‘อี๊ฟ’ใช้สติรับมือโควิด เล่าวิธีดูแล‘พ่อ’กักตัวที่บ้าน


ให้คะแนน


แชร์

‘อี๊ฟ’ใช้สติรับมือโควิด – หลัง ‘อาต้อย’ เศรษฐา ศิระฉายา ศิลปินแห่งชาติวัย 77 ปี ติดเชื้อโควิด-19 ได้เข้ารับการรักษา และปัจจุบันได้กลับมากักตัวต่อที่บ้าน

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง ‘น้องอี๊ฟ พุทธธิดา’ ลูกสาว และ ‘ต้น’ ลูกเขย รวมถึง ‘น้อง มีบุญ’ หลานชายติดโควิด แต่ได้รับการรักษาหายแล้ว

ล่าสุด ‘น้องอี๊ฟ’ ได้เปิดใจเล่ารายละเอียดถึงการดูแลคุณพ่อและคนในบ้านให้ฟัง

◆ คุณพ่อกลับมาอยู่บ้าน อาการคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง?

อี๊ฟ – “คุณพ่อตอนนี้ไม่มีอาการอะไรแล้วไม่มีไข้ ไม่ไอ เอกซเรย์ปอดล่าสุดรอยที่เกิดจากโควิดลดลง โชคดีคุณพ่อไปโรงพยาบาลเร็ว เนื่องจากมีโรคประจำตัวรุนแรงแล้วไม่มีภูมิต้านทาน คุณหมอเลยต้องจ่ายพลาสมากับให้ยาต้านทันที เรียกว่าตอบสนองกับยาได้ดี ทำให้เชื้อหยุดเร็ว คุณพ่อมีเชื้อลงปอดประมาณ 3 ซ.ม. ที่ปอดขวาด้านล่าง วันที่ออกคุณหมอบอกว่า รอยจางลง แต่การหายสนิทต้องใช้เวลา ส่วนเชื้อไม่เพิ่มแล้ว ไม่มีการแอ๊กทีฟถือว่ากลับบ้านได้ เพียงแต่ร่างกายยังมีเชื้อ เนื่องจากอายุมากอาจจะกำจัดเชื้อโรคออกจากร่างกายได้ไม่ดีเท่าวัยหนุ่มสาว”

“และที่คุณพ่อกลับบ้านมาได้ทั้งที่ยังมีเชื้อ เพราะคุณพ่อไม่มีอาการที่เป็นผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลตอนนี้มีความจำเป็นที่ต้องเก็บเตียงไว้ให้ผู้ป่วยที่ค่อนข้างซีเรียส ถ้าเรามีความสามารถดูแลผู้ป่วยโดยกักเขาได้ รวมถึงมีพื้นที่ที่ไม่ทำให้เกิดอันตรายกับคนอื่นในบ้านของอี๊ฟ มีความเสี่ยงตรงที่คุณแม่ (เปี๊ยก อรัญญา) ไม่มีเชื้อ พอต้องกลับมาอยู่ด้วยกัน คุณหมอก็ถามว่าเราบริหารจัดการได้ไหม เราก็บอกได้ เพราะคุณพ่อมีห้องส่วนตัวที่แยกกับคุณแม่ อีกอย่างอยากให้เขากลับบ้านด้วย จะได้ลดความเครียด เพราะคิดถึงหลานคิดถึงบ้าน ก็ปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็อนุญาต”

◆ ขั้นตอนการดูแลแต่ละวันเป็นยังไง?

อี๊ฟ – “ตื่นเช้ามาก็จะจัดข้าวจัดยาส่งขึ้นไปวางในจุดที่กำหนด คุณพ่อก็จะออกมาหยิบอาหารเข้าไปทานในห้อง ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นประสบการณ์จากที่ได้ไปอยู่ Hospitel ทำให้รู้ว่าต้องมีถุงขยะแยก ทานอาหารเสร็จต้องเป็นอุปกรณ์ที่ใช้แล้วทิ้ง ทิ้งเสร็จมัดถุงขยะ จากนั้นไปเก็บโดยพ่นแอลกอฮอล์แล้วเอาถุงแดงออกมา แล้วแยกเขาออกจากคนอื่น ที่บ้านห้องนอนคุณพ่อมีระเบียงที่เดินออกมารับแดดและดูคนอื่นได้ตอนช่วงเย็น เขาก็จะแฮปปี้ พ่อออกมาตากแดดเช้าเย็นเพื่อรับวิตามินดี เพราะคุณหมอบอกว่าวิตามินดีมีส่วนสำคัญในการสร้างภูมิ”

◆ สภาพจิตใจคุณพ่อหลังได้กลับมาอยู่บ้านแล้วเป็นยังไงบ้าง?

