“ทางบริษัทเรามีเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ เรามีพื้นฐานตรงนี้สามารถช่วยได้ และด้วยบริษัทเราเป็นระบบครอบครัวเลยคุยกัน พี่เป๊ก พี่ธัญญ่า พี่ปุ๊กกี้ แล้วแจ้งว่าพวกเราชำนาญเรื่องนี้ มีพนักงานคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว เข้าใจถ้าเป็นหน่วยงานของรัฐ อาจจะต้องมีขั้นตอนการอนุมัติอีก และวันก่อนก็ไปประชุมมา มีเจ้าหน้าที่มาฝึกอบรมให้ ทำงานก็มีอาสาสมัครมาช่วย มีพาร์ตเนอร์ ต่างส่งตัวแทนบริษัทมา เป็นการแบ่งเบาภาระของภาครัฐ เราในฐานะประชาชนก็ช่วยสกรีนไปตามสเต็ปว่าคนนี้ควรส่งสายไปให้ใครต่อ เราจะเป็นแค่ด่านหน้าในการส่งต่อ ช่วยคัดกรองก่อน บางคนมีอาการหนักเบาไม่เหมือนกัน มันมีรายละเอียด 3-4 ขั้นตอน”

หลังจากเบลล์ประกาศในไอจีพร้อมยื่นมือช่วย มีคนติดต่อมาทางเราให้ช่วยมากน้อยแค่ไหน

“ไม่ค่อยนะคะ แต่ก็มีพี่ๆถามหลังบ้านมาปรึกษา บอกตามตรง สถานการณ์ตอนนี้ภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ เราเป็นประชาชนก็ช่วยเท่าที่ทำได้ มาช่วยด้วยใจ คือเห็นข่าวแล้วอยากช่วย เข้าใจทุกฝ่าย เรายื่นมือมาช่วยระบบตรงนี้เพราะเรามีอุปกรณ์ นอกเหนือเรามีอุปกรณ์ มีสมาคมคอลเซ็นเตอร์ช่วยกันทุกคนเข้าใจวิกฤติ”

ทางแทค สามี มีส่วนร่วมช่วยมากน้อยแค่ไหน

“จริงๆเขาเป็นอาสาสมัครมูลนิธิปอฯ เป็นจิตอาสาอยู่แล้วค่ะ ส่วนเรื่องนี้พี่แทคพร้อมซัพพอร์ต ที่คุยกันก็เป็นตัวกลางคอยสื่อสารและส่งข่าว เวลาเบลล์โพสต์เค้าจะช่วยแชร์ข้อมูล ด้วยเป็นคนสาธารณะ เป็นคนบันเทิง ก็สามารถสื่อสารเข้าถึงชาวบ้านได้เร็ว เลยใช้ทางนี้เป็นสะพานในการแจ้งข่าวค่ะ”

สถานการณ์โควิดกระทบขนาดไหน

“เชื่อว่าโควิดกระทบทั่วทุกประเทศ เราเองมีบริษัท ทำงานแบบนี้ด้วย แต่ก็เป็นวิกฤติครั้งแรกที่เกิดขึ้นตั้งตัวไม่ทัน แต่พอเห็นข่าวเราคงเข้าไปช่วยเท่าที่ทำได้”

ช่วงนี้เห็นเบลล์อยู่บ้านแต่มีกิจกรรมให้ทำเยอะเลย

“(หัวเราะ) ก็ไม่ได้ทำอะไร บางวันก็นั่งปอกทุเรียน เล่นสระน้ำในบ้านบ้างเพราะกลัวเด็กเบื่อ เลยหาเรื่องให้ลูกเล่น มองในแง่ดีมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น แต่ลำบากเหมือนกัน ร้านสักของพี่แทคก็กระทบต้องปิดร้านเหมือนกัน รายได้ก็หายไปก็ได้แต่ทำใจ มีคนทักมาทางอินบ็อกซ์บอกว่าไม่มีตังค์จ่ายโน่นนี่ ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูก ทั้งนี้ เราได้แต่รับฟัง คือไม่รู้จักกันด้วยและเราไม่รู้จริงหรือไม่จริง แต่ทางพี่แทคจะได้ข้อความเยอะกว่าเบลล์ บางเคส พี่แทคก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ ช่วยทุกรายก็คงไม่ไหว สถานการณ์แบบนี้ก็ลำบากกันหมด ไม่มีใครสบาย แต่อะไรที่เราช่วยได้ทำได้เราก็พร้อมค่ะ”.