นุ๊ก-ฮากีม เคลียร์ข่าวเตียงหัก หลังสามีกลับมาเลเซียนาน 10 เดือน (คลิป)


ให้คะแนน


แชร์

เกิดอะไรขึ้นทำไมคุณต้องกลับประเทศ?
ฮากีม : คือผมต้องต่อพาสปอร์ต แล้วเว็บไซต์บอกว่าไม่สามารถต่อพาสปอร์ตที่สถานทูตที่เมืองไทยได้ ผมก็เลยต้องไปต่อพาสปอร์ตที่บ้านเกิด แต่พอโทรไปสอบถาม เขาบอกว่าต่อได้ แต่ว่าต้องใช้เวลา 3 เดือน ซึ่งเวลานั้นมันมีเวลา 2 อาทิตย์พาสปอร์ตก็จะหมดอายุ ก็เลยต้องบินกลับ

ตอนนั้นอยากให้เขากลับไหม?
นุ๊ก : เอาจริงๆ ก็ไม่อยากให้เขากลับ เพราะเรารู้ว่าไม่ใช่แค่เรื่องเมื่อไหร่จะได้กลับมา ไหนจะค่าใช้จ่ายในการเดินทาง มันยังมีเรื่องการรับงาน เพราะปกติฮากีมจะช่วยดูลูก ทั้งปีโป้ ทั้งปาแปง ทั้งอดัม คือถ้าเรารับงานใครจะดูลูก แล้วช่วงก่อนที่ฮากีมจะบินเราก็ทะเลาะกันบ่อยแต่ไม่ได้รุนแรง ทะเลาะกันเรื่องภาระหน้าที่มันมากเกินสามีภรรยา มากเกินพ่อและแม่ แต่ยังมีเรื่องงาน เพราะเรายังมีโหมดหัวหน้าและลูกน้อง แล้วตัวนุ๊กเองก็ไม่สบายด้วยคือตอนนั้นเป็นมะเร็ง ถามว่าช่วงนั้นเครียดไปหมด คือโชคดีที่ก่อนที่ฮากีมจะบิน นุ๊กได้แพลนการผ่าตัด และการรักษาเร็วมาก เพราะเขาต้องเดินทาง พอเราผ่าตัดเสร็จก็เป็นช่วงที่เขาต้องเดินทางพอดี

แล้วตอนที่ฮากีมไป เป็นห่วงภรรยาไหม?
ฮากีม : ผมมั่นใจว่าภรรยาเป็นผู้หญิงที่แข็งแรงและแข็งแกร่งมาก มะเร็งทำอะไรไม่ได้ ลูก 3 คนก็ทำอะไรเธอไม่ได้

ใช้เวลาอยู่ที่มาเลย์นานเท่าไร?
ฮากีม : ประมาณ 3 เดือน
นุ๊ก : มั่วละ ไปอยู่ที่มาเลย์มีความสุขมากใช่ไหม (หัวเราะ) เขาไปตั้งแต่เรากลืนแร่ครั้งแรก น่าจะ พฤษภาคม มิถุนายน และเขาเพิ่งกลับมาตอนเดือนกุมภาพันธ์ ก็เกือบ 10 เดือนได้

ได้ข่าวว่าแรกๆ ก็วุ่นวาย แต่ผ่านไปสักระยะรู้สึกดี ที่ไม่มีสามี?
นุ๊ก : ด้วยความที่เราเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาเกือบ 10 ปี เลี้ยงปีโป้ ปาแปงมา ก็อยู่กับลูกมา 3 คน และทำอะไรด้วยตัวเองมาโดยตลอด จนมันกลายเป็นนิสัยเรา ที่จะทำอะไรเร็วและตัดสินใจคนเดียว แต่พอมีเขาก็เหมือนมีภาระเพิ่มขึ้นมา มันต้องปรับตัวเยอะ พอไม่มีเขาก็เลยวุ่นวายในช่วงแรก แต่พอไม่มีเขา เราก็กลับไปเหมือนที่เราเคยเป็น มันก็เลยรู้สึกสบาย
ฮากีม : ตอนที่ผมไปถึงที่มาเลเซีย ผมก็คิดถึงลูก คิดถึงภรรยา แต่ข้อดีคือผมได้เจอพ่อและแม่
นุ๊ก : ที่ผ่านมาที่อยู่เมืองไทย เขาก็ร้องไห้เพราะคิดถึงพ่อแม่ของเขา

