คนจริง บ่าวเทือง ข้าวสารซาวด์ กับเส้นทางชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ


ให้คะแนน


แชร์

กับประสบการณ์ชีวิตพลิกผันมาตลอด 20 กว่าปี หลังศึกษาจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ช่วงเศรษฐกิจต้มยำกุ้งพอดี ทำเอาหลายบริษัทต้องปิดตัวไป การสมัครงานของเด็กจบใหม่จึงเป็นเรื่องยากสำหรับบ่าวเทืองในสมัยนั้น จนต้องไปทำงานเป็น Room Boy, เด็กเสิร์ฟ, แมสเซ็นเจอร์, กระทั่งคนเดินสายไฟ ค่าจ้างวันละ 300 กว่าจะได้ก้าวเข้ามาสู่วงการวิศวกรตามสายที่ตนเองเรียนมาก็ปาไปหลายปี

ข่าวแนะนำ

จนในที่สุดได้รับโอกาสเป็นถึงวิศวกรใหญ่สมใจ ทำงานที่ประเทศอินโดนีเซียให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจตกต่ำทำเอาต้องม้วนเสื่อเก็บข้าวของบินกลับเมืองไทยและจำใจเซ็นใบจ้างออกจากงาน กลับไปกรีดยางอยู่ใต้แต่ก็เจอกับภาวะราคายางตกอีก ชีวิตหักเหแต่บ่าวเทืองไม่เคยท้อถอย ตั้งหลักใหม่ หันไปเลือกทางที่ตัวเองถนัด คือการแต่งกลอนจับกีตาร์จดปากกาแต่งเพลง จนโดนใจเจ้าของค่ายและถูกคว้าตัวมาเป็นศิลปินเต็มตัวกับค่ายข้าวสารซาวด์

บ่าวเทือง ประเทือง พุทธสุภะ ลำดับเหตุการณ์ในชีวิตให้ฟังว่า “ตอนผมเรียนจบมา ผมไม่เคยได้ทำงานประจำทำเลยครับ ผมจบวิศวกรรมศาสตร์ ปี 2541 ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งพอดี ช่วงนั้นเศรษฐกิจตกต่ำแย่มากๆ งานแรกที่ผมทำคือเป็น Room Boy เก็บผ้าปูที่นอน ล้างห้องน้ำ เก็บกวาดถู แถวโรงแรมย่านพระรามเก้า มันหางานยากมากผมเลยตั้งใจหางานทำไปก่อนเพื่อตัดภาระของพ่อแม่ที่เค้าต้องส่งเสียเราเรียนจนจบ

หลังจบเราก็ต้องดูแลตัวเอง แต่เราก็สมัครงานไปด้วย หลังจากทำงาน Room Boy ได้ 2 เดือน มันจะมีร้านที่โชคชัยสี่เค้านิยมเที่ยวกันเยอะ ผมก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่นั่น 6 เดือน ครั้งหนึ่งเคยเจอเพื่อนที่เรียนวิศวกรด้วยกันมานั่งกินร้านที่ผมเป็นเด็กเสิร์ฟ ผมก็ชงเหล้าให้ เสิร์ฟข้าวให้เพื่อน ผมไม่อายนะ และเพื่อนผมก็ไม่ได้ดูถูกอะไร เพราะเราก็ทำงานสุจริต เพียงแค่โอกาสเราอาจจะไม่ดีเหมือนเพื่อนเรา หลังจากนั้นเพื่อนผมทำงานที่หน่วยงานราชการที่หนึ่ง แนะนำผมให้ไปสมัครแมสเซ็นเจอร์ ผมก็ไปเป็นแมสเซ็นเจอร์อยู่ปีกว่า ส่งจดหมาย ส่งของจนรู้ทางทะลุปรุโปร่งไปหมดครับ (หัวเราะ) ระหว่างทำงานก็ร่อนจดหมายไปด้วย

จนกระทั่งมาได้งานทางด้านวิศวกรโดยตรง แต่ก็ไม่ได้เป็นพนักงานประจำนะครับ ได้ค่าจ้างเป็นรายวัน วันละ 300 เริ่มทำเหมือนคนงานนี่แหละเดินสายไฟกลางแดดจัดๆ ไม่ได้ทำตำแหน่งวิศวกรนะครับ แต่เราได้เข้าไปในสายงานนี้เท่านั้นเองแต่ก็ทำไป จนมาได้เป็นพนักงานประจำบริษัทเอกชนบริษัทหนึ่ง งานเกี่ยวกับทางด้านวิศวกรที่ผมจบมาครั้งนี้ตรงที่สุดและผมได้เป็นพนักงานประจำตามที่ผมใฝ่ฝัน ผมต้องดูแลส่วนของภูมิภาคเอเชีย บินไปๆ กลับๆ ดูงาน แต่สุดท้ายได้ทำงานที่อินโดนีเซีย ทำไปได้ระยะนึงก็โดนเรียกตัวให้กลับมาเมืองไทยด่วน คือเค้าให้ผมมาเซ็นใบลาออกจากงาน ตอนนั้นรู้สึกผิดหวังมากๆ ครับ ทำใจแล้วกลับมาบ้านที่ใต้

