคนแบบนี้เข้ามา (หัวเราะ)

เพราะคนที่เข้ามาจะโตกว่าตาลไม่มาก ไม่ก็เป็นรุ่นเดียวกัน ซึ่งตาลมองว่ามันอาจจะยังไม่ใช่เวลาของมันด้วยมั้งคะ ก็เลยยังไม่มีใครที่คลิกกันเข้ามา ซึ่งตาลก็ไม่เหงานะ เพราะมีเพื่อนมีพี่ๆ เยอะมาก ตาลเป็นคนไฮเปอร์ชอบออกไปข้างนอก ชอบไปหาคนนู้นคนนี้ เลยรู้สึกว่าไม่ได้เหงาขนาดนั้น

ถ้าเจอคนที่ใช่ ตาลก็พร้อมที่จะเปิดใจนะ แต่เอาจริงๆ นี่ก็เปิดมาตลอด แต่ก็ไม่มีใครเข้ามา หรืออาจจะเป็นเพราะลุคตาลด้วย หรือไลฟ์สไตล์ของตาลที่เวลาไปทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ไม่ได้ไปปาร์ตี้หรือไปเจอใครต่อ ก็อาจจะมีส่วนที่ทำให้เจอคนน้อย แต่ไม่รีบนะคะ ทำงานก่อนได้

ชีวิตของแต่ละคนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ดูอย่าง น้ำตาล ชลิตา ที่ช่วงชีวิตหนึ่งเธอต้องสู้กับคำดูถูกของใครอีกหลายคนที่โยนใส่เธอ ซึ่งคำพูดเหล่านั้นเคยทำให้น้ำตาลเจ็บปวดไม่น้อย แต่เพราะต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง น้ำตาลจึงเอาคำวิจารณ์เหล่านั้นมาเป็นแรงผลักให้เธอทำให้คนเหล่านั้นเห็นว่า เธอก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนตัดสิน ซึ่งวันนี้ น้ำตาล ก็ทำให้คนได้เห็นแล้วว่า เธอเป็นนางงามที่มีมากกว่าความสวย

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Sriwon Singha

ช่างภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2059029
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2059029