โบวี่ ป่วยโรคกระเพาะเรื้อรัง เจ็บนานนับปีหวังรักษาให้หายขาด อุ่นใจมีรักศีลเสมอกัน

โบวี่ อัฐมา เผยอาการ โรคกระเพาะเรื้อรัง เจ็บนานนับปี ต้องแอดมิตโรงพยาบาลถึง 3 ครั้ง หวังรักษาตัวให้หายขาด พร้อมอัพเดตชีวิตรักหวานใจหนุ่ม ศีลเสมอกัน คู่หู ทางโลก และทางธรรม

โบวี่ ป่วยโรคกระเพาะเรื้อรัง – หลังจากหันหน้าเข้าสู่ทางธรรมะ ก็เหมือนได้พบกับชีวิตใหม่ สำหรับนักแสดงสาว โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ เปิดใจ หลังศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง ค้นพบการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ การใช้ชีวิต หน้าที่การงาน รวมถึงความรัก ที่รู้จักคำว่าพอเพียงมากขึ้น พร้อมทั้งอัพเดตเรื่องหัวใจกับหวานใจคนล่าสุด ที่คบหากันมายาวนานกว่า 2 ปี รวมถึงอาการป่วยโรคกระเพาะเรื้อรัง ที่ต้องรักษาตัวถึงกับตัดสินใจถอนตัวจากละคร My queen

ตอนนี้ความรักเป็นยังไงบ้าง? “ความรักดีค่ะ เราก็มีคนที่กำลังคบหาอยู่ แต่ว่าเราไม่ได้เปิดเผยกับสื่อ คบเงียบๆ(ยิ้ม) แต่ว่าที่บ้านรับรู้ค่ะ”

คบกันมากี่ปีแล้ว? “น่าจะ 2 ปีแล้วค่ะ”

คนนี้เรายังไม่พร้อมที่จะเปิดใช่ไหม? “มันยังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเปิด คือที่คบกันอยู่ก็แฮปปี้ดีอยู่แล้ว คือมันดีไปซะจนเราไม่ได้คิดว่าออกสื่อมั้ย ไม่ออกสื่อมั้ย”

เห็นเคยพูดไว้ว่าอยากแต่งงานช่วงอายุ 40 ปี? “เปิดออกสื่อเขาก็เฉยๆ แต่ว่าเพื่อนฝูง กับทางบ้านเขา ไม่ได้ปิดบังอะไรอยู่แล้ว แต่เราก็ยังอยากแต่งงานตอนอายุ 40 ปี แต่เราไม่อยากมีลูก(ยิ้มบิดตัว) เพราะด้วยหลายอย่างค่ะ เราต้องการความคล่องตัวในการใช้ชีวิต”

ช่วงนี้หันตัวเข้าสู่ทางธรรมะ มันทำให้การใช้ชีวิต การมีความรัก การทำงาน เราเปลี่ยนไปไหม?
“เปลี่ยนไปมากเลยค่ะ จริงๆแล้วสำหรับโบ คนรักมันเป็นเรื่องของการที่เรามีคู่ชีวิตที่เกื้อหนุนกัน บางทีเราใช้ชีวิตโดยลำพัง พอมันมีคนที่มาช่วยซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน มันก็เหมือนมีเพื่อนในการช่วยแก้ปัญหา หรือช่วยเกื้อหนุนชีวิตกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันไม่ใช่แค่ทางโลกไง อย่างคนที่โบคบอยู่ เขาเกื้อหนุนโบในทางธรรมด้วย อย่างเวลาโบจะไปปฏิบัติธรรมเขาก็ไปปฏิบัติธรรมกับโบด้วย เขาจะซัพพอร์ตทำกับโบทุกอย่าง

คนรักมันเหมือนคู่หูสำหรับโบตอนนี้ มันไม่ใช่แค่เรื่องความรักแบบเสน่หา แต่มันคือเพื่อนคู่หูที่จะมาช่วยทั้งทางโลก และทางธรรม คือเป้าหมายในชีวิตของโบมันเปลี่ยนไปแล้ว อย่างที่บอกเราปฏิบัติธรรม จนเราเห็นแล้วว่าการเกิดมันเป็นทุกข์ เราได้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าเราจะเกิดมาดีขนาดไหน เกิดมาเพียบพร้อม มีเงิน หน้าตาดี ฐานะดี มีคนรักดี สุดท้ายแล้วความทุกข์ก็ยังเกิดอยู่ดี อาจจะเกิดจากการพลัดพราก สุดท้ายวันหนึ่งโบก็ต้องจากกัน ถ้าไม่จากเป็นก็จากตาย กับพ่อแม่เราก็ต้องจากกัน แก่ไปเราก็ต้องเจ็บป่วย ไม่ว่ายังไงเกิดมาก็มีแต่ทุกข์