จากนั้นผมไม่สมัครงานที่ไหนอีกเลยท้อไปหมด กลับมาตั้งหลักใหม่จะเอายังไงดีกับชีวิต เพราะเงินที่เก็บมาจากการทำงานก็เริ่มร่อยหรอ กลับมากรีดยางราคาตกอีก เรามีลูกมีครอบครัวที่ต้องดูแล ก็เลยคิดว่าชีวิตมันต้องดิ้นให้ได้ จะทำอย่างไรให้เราได้มีรายได้เข้ามา เลยนึกๆ และดึงเอาความสามารถในด้านการแต่งกลอนออกมา บวกกับพอเล่นกีตาร์ได้บ้างแล้วมานั่งเขียนเพลง แต่งเป็นเพลงออกมา พอแต่งเสร็จจะมีกลุ่มสำหรับนักแต่งเพลงให้ได้เอาผลงานของตัวเองมาขาย

ผมแต่งเพลง 3 ปี ผมขายได้แค่ 3 เพลง ตอนนั้นก็รู้สึกท้อมาก จนแฟนผมบอกให้สู้แต่งให้ถึง 100 เพลงก่อนค่อยว่ากัน ตัวผมก็เลยพยายามแต่งมาเรื่อย จนกระทั่งเพลงซิงเกิลแรกของผม เพลง น้ำจันน้ำใจ ไปเข้าหูพี่โก้ เจ้าของค่ายข้าวสารซาวด์พอดี แล้วพี่โก้ก็ติดต่อมา ว่าสนใจอยากมาทำงานเพลงด้วยกันไหม ตอนแรกก็กลัวว่าเค้าจะหลอกให้เราดีใจเก้อ พอถามแฟนก็บอกให้ตอบตกลงไปเลย ผมเลยตัดสินใจตอบตกลง และเริ่มปล่อยซิงเกิลแรกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้ยอดวิวเพลงนี้ทะลุ 7 ล้านวิวละครับ (ยิ้ม)”

รู้สึกอย่างไรบ้างที่ผ่านมาเราล้มลุกคลุกคลานมาตลอด แต่วันนี้ทุกคนชื่นชมในตัวบ่าวเทือง?
“ดีใจมากๆ ครับ วันแรกที่ผมเข้ามากรุงเทพฯ แล้วต้องมาถ่ายปก ถ่ายรูปอัลบั้ม อยู่ดีๆ ระหว่างถ่ายน้ำตาผมมันก็ไหลออกมา จนทีมงานตกใจงงกันว่าไฟแฟลชแรงไปหรือเปล่า ที่ผมน้ำตาไหลเพราะผมไม่คิดว่าผมจะมาไกลขนาดนี้ ก็ต้องขอขอบคุณพี่โก้มากๆ ที่ให้โอกาสคนธรรมดาๆ คนหนึ่งในการเป็นนักร้องค่ายข้าวสารซาวด์ จนมีซิงเกิลแรกคือเพลงน้ำจันน้ำใจ ผมแต่งเอง ผมไม่คิดว่าจะมีคนชอบเยอะมากขนาดนี้ ผมคิดว่าตัวผมมาไกลมาก เวลาผมกลับไปที่บ้าน ผมก็เอาเพลงไปร้องทุกคนชื่นชมอยากมากอด อยากเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย ที่ผ่านมาผมโดนคำดูถูกดูแคลนมาตลอด จนวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าผมได้ทำมันออกมาได้”

ครอบครัวให้กำลังใจบ่าวเทืองอย่างไรบ้าง?

“วันที่ผมได้เป็นนักร้อง แฟนก็ร้องไห้กับผมนะครับ ลูกสาวลูกชายเค้าก็ดีใจ เพื่อนที่โรงเรียนก็ทักว่าพ่อเป็นนักร้อง มาถึงตอนนี้ก็ดีใจกลับไปที่บ้านหลายๆ คนก็เอาผมเป็นต้นแบบ เราได้เป็นกำลังใจให้เค้า หลายๆ คนที่เข้ามาคุยขอคำปรึกษาผมก็ให้ข้อคิดไปว่าอันดับแรกต้องถามตัวเองก่อนว่าเอาจริงไหม แค่อยากได้หรืออยากเป็นนักร้องจริงๆ แต่ถ้าอยากเป็นจริงๆ ก็ต้องหาทางไปให้ได้ ผมกลับไปฟังเพลงที่ผมแต่แรกๆ มันใช้ไม่ได้เลย ฟังไม่ได้เลย ผมก็ต้องกลับไปฟังเพลงเยอะๆ ไล่ฟังใหม่ ใส่ความตั้งใจ ความพยายามเข้าไปให้มากกว่าเดิม อย่าท้อครับ ทำไปเรื่อยๆ พัฒนาตัวเองไปจนกว่าเราจะได้ประสบความสำเร็จครับ”

ตอนนี้มีซิงเกิลที่สองออกมา “เพลงคนเหงาใจ”?

