สาวพีพีเล่าถึงคาแรกเตอร์ไหมตะวันว่า ช่วงที่เป็นคุณหนูก็จะค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่พอเราต้องเข้าไร่ไป ทุกอย่างหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว “ถึงจะมีความเอาแต่ใจเพราะไหมตะวันถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้ แต่เขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้ชีวิตเพิ่มมากขึ้น ตรงนี้อาจจะใกล้เคียงกับตัวตนจริงๆของพีพี ตอนเด็กๆ พีพีจะอยู่กับคุณยายที่ค่อนข้างตามใจ แล้วก็จะห้ามเราทำอะไรหลายอย่างมากๆ แต่เมื่อถึงวันที่เราเข้ามาทำงานตรงนี้ มาอยู่กรุงเทพฯ เราก็มีโอกาสได้ทำอะไรด้วยตัวเองเยอะ มุมนี้น่าจะเป็นส่วนที่ทำให้พีพีรู้สึกว่าเราใกล้กับตัวละครไหมตะวันพอสมควร ได้เรียนรู้หลายๆเรื่อง อย่างเรื่องอาหารการกิน พีพีเป็นคนชอบกินผัดกะเพรามากๆ เรารู้จักผัดกะเพรา แต่เราไม่รู้ว่าต้นกะเพราหน้าตาเป็นแบบไหน เราเห็นก็ตอนที่มันอยู่ในจานแล้ว (หัวเราะ) ก็จะโดนแซวเรื่องกะเพรา และเรื่องขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น คุณยายก็เป็นคนขี้กลัวก็เลยห้ามไม่อยากให้ขี่ เพราะบ้านอยู่ติดถนนใหญ่ คุณยายก็จะกลัวอุบัติเหตุ”

ลำพังบท “ดราม่า” ก็ยาก แต่สำหรับพีพี เป็นแนวถนัดจัดเต็มไม่มีกั๊ก แต่สิ่งที่ยากและท้าทายกว่าน่าจะเป็นเรื่องขี่ม้า กรุบๆ แถมบทมีฉากหวาดเสียวต้องตกม้า เรียกว่า อ่านบทเจอปุ๊บใจคอไม่ดี ความกลัวนำหน้าความกล้า แต่โชคดี ที่ทุกคนช่วยกันเซฟอย่างดี คอยปลอบไม่ต้องกังวล แถมก่อนเข้าฉากเลยพยายามเลียบๆเคียงๆ ตีสนิทกับม้า ให้มากที่สุดก่อน แต่ไม่วายมีเหตุน้ำตาแตก เพราะความกลัวนั่นล่ะ ใจแทบหยุดเต้น กองอยู่ที่ตาตุ่ม ยังดีทุกอย่างก็ผ่านมาได้ ไม่มีส่วนใดบุบสลาย พีพียอมรับแบบไม่อายว่าเป็นคนกลัวสัตว์หลายชนิดอยู่แล้ว แหม่ๆ ช่างขัดกับลุค มั่นๆซะเหลือเกิน

ส่วนการร่วมงานกับ หนุ่มบอส พระเอก ลุคโอปป้าที่สาวๆคลั่งรักนั้น เป็นการร่วมงานครั้งแรก สาว พีพี เล่าอย่างอารมณ์ดีว่า “พี่บอสเป็นคนเก่งค่ะ เขาจะมีมุมของเขาในกองละคร บางวันเขาก็จะมาแบบนิ่งๆ หล่อๆ บางวันก็จะมาแบบใสๆ เหมือนพระเอกเกาหลี แล้วพี่บอสเป็นคนน่ารักค่ะ หน้าเขาจะยิ้มตลอดเวลา คือต่อให้หน้าเขาเฉยๆก็ยังเหมือนเขายิ้มอยู่ตลอดเวลา เลยทำให้สบายใจเพราะในเรื่องจะมีฉากกุ๊กกิ๊กกันเยอะค่ะ แล้วถ้าเราเล่นแบบไม่อ้อน ไม่หวานใส่เขา มันจะทำให้เราดูแมนกว่าเขาเพราะพี่เขาเป็นคนหน้าหวานมาก”

สะท้อนอะไรในตัวเราบ้างไหมเนี่ย “เริ่มสำรวจตัวเองแล้วค่ะ (หัวเราะ) แต่ความที่พี่เขาตัวใหญ่ และเราตัวเล็ก มันก็จะช่วยตรงนี้ได้บ้างค่ะ”

เมื่อพีพี โตเป็นสาวสะพรั่งชวนให้หลงใหล เลยชวนขึ้น “มาลัยไทยรัฐ” อีกครั้ง ช่างหน้า Rambomakeup และช่างผม poopae_makeup เนรมิตให้กลายเป็น พีพี นิวลุค สวย แซ่บเบาๆ พอให้หนุ่มๆกระชุ่มกระชวย มาพร้อมแฟชั่นแบรนด์ Heart Weaver Studio เพิ่มเสน่ห์น่ามอง พอถึงแฟชั่นชุดเกาะอกเท่านั้นแหละ รู้เรื่อง…ง เป็น มนุษย์จอแบน เลยต้องพึ่งวิชาโกยทุกส่วนที่มี รวบตึงมารวมกันให้หมดก็ยังไม่หนำใจ สุดท้ายต้องอาศัยตัวช่วย เสกปิ๊งๆ มหัศจรรย์ (แอบ) อึ๋มในพริบตา จนได้ฉายา “น้องก็อกแก็บ” ทันที (ฮาาาาา) แต่พอถามถึงหน้าอกหน้าใจที่มีมาน้อยใช้สอยอย่างประหยัดเช่นนี้ มีความคิดแว้บๆ เสริมหน้าอก กู้ความมั่นใจคืนมาบ้างไหม?!