เราเห็นตรงนี้อย่างกระจ่างชัดมาก เรารู้สึกว่าเราอยากจะเดินทางตามที่พระพุทธเจ้าได้บอกไว้เลย คือการดับทุกข์ เราปฏิบัติไปให้ถึงนิพพาน เพื่อที่เราจะไม่ต้องกลับมาเกิดอีก ให้มีกิเลสอีก เราเลยอยากจะไปตามทางนี้ให้มันสุดทาง แต่ ณ ปัจจุบันเราเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างเดินทาง เราก็ยังไม่ได้บรรลุธรรมขั้นไหน บางทีการมีคู่มันมาช่วยเกื้อหนุน ผลักดัน บางทีเราอยู่คนเดียวมันก็ใช้ชีวิตลำบาก พอมีคนมามันช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น”

ปฏิบัติธรรมบ่อยแค่ไหน? “เกือบจะทุกวัน ทำที่บ้านอย่างต่ำก็ 1 ชั่วโมง แล้วก็มีไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมอยู่เรื่อยๆ 7 วัน บางทีก็จะไป 3 เดือน 1 ครั้ง จริงจัง(ยิ้ม) การที่เราเปลี่ยนทัศนคติการใช้ชีวิตที่เรามีความพอเพียงมากขึ้น เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนที่เราทำงานเราจะห่วงความก้าวหน้าไป ไม่จบไม่สิ้น ความเรียกว่าความทะยานอยาก มันมีกิเลสอยากจะโตต่อๆไปเรื่อยๆ หาไปเรื่อยๆ

เมื่อก่อนพี่เป็นแบบนี้ไง แล้วพี่ไม่ค้นเจอความสุข พี่เจอแต่ความทุกข์จากการที่พยายามไปเรื่อยๆ พี่ก็งงความสุขพี่อยู่ที่ไหน พอปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ พี่ถึงค้นพบว่าจริงๆนั่งอยู่เฉยๆก็มีความสุขได้ มันอยู่ที่ใจ อยู่ที่จิตของเราที่มันเบาบางจากกิเลส ความทะเยอทะยานอยากความน้อยลง ใจมันก็เป็นความสุขมากขึ้น มันก็เลยรู้จักจุดที่มันพอ โบมีแค่นี้เลยรู้สึกว่าพอแล้ว โบประสบความสำเร็จ และรู้สึกว่าเรามีเยอะแล้ว รวยแล้ว ใช้เท่าที่มี แฮปปี้แล้ว

ความรักก็เหมือนกัน มันเปลี่ยนทัศนคติ จากที่ฉันอยากมีคนรักแบบนี้ ตอนนี้คนรักเป็นแค่คู่หูของชีวิตที่จะมาทำให้เราไม่ได้เดินทางเหนื่อยมาก เราช่วยเกื้อกันไปทั้งทางโลก และทางธรรมให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป พระอาจารย์ท่านบอกว่าคนรักที่ปฏิบัติธรรมไปด้วยกันความรักเสน่หามันก็จะเปลี่ยนเป็นความรักแบบเมตตา สนับสนุนกันไป”

อย่างเรื่องบ้านแฟนมีส่วนซัพพอร์ตในการตัดสินใจไหม? “ไม่มีเลยค่ะ บ้านหลังนี้โบซื้อเองตั้งแต่แรก เราก็ตัดสินใจเอง แต่ถามว่าเขาเกื้อหนุนอะไรกับบ้าน เขาก็ช่วยพี่หมด ขับรถพาไปดูของ ช่วยดูช่าง แต่จริงๆมันเป็นทรัพย์สินของเรา เขาก็แล้วแต่เราให้เราจัดการ”

คนนี้จริงจัง คาดหวังมากน้อยแค่ไหน? “เราอยู่ในวัยที่ไม่ใช่คบเล่นๆแล้ว อายุ 36 แล้ว เราอยู่ในวัยที่เราจริงๆในการหาคู่ชีวิต ซึ่งคนนี้เขาค่อนข้างที่จะลงตัวกับพี่มาก เราศีลเสมอกัน พี่เป็นคนรักษาศีล 5 จริงจัง เขาก็รักษาศีล 5 จริงจัง พี่ปฏิบัติธรรม เขาก็ไปปฏิบัติธรรมกับพี่ได้ ในทางโลกจะทำกิจกรรมอะไรเขาก็ซัพพอร์ต คือทุกอย่างมันแฮปปี้ แต่การมีคนรักบางทีก็ต้องมีใจที่เผื่อเอาไว้ เพราะว่าใดใดในโลกล้วนอนิจจัง

ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงไม่จากเป็น ก็ต้องจากตาย ดังนั้นแล้วไม่ว่าจะยังไงก็ตามไม่ว่ากับใครก็ตามที่คิดว่าเขาใช่แค่ไหน เราก็ต้องเผื่อใจไว้เสมอ คือเราต้องยอมรับความจริงให้ได้ก่อน ว่าสุดท้ายมันต้องมีวันจากลา มันก็ทำให้การคบมีความสุขมากขึ้น โดยที่วันหนึ่งมันเกิดการเปลี่ยนแปลง เราก็จะทุกข์กับมันไม่เยอะมาก”

คุยเรื่องอนาคตกันหรือยัง? “คุย อย่างเรื่องแต่งงานเขาอยู่ในวัยที่เขาแต่งงานอยู่แล้ว แต่อย่างพี่ พี่ก็อยากจะแต่งสักตอนอายุ 40 ปี เพราะว่าขี้เกียจจัดงาน(ยิ้ม) พี่รู้สึกว่าการแต่งงานมันเป็นเรื่องที่วุ่นวายจังเลย แต่สุดท้ายเราก็ต้องจัดให้พ่อแม่ พ่อแม่ก็โอเคทุกอย่าง ตามใจทุกอย่าง ถ้าพี่ไม่มีลูกแม่พี่ก็แล้วแต่ ไม่เร่งรัด เมื่อไหร่แต่ง อยากเลี้ยงหลาน ไม่มีสักคำ ดีมาก พี่ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มาก(ยิ้ม)”

ก่อนหน้านี้โพสต์รูปบอกว่าป่วย? “พี่เป็นโรคกระเพาะอาหารเรื้อรัง ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โบแอดมิตไป 3 รอบ ปวดรอบแรก แอดมิตออกมาพี่ก็กินยาต่อเนื่องไปสักพักเลยนะ 2-3 เดือน จนพี่รู้สึกว่าพี่อาการดีขึ้นแล้ว พอรู้สึกว่าดีขึ้นพี่ก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ สักพักหนึ่งปวดท้องขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เพราะว่ามันยังไม่หายดีไง ซึ่งจริงๆแล้วเราต้องระมัดระวังการใช้ชีวิตยาวนานเป็นปีต่อเนื่อง

พอเราไม่ระวังก็กลับมาแอดมิตอีกรอบนึง ซึ่งพอออกมา ช่วงแรกอ่อนแอ กินยา ชีวิตก็ดีขึ้น แล้วก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม กลายเป็นว่าป่วยอีก แอดมิตรอบ 3 หนักกว่ารอบล่าสุด พี่เลยรู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เราต้องจริงจังกับการรักษา แล้วพอดีพี่กำลังจะปิดกล้องเรื่องสุดท้ายพอดี แล้วก็กำลังจะเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ เรื่อง My queen พี่เลยอยากจะดูแลรักษาตัวเองให้มันหายสนิทก่อน

คือมันเป็นโรคที่ถ้าเราหายแล้วไม่ระมัดระวังมันจะกลับมาใหม่ มันก็จะปวด เราก็ต้องเข้าโรงพยาบาลอีก พี่เลยโทรไปขอโทษทางพี่ๆทุกคนที่ขออนุญาตถอนตัว เพราะว่าการทำงานกองถ่าย การทานอาหารมันไม่ค่อยตรง สองการเล่นละครในบางซีนที่มันต้องวี๊ดมากๆ บางครั้งพอมันพีกมากๆเล่นเสร็จแล้วมันปวดท้อง เพราะว่ากรดมันหลั่งออกมาจากความตึงเครียด บางทีก็ปวดท้อง เราเลยอยากเลี่ยงสภาวะนี้ เพราะมันเซ้นสิทีฟมากเลย กินเปรี้ยวนิดนึงก็ไม่ได้ กินเผ็ดนิดนึงก็รู้สึกแล้ว ไม่ใช่แค่ตอนนั้นตอนนี้ก็ไม่ได้ บางทีมันเหมือนจะดีขึ้นนะ คือมีกรดเยอะก็จะปวดท้อง”

ตอนนี้ร่างกายเริ่มฟื้นฟูหรือยัง? “ตอนนี้ยังรู้ว่ามันยังไม่โอเค แม้ว่าดีขึ้นมาหน่อย แต่ยังกินปกติไม่ได้”

เรื่อง My queen ได้ถ่ายไปบ้างหรือยัง? “ยังค่ะ ถ้าถ่ายแล้วพี่คงไม่กล้า คือยังไม่ถ่าย แต่ใกล้จะเปิดกล้องมากๆแล้ว(ยิ้ม) ถามว่าเสียดายไหม เสียดายด้วย เกรงใจเขาด้วยเพราะว่ามันใกล้เปิดกล้อง เขาต้องรีบหาคนมาแทน ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าได้คนมาแทนแล้วหรือยัง จริงๆแล้วตัวเราเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนที่รับแล้วจู่ๆขอยกเลิกพี่ไม่เคยเลย นี่เป็นครั้งแรก”

ขอบคุณรูปภาพ : bowie_atthama

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6254317
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6254317