ปู แบล็คเฮด ควง นุ๊กซี่ แชร์ประสบการณ์หลังเป็นมะเร็ง กำลังใจสำคัญที่สุด


ให้คะแนน


แชร์

ทราบมาว่าทีสมาชิกท่านนึงติดโควิดเหมือนกัน?
ปู : เป็นผู้จัดการ ซึ่งผู้จัดการกับทางวงก็เหมือนเป็นหนึ่งสมาชิก ไปไหนมาไหนนั่งรถตู้คันเดียวกัน ไปต่างจังหวัด ไปขึ้นเครื่องด้วยกัน ทุกอย่างไปด้วยกันหมด ฉะนั้นถ้ามีอะไรที่มันเกี่ยวพันกับผู้จัดการ ทุกคนในวงก็จะนอยด์ไปด้วยกันหมด

พอรู้ปั๊บตอนนั้นต้องแยกกันนอนกับพี่ปู?
นุ๊กซี่ : ถ้านับไทม์ไลน์พี่ปูไปตรวจประมาณวันที่ 5 ที่รู้แล้วว่าไปเจอกับคนนั้น เสร็จแล้วคุณหมอก็บอกว่านุ๊กกับพี่ปูเสี่ยงต่ำ แต่ว่ากลับมานุ๊กก็บอกว่าเราแยกห้องกันก่อนละกัน

พี่ปูว่ายังไงพอน้องเขาบอกว่าแยกห้อง?
นุ๊กซี่ : มันก็ง่ายดายกับการแยกห้อง ภายในไม่กี่วันมันก็ได้ผลแล้ว

กินข้าวด้วยกันไหม หรือไม่เจอกันเลย?
นุ๊กซี่ : ตอนแรกสุดคือเรากินข้าวด้วยกันไปแล้ว ตอนแรกคิดว่าถ้าสมมติพี่ปูเป็นก็ไม่น่าจะรอด แต่พอผลออกมาว่าไม่เป็นเราก็สบายใจประมาณนึง ก็เลยเจอกันได้ พบปะกันได้นิดนึง

เราเป็นมะเร็งเต้านม ตอนนั้นรู้ได้ยังไง?
นุ๊กซี่ : ย้อนกลับไปเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว เรามีอาการเจ็บหน้าอกเหมือนมันอักเสบ แบบไม่ปกติแน่ๆ พอนอนตะแคงข้างที่เป็นรู้สึกเจ็บๆ เราก็เอามือจับเลย พอจับปุ๊บมันเจอก้อนเลย

ตอนนั้นพอรู้ตัวว่ามันไม่ปกติแล้ว เราคิดอย่างแรกเลย ต้องเป็นมะเร็งแน่ๆ จิตตกมาก เดินลงมาคือจับมือพี่ปูว่าป๊าหนูไม่อยู่แล้ว อะไรสักอย่างนึง แล้วก็ร้องไห้หนักมาก ใจถล่มลงไปเลย

ตอนนั้นพี่ปูรู้สึกยังไง?
ปู : จริงๆ รู้ระยะนึงแล้วว่าเขามีอาการ เหมือนเป็นอะไรสักอย่างนึง แต่ไม่รู้ว่าเป็นมะเร็ง แล้วมีอาการที่บ่งบอกได้ว่าเขาไม่ปกติแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนั้นเราก็คาดเดาไปในหลายๆ เรื่อง

เรื่องที่ยากที่สุดคงจะเป็นเรื่องมะเร็งเต้านม แต่ก็พยายามคิดให้มันโอเคกว่านั้นไว้ก่อน แต่พอช่วงจิตตกจริงๆ มันก็ไปสู่จุดนั้นอยู่ดี การแก้ปัญหาของเราคือต้องตรวจแล้วล่ะ

นุ๊กซี่ : 3 เดือนนุ๊กมีความกังวล แต่ไม่ไปตรวจ จริงๆ กลัวการตรวจนี่แหละ กลัวคำตอบว่ามันใช่ แต่มันก็เจ็บอยู่ตลอด แล้วเหมือนเจ็บมากขี้น