มีความคิดไหมว่าชีวิตจะต้องจบลง?
นุ๊ก : มันไม่ได้คิดว่าจะแยกกันเพราะเรามีอดัม และการที่เราเอาเขาเข้ามาเราแพลนไว้แล้วว่า เราอยากได้คนมาเติมเต็มชีวิตครอบครัว สิ่งที่ดีที่สุดคือการปรึกษาจิตแพทย์ เราก็บอกกับจิตแพทย์ตรงๆ เลยว่าพอแยกกันอยู่กับสามีแล้วเรารู้สึกสะดวกสบาย แล้วถ้าเกิดกลับมาอยู่ด้วยกันแล้วเราไม่แฮปปี้เราจะทำอย่างไร แล้วมันจะเป็นไปได้ไหมที่คนเราเคยตกหลุมรักครั้งหนึ่ง แต่พอนานๆ ไปความรู้สึกก็เฉยๆ มันมีโอกาสจะกลับมาตกหลุมรักกันอีกครั้งไหม

ซึ่งคุณหมอบอกว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความทรงจำ การที่เราจะตกหลุมรักกับคนเดิมซ้ำๆ เป็นไปได้ยาก ตอนนั้นใจแวบตกไปตาตุ่มเลย แต่เราก็ใจชื้นขึ้นเมื่อคุณหมอบอกต่อว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งคำนี้แหละที่ทำให้ เรารู้สึกว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งในส่วนน้อย เพราะเรารู้สึกว่า ครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ การที่เราทนอยู่หรืออยู่ทน มันไม่ใช่เรื่องโอเค แต่เราต้องมีความสุข และหน้าที่ที่ไปด้วยกัน

และการที่นุ๊กปรึกษาจิตแพทย์ตั้งแต่เริ่มต้นมันก็เป็นเรื่องที่ดี และมันก็ช่วยเรื่องชีวิตคู่ได้จริงๆ แล้วเราก็วางแพลนได้ว่าเราจะมีแอ็กชั่นกับเขาอย่างไร แล้วเป็นเรื่องบังเอิญเมื่อเขาได้กลับมาเขาก็คงได้อยู่กับตัวเองว่าสิ่งไหนที่เขาควรทำหรือไม่ควรทำ มันก็เลยกลายเป็นตกหลุมรักกันอีกครั้งจริงๆ

ตอนที่ต้องแยกกับภรรยาและครอบครัวรู้สึกอย่างไร?
ฮากีม : หลังจากที่แยกกัน 10 เดือน จับก็ไม่ได้ กอดก็ไม่ได้ ทำได้แค่คิดถึง พอคิดถึงตอนที่ภรรยาคลอดลูกออกมาก็ทำให้คิดได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ดีที่สุด ทำไมผมจะเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ เพราะสมัยก่อนเป็นคนอารมณ์ร้อน ตอนนี้ก็ชิลมีปัญหาอะไรก็ค่อยๆ แก้ไป

ตอนนี้มีลูก 3 คนแล้ว อยากมีลูกอีกไหม?
นุ๊ก : จริงๆ นุ๊กอยากมีนะ เพราะเราไม่ได้เลี้ยง คือตอนที่ท้องนุ๊กเคยบอกเขาว่านุ๊กไม่อยากมีลูกแล้ว แต่ถ้ามีเขาจะต้องเป็นคนเลี้ยง ดังนั้นตั้งแต่อดัมเกิดจนโต นุ๊กแทบจะได้ไม่ยุ่งกับลูกสักเท่าไร เขาจะเป็นคนทำทั้งหมด ตอนนี้นุ๊กก็ทำหมันแล้ว เป็นหมันชั่วคราว
ฮากีม : ส่วนผมคิดว่าพอแล้วสำหรับตอนนี้

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2076273
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2076273