สรยุทธ เล่าช่วงชีวิตที่โดนจำคุก หลังออกมาร้องไห้หนักเมื่อรู้มีคนรอ


ให้คะแนน


แชร์

ข่าวแนะนำ

โดย สรยุทธ จะกลับมาทำหน้าที่เล่าข่าวในช่วงเช้าตามเดิม เริ่มวันที่ 1 พ.ค. นี้ และล่าสุดเจ้าตัวก็ได้เขียนเล่าเรื่องราวชีวิตในช่วงที่อยู่ในเรือนจำ และความรู้สึกหลังได้รับอภัยโทษว่า 

“วันที่ผมถูกจำคุก รับโทษตามคำพิพากษา ผมนึกถึงประโยค อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ พูดง่าย แต่ทำยากเหลือเกิน โดยเฉพาะทำใจ ผมพยายามมองในแง่ดีว่า อย่างน้อยมันก็จบเสียที

วันหนึ่งผมจะได้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในคุก ผมพยายามใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ทั้งกับเรือนจำ ทั้งกับเพื่อนๆ ผู้ต้องขัง แม้กระทั่งกับตัวผมเองเพื่อให้เวลามันผ่านไปได้ ในคุกไม่เคยมีความสุข ขอแค่ทุกข์พอประมาณก็ดีถมไปแล้ว

ผมได้รับมอบหมายให้ทำ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” ให้ความรู้เรื่องโควิด 19 เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกจนนำไปสู่เหตุวุ่นวาย ผมเสนอทำรายการ “กำลังใจสู่ชาวเรือนจำ” เพราะผมอยากเห็นเพื่อนๆ มีกำลังใจ รอวันเวลาออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่และไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำอีก

แน่นอน ผมต้องให้กำลังใจตัวเองด้วยให้อดทนก้มหน้ารับโทษตามคำพิพากษา กระทั่งผมได้รับการพักการลงโทษตามกฎเกณฑ์ ได้ออกมาใช้ชีวิตในโลกภายนอกอีกครั้ง

ผมดีใจที่แฟนข่าวไม่ลืมกัน โลกเปลี่ยนไปมาก สังคมข่าวสารก็เปลี่ยนไปเยอะ งานข่าวคืออย่างเดียวที่ผมทำเป็น และการทำงานคือชีวิตของผม ผมต้องหยุดใช้ชีวิตของผมมานาน ตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา ทุกวันตื่นขึ้นมาแล้วไม่ได้ไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็น ทุกข์ที่สุดจริงๆ ครับ

วันที่ผมได้รับการพักการลงโทษ ผมได้รู้ในสิ่งที่ผมเองคาดไม่ถึงจากช่องทางการสื่อสารในโลกยุคใหม่ ทุกคนแสดงออกได้ บอกความรู้สึกได้ ผมได้รู้ว่ามีแฟนข่าวรอคอยการกลับมา กลับมาทำหน้าที่หน้าจออีกครั้ง

หลายคนรับผมเป็นคนในครอบครัวจริงๆ หลายคนบอกว่าดูผมตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนเรียนจบ ทำงานทำการ มีลูกมีเต้า คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายมากมายที่ลูกๆ หลานๆ ออกมาบอกว่าท่านรออยู่นะ

วันแรกที่ผมเดินเข้าคุก ผมไม่ได้ร้องไห้ แต่วันแรกที่ผมได้พักการลงโทษ ผมกลับบ้านไปร้องไห้ ผมได้อ่านข้อความต่างๆ เสมือนได้พบครอบครัวใหญ่ของผม เสมือนญาติๆ สนิทของผม พากันมารับผมออกจากเรือนจำ

หลายคนบอกน้ำตาไหล และผมก็น้ำตาไหล พวกเขาน่าจะอยากให้ผมได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ กลับไปทำหน้าที่พูดคุยกับพวกเขาทุกเช้า พวกเขาอยากให้ผมกลับไปทำรายการ เป็นคนมานั่งบอกเล่าข่าวให้ฟังทุกๆ วัน บางวันฟังแล้วเขาอาจจะชอบใจ บางวันอาจจะไม่ชอบใจ เหมือนที่เคยเป็นมา เป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง เป็นลูกเป็นหลาน เป็นลุงเป็นอา ยามที่เขาทำกิจวัตรตอนเช้า

หรือแม้แต่เป็นนาฬิกาปลุก ไม่มีใครรู้ว่ารายการที่ผมกลับมาทำจะประสบความสำเร็จหรือไม่ โลกเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไป แต่ผมเชื่อของผมว่า ครอบครัวข่าวของผม แฟนข่าวของผม ยังอยากพบอยากเจอกัน ความผูกพันที่เกิดขึ้นจากความจริงใจต่อกันมายาวนาน

วันนี้ ผมอยากจะกลับมาทักทาย พูดคุย เล่าเรื่อง อยากจะร่วมทุกข์ร่วมสุขอย่างที่เคยเป็นมา ขอบคุณที่ติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอมาครับ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2079535
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2079535