เราเลยตัดสินใจไปตรวจที่เราทำหน้าอกมา ว่ามันเกิดจากการทำหน้าอกหรือเปล่าแล้วมันอักเสบ พอหมอเขาดู เขาบอกว่ามันไม่ได้ผิดปกติที่ตัวซิลิโคน มันผิดที่เนื้อของเรา วันนั้นก็เลยตัดสินใจไปตรวจเลย

วันนั้นหมอบอกว่ายังไง?
นุ๊กซี่ : วันนั้นยังไม่ได้ผลตรวจในทันทีเพราะเราต้องเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ หลังจากนั้น 3 วันหมอศัลยกรรมเขารู้จักกับหมอที่ตรวจ เขาไลน์มาว่า ว่างโทรมานะ รู้เลย

ร้องไห้เลยไหม?
นุ๊กซี่ : ร้องเลย
ปู : ผมเห็นเขาร้องแล้ว ผมร้องไม่ออก คือย่างที่บอกเหมือนเราก็รู้อยู่แล้วเหมือนกันว่ามันน่าจะใช่สะส่วนใหญ่ และเรื่องของความเป็นห่วง เป็นห่วงเรื่องสุขภาพจิตมากกว่า แต่ผมก็คิดไว้แล้วว่าถ้าตรวจเจอยังไงมันก็รักษาตามอาการไป

นุ๊กซี่ : คำนี้ทำให้เรารู้สึกแบบ ในขณะที่ผลยังไม่ออกเราเครียดมาก แต่พอรู้ว่าเป็นแล้วเหมือนมันเป็นอีกเรื่อง มันไม่ต้องมาลุ้นแล้ว ใจมันเปลี่ยนเลยว่าทำยังไงต่อดี

แล้วพอพี่ปูพูดว่าเป็นก็รักษา คำว่าเป็นก็รักษา มันง่ายมากสำหรับการที่เราจะคิดยังไงดีว่าเราจะทำยังไง คำนี้มันทำให้เราคิดแค่นี้ แล้วมันทำให้เราอยู่กับคำนี้มาจนถึงวันนี้ เราก็รักษามาเรื่อยๆ

แล้วเข้าผ่าตัดเมื่อไหร่?
นุ๊กซี่ : หลังจากที่ผลออก

แล้วทำไมต้องใช้พยาบาลทั้งโรงพยาบาลในการผ่าตัดครั้งนี้?
นุ๊กซี่ : เราไปผ่าตัดที่จังหวัดลพบุรี คุณหมอจะอยู่ 2 ที่ คือที่บำรุงราษฎร์ แล้วก็ที่ลพบุรี แต่เราคิดเองว่าเอาแบบค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมาก ณ ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเราใช้สิทธิ์อะไรบ้างในการที่จะจ่าย

เราก็เลยไปโรงพยาบาลในราคาที่เราจ่ายได้ สรุปเขาไม่รู้ว่าการต่อผมของเรา เราบอกเขาว่าหนูมีต่อผมนะไม่ ไม่รู้ว่าการผ่าตัดมีปัญหาอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่าได้ ไม่มีปัญหาอะไร เราก็บอกพี่ปูว่าเราจะเข้าห้องผ่าตัด

แต่พอเข้าไปถึง พี่คะหนูต่อผมไม่เป็นไรใช่ไหม ก็พูดอีก คือผ้าเขียวจะคลุมตัวแล้ว พยาบาลก็บอกว่าขอดูหน่อย เหมือนไฟฟ้าสถิต เพราะมันเป็นโลหะ

ทุกคนก็ฮือฮา เขาก็วิ่งกันมาดู อ่อมันคือโลหะทั้งหัวน้องเลย ถ้าน้องหลับไปพยาบาลก็อันตราย เราก็อันตราย เขาก็เลยช่วยกันเอาออก

ปู : เราก็นั่งรอ มันเลยเวลาที่หมอบอกไว้ 3 ชั่วโมงกว่า เขาออกมาตอน 4 โมง ตอนนั้นเขาไม่มีสติ