“ด้วยความที่รูปร่างเราข้างบนจะเล็กกว่าข้างล่าง (จอแบน) คือต่อให้ผอมอย่างไร สะโพกกับขาก็ยังใหญ่ พยายามลดน้ำหนักเพื่อให้ต้นขาลดลง แต่พอลดหน้าอกเราก็หายไปด้วย เลยคิดว่าเราอยากจะมีลุคที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกหน่อย ให้ดูมีเนื้อมีหนัง มีหน้าอกบ้าง ตอนนี้ก็ใช้วิธีเลือกชุดชั้นในไปก่อน คือมันช่วยได้จริงๆนะคะ มันเปลี่ยนไปเลย ส่วนเรื่องการทำศัลยกรรม พีพีคิดว่ามันอยู่ที่ความพอใจ อยู่ที่รสนิยมทำเพื่อเสริมความมั่นใจ ถามว่าเราคิดมากไหมที่เราไม่มีหน้าอก ถ้ามันเป็นชีวิตปกติเราคงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอเราจะต้องทำงานจะต้องสวมชุดที่ดูเป็นสาวหน่อย มันก็จะเป็นปัญหาเรื่องนี้ตลอด (ยิ้ม)”

สถานะหัวใจที่หนุ่มๆหูผึ่งอยากจะรู้ สาวพีพีมีแฟนเป็นตัวตนแล้วหรือยัง งานนี้เจ้าตัวพูดได้เต็มปากแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด “โสดค่ะ” ครั้นถามมีคนเดินเข้ามาจีบบ้างไหมก็ยอมรับว่ามีคนเดินเข้ามา แต่ก็ต้องเดินออกไป…อ้าว แล้วกัน “อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราสื่อสารไปเขาคลิกหรือเปล่า ตัวเราเป็นคนพูดตรงพอสมควร ชอบหรือไม่ชอบเราจะพูดชัดเจน ซึ่งมันอาจจะไปทำร้ายความรู้สึกเขาหรือเปล่า แต่ในมุมของเรา เรามองว่ามันเป็นการแสดงความจริงใจ อีกอย่างคือส่วนมากเราจะอยู่กับเพื่อนๆ เพื่อนก็จะช่วยกันสแกน ด่านเพื่อนค่อนข้างยากอยู่แล้วค่ะ บางคนที่เข้ามาเขาอาจจะไม่ชอบอยู่กับเพื่อนเรา เพราะเพื่อนเราส่วนมากจะเป็นสาวสองที่เป็นตัวแม่ เสียงจะดัง กลุ่มพีพีเพื่อนผู้หญิงจะน้อยค่ะ ถ้าไม่เป็นสาวสองก็คือผู้ชายไปเลย คนที่เข้ามาอาจจะไม่เข้าใจตรงนี้ ไม่เข้าใจในความเป็นเรา”

เปิดใจหรือเปล่าในเวลานี้ “ไม่ได้ปิดนะคะ สามารถเข้ามาคุยได้ ทำความรู้จักกันได้ แต่พีพีเป็นคนที่ชอบอยู่กับเพื่อนมากกว่าด้วย อีกอย่างถ้าเข้ามาแล้วเขามีความหึงหวง มีการแสดงความเป็นเจ้าของมากๆ มันก็คงจะอยู่กันได้ไม่นาน ดังนั้น มันเสียดายความสัมพันธ์ความรู้สึกดีๆที่มีมากกว่า คือความรักจริงๆ ต้องมีความเข้าใจ เริ่มต้นตรงนี้ก่อนน่าจะดีที่สุด คือเราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเราแบบนั้น”

“ถ้าจะมีคนเข้ามาก็อยากให้เข้ามาในรูปแบบของพลังบวก มาช่วยเป็นกำลังใจให้กันและกันมากกว่า ยิ่งในเวลานี้เรามุ่งที่จะทำงาน ดังนั้น ถ้าเข้ามาคือให้กำลังใจให้เรามุ่งมั่นทำงานได้เต็มที่ เราเองก็พร้อมจะให้กำลังใจเขาให้ทำงานได้เต็มที่เช่นกัน คือเข้ามาแล้วเป็นแบบนี้เราก็โอเค แต่ถ้าไม่มี เราก็รู้สึกว่าเราอยู่ด้วยตัวเองได้”

ยิ่งคิดว่าอยู่ตัวคนเดียวได้แบบนี้กลัวไหมจะกลายเป็นโสดยาวไปๆ “เป้าหมายของเราคือ ถ้าจะมีแฟนคงต้องเป็นคนที่คอยซัพพอร์ตความรู้สึกของกันและกัน เขาชอบอะไรเราชอบในสิ่งนั้น เราชอบอะไรเขาสามารถไปกับเราได้จริงๆ คือแค่นั้นเลยค่ะ เลยไม่กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียวเพราะไม่อยากคบแล้ววันนึงเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกัน ระแวงกัน ต้องเลิกกัน แต่ถ้าเป็นการเลิกกันเพราะนิสัยความชอบแตกต่างกัน ความคิดทัศนคติไม่ตรงกันแบบนั้นเราเข้าใจได้มากกว่าก็เลยทำให้คิดว่า ความสัมพันธ์ที่ดีบางทีไม่จำเป็นต้องระบุก็ได้ว่าเป็นอะไรอย่างไร ถ้าจะเจอแล้วใช่ก็คือใช่ อีกอย่างเราเป็นคนที่รู้สึกว่าถ้าเราจะมีความรัก เราอยากเริ่มต้นจากตรงนี้เพราะเราเป็นคนที่ถ้ารักใคร เราก็รักได้แค่คนเดียวค่ะ”.

ภาพ : สุรกิจ แก้วมรกต