“ใช่ครับ เพลงคนเหงาใจ เนื้อหาเป็นเรื่องราวของคนเหงาที่เคยอกหักมาแล้วไม่มีที่ไป แต่มีร้านประจำอยู่ร้านหนึ่งเป็นร้านเหล้าก็จะจับกลุ่มเพื่อนฝูงที่ร้านนี้ประจำ จนไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ตกหลุมรักอยากได้เป็นเจ้าของ อยากคบหาดูใจกัน เป็นเพลงเร็วมีจังหวะ มีภาษาใต้ใส่เข้าไป เพลงนี้แตกต่างจากเพลงแรกมากๆ เพราะผมจะไม่ค่อยถนัดร้องเพลงเร็ว จะถนัดแต่เพลงช้ามากกว่า ก็ต้องมาฝึกท่าทางโจ๊ะๆ ให้มันสนุกขึ้น ขยับแข้งขยับขาหน่อย

จริงๆ ผมจะเป็นสไตล์สุขุมนุ่มลึกประมาณนี้ แต่ก็โอเคนะเพื่องาน (หัวเราะ) เพลงนี้ผมไม่ได้แต่งเอง แต่มีนักแต่งเพลงท่านอื่นแต่งให้ ผมมีส่วนร่วมคือแต่งเนื้อท่อนท้ายให้เป็นภาษาใต้เข้าไปครับ ผมก็มาเปลี่ยนช่วงท่อนฮุกที่เป็นภาษาใต้ เพลงนี้ได้เจแปน หกฉากครับจารย์ จากเวิร์คพอยท์ และน้องนอร์ธ แฟนสาว มาร่วมงานด้วยครับ ทำให้เพลงมีสีสันขึ้นมากๆ เลย”

คาดหวังขนาดไหนกับงานเพลงซิงเกิลที่สองแล้ว?

“ผมว่าคนทำงานต้องคาดหวังในงานที่เราทำออกไปในทุกๆ เพลงนะครับ แต่เราก็ต้องตั้งใจผลิตชิ้นงานนั้นๆ ให้ออกมาให้ได้มีคุณภาพที่สุด ผมคิดว่าผมเป็นศูนย์นะเวลามาทำงานที่ค่าย เวลาเข้าห้องอัดผมก็บอกกับครูเพลงว่าถ้าอยากจะติ อยากแนะตรงไหนก็เต็มที่ได้เลย หรือร้องหลายเที่ยวไม่ผ่านก็เอาให้เต็มที่ ผมพร้อมพัฒนาตัวเอง ซึ่งพอเราตั้งใจทำงานออกไปแล้วมีกระแสตอบรับดีทั้งเพลง “น้ำจันน้ำใจ” และเพลง “คนเหงาใจ” ก็รู้สึกดีครับ และขอบคุณแฟนเพลงที่ให้การสนับสนุนผมเป็นอย่างดี”

ช่วยแนะนำหน่อยเทคนิคการแต่งเพลงสไตล์บ่าวเทืองหน่อยได้ไหม?

“การเริ่มต้นแต่งเพลงของผมอาจจะไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่อาจจะวางโครงเรื่องไว้ก่อน แต่ผมไม่ได้วางพล็อตเรื่อง ผมจะอาศัยการนึกคำออกขึ้นมาคำนึงก่อนที่จะใช้ในการแต่งเพลง ผมก็จะจดไว้ แล้วจะมาแต่งต่อเขียนไปเรื่อยๆ ต้องหาคำไม่ค่อยมีใครใช้ แล้วเอามาต่อเขียนให้เป็นเรื่องราว เริ่มต้นอย่างไรจะจบลงเรื่องอย่างไร แล้วกลับมาอ่านใหม่ หาคำเพราะๆ เข้ามาแทน ต้องปรับเปลี่ยนให้สละสลวย

และการตั้งชื่อเพลงผมจะไปเสิร์ชใน Google ยูทูบก่อนว่ามันมีแล้วหรือยัง พยายามจะไม่ซ้ำใคร ชื่อเพลงต้องใหม่ ผมจะเน้นชื่อเพลงให้มันโดนใจและมีคำแปลกๆ ในเพลงที่เตะหูคนฟัง ก็อยากฝากบอกน้องๆ นักแต่งเพลงทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อยๆ ท้อได้แต่อย่าถอย ร้องไห้ได้ เช็ดน้ำตาแล้วไปต่อ ก็ขอให้ทุกคนเดินทางต่อเพื่อให้เจอกับฝันที่ตัวเองตั้งเอาไว้ครับ

ก็ต้องขอขอบคุณแฟนเพลงทุกๆ ท่านที่ให้การติดตามให้การสนับสนุนผม ผมอ่านและตอบทุกคอมเมนต์ที่ส่งมาทุกช่องทางนะครับ และล่าสุดผมก็มีซิงเกิลใหม่เพลง “คนเหงาใจ” ก็อยากให้ช่วยสนับสนุนผมแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทางช่อง YouTube : Khaosansound ขอบคุณมากๆ ครับ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2081991
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2081991