หลังจากผ่ามันต้องทำคีโม?
นุ๊กซี่ : ใช่ค่ะ แต่เรายังไม่เริ่ม จะเริ่มต้นเดือนพฤษภาคม นี้ เพราะว่าพอผ่าตัดเสร็จก็จะพักฟื้นเรื่องแผลผ่าตัด เพราะว่ายังยกแขนไม่ค่อยได้ดี แต่ก็เตรียมการ เตรียมใจ เตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว

ยังไงบ้างที่บอกว่าเตรียมการ เตรียมใจ?
นุ๊กซี่ : เขาบอกว่าคีโมจะผมร่วง เราก็เตรียมวิกเอาไว้ 30 วัน 30 ทรงต้องมานะ แล้วเขาบอกว่ามันจะมีอาการคลื่นไส้ อาการทั้งหมดคือการวังวลมากๆ ของคนที่เป็นโรค

เราก็คิดว่าถ้าเราคลื่นไส้ ไม่อยากเครียด ไม่อยากคิดมาก เราคิดว่าเหมือนเราท้องนะ แบบคนท้องก็ต้องอ้วก เขายังทนกันได้เลย เราก็ต้องทนได้ เราก็จะคิดอะไรที่มันซัพพอร์ตหัวใจของเรา

พี่ปูให้กำลังใจน้องยังไงบ้าง?
ปู : พื้นฐานเลย ถ้ามันเกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว เราต้องเดินไปสู่การรักษา นี่คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน การให้กำลังใจก็คือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ข้างๆ กัน

5 ปีแล้ว ก็ยังไร้แพลนการแต่งงานอยู่?
ปู : เคยคุยๆ นะ แต่พอคุยกันไว้มักจะมีเหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ คิดดูเมื่อ 2-3 ปีหลัง มันมีอะไรหลายอย่างมาก มันไม่ใช่โควิดอย่างเดียว หลายๆ อย่าง มันทำให้แพลนที่วางเอาไว้ มันก็จะมีอะไรเกิดขึ้น

แล้วมันยังมีอยู่ไหม ยังจะได้เห็นอยู่ไหม?
ปู : ถ้าสมมติ ณ ตอนนี้นะครับ อาจจะมี แต่เป็นแพลนเล็กมาก

อนาคตแพลนจะใหญ่ขึ้นไหม?
นุ๊กซี่ : หนูคบกับเขามาพอเข้าปีที่ 5 ความมั่นใจเริ่ม 100% ว่ามันใช่คนคนนี้แหละ เพียงแต่ว่าเวลาเราจัดงานแต่งงาน เราอยากให้คนมาเป็นพยานรักในงานเรา

พอถึงเวลา ถ้ามันจัดขึ้นมาแล้วมันไม่สามารถมีใครมาได้ มันเป็นแค่พิธีรีตองธรรมดา เราก็รอให้มันโอเคพร้อมหว่านี้ ในงานเราจะได้มีความสุขแบบคนที่เขาอยู่กับเรามาตลอดทางเขาจะได้มา เล็กใหญ่ มันก็เลยต้องดูสถานการณ์ว่ามันจัดได้แค่ไหน

เรื่องลูกแพลนไว้ไหม พี่บอกว่าไม่มีไม่ใช่เหรอ?
ปู : อันนี้ต้องแบบหลังจากคุยกับคุณหมอแล้วเนี่ย มีเรื่องของสุขภาพ ถ้ามีเกรงว่ามันจะไม่สมบูรณ์นัก
นุ๊กซี่ : คือนุ๊กต้องรักษาโรคอีกหลายปี แล้วอายุพี่ปูก็กว่าจะมีลูก กว่าลูกจะโต แค่ตอนไม่เป็นโรคหนูก็คิด แต่อยากมีมาตลอด แต่พอมานับอายุ ถ้าพี่ปู 50 ลูก 20 พี่ปู 70 นี่คือต้องเลี้ยงทั้งลูกและพี่ปูด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2072853
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2072853