อี๊ฟ – “แฮปปี้ค่ะ ร่าเริง แค่ได้เห็นหลานแว้บนึงก็มี ความสุขแล้ว หลานวิ่งไปวิ่งมาอยู่ข้างล่าง คุณพ่อก็ชะโงกมาดูจากระเบียงห้องนอน”

◆ คุณหมอประเมินไหมว่ากี่วันเชื้อถึงจะหมด?

อี๊ฟ – “ตอนคุณพ่อเข้าไปตรวจพบเชื้อ ซีทีที่ 16 รอบวันที่ออกคือช่วง 14 วันพบอยู่ที่ 28 โดยหลักเกณฑ์ต้องมากกว่า 40 ถึงจะไม่แพร่เชื้อ แต่หลายประเด็นที่ว่า เวลา ผู้ป่วยหายกลับบ้านได้ไม่จำเป็นต้องสว็อบเชื้อ เพราะ เชื้อที่พบอาจเป็นซากเชื้อหรือเชื้อที่ ตายแล้ว แต่ที่คุณพ่อต้องตรวจเพราะเรากังวล ด้วยคุณแม่ไม่มีภูมิ ไม่พบเชื้อตั้งแต่แรก แล้วเป็นผู้สูงวัย คุณหมอเลยบอกว่ากันไว้ก่อน ขอกักตัวพ่อก่อนอีก 10 วัน ภายใน 10 วันนี้ถ้าเชื้อไม่แอ๊กทีฟแล้วน่าจะ ลดลงอีก น่าจะอยู่ในระดับที่ไม่สามารถแพร่ได้”

◆ ในส่วนโรคมะเร็งปอดที่คุณพ่อรักษาอยู่ โควิดไม่ได้มีเอฟเฟ็กต์อะไรใช่ไหม?

อี๊ฟ – “โชคดีมันอยู่กันคนละจุด ไม่เชื่อมถึงกัน คุณหมออธิบายว่าโรคมะเร็งคุณพ่อได้รับการคีโมและอิมมูนมา 2 ปี ค่อนข้างคุมได้และตัวมะเร็งเล็กลงแล้ว ตอนเป็นโควิดเชื้อโควิดทำให้ปอดคุณพ่อเป็นฝ้า 3 ซ.ม. ถือว่าไม่ใหญ่มาก ในระยะที่คุณพ่ออยู่ ฝ้าที่ปอดก็ลดลงเลยไม่เอฟเฟ็กต์กันเท่าไหร่”

◆ เวลาคนสูงอายุป่วยเป็นโควิดคนจะค่อนข้างเป็นห่วง น้องอี๊ฟเองตอนแรกห่วงคุณพ่อขนาดไหน?

อี๊ฟ – “อี๊ฟตัดเรื่องอื่นออกไปก่อน ไม่มีเวลาให้ตกใจ เกิดเรื่องรายวันทำให้ต้องมีสติมากๆ จัดการให้ทุกคนได้รับการรักษาและดูแลอย่างเร็วที่สุด สำหรับคุณพ่อ เราเคยผ่านภาวะช็อกมาหลายทีแล้ว ตอนรู้ว่าเขาเป็นมะเร็งก็ช็อก ไปแล้ว จะบอกว่ามีประสบการณ์ในการตกใจ ก็คงได้มั้ง ก็รับมือได้ว่าทำสิ่งที่ต้องทำก่อน”

◆ ฝากถึงหลายๆ ครอบครัวที่ตอนนี้มีคนในครอบครัวติดโควิด แล้วอาจกังวลกันอย่างหนัก?

อี๊ฟ – “หลายคนถามว่าเป็นไปได้ยังไงที่คุณแม่ไม่ติด เพราะอยู่กับคุณพ่อ 24 ชั่วโมง แล้วอายุขนาดนี้แล้ว แต่เราเห็นจากวินัยของคุณแม่ ดื่มน้ำผลไม้ทุกวัน ทานสมุนไพร ขมิ้น กระชายขาว น้ำมันงาดำ วิตามินซี วิตามินดี กินซิงก์ และตากแดดทุกวัน อี๊ฟไม่รู้หรอกว่าเกี่ยวมั้ย อาจจะไม่ได้ช่วยให้หาย แต่อาจจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา สิ่งที่เราควรทำคือทำยังไงก็ได้ให้ร่างกายเราแข็งแรงมากที่สุด เพื่อเสริมสร้างภูมิมาสู้กับโรค จะไปหวังพึ่งแต่ยาไม่ได้”

“แล้วไม่อยากให้ใครที่ดูแลผู้ป่วยหมดกำลังใจ เพราะคนป่วยลำพังก็ไม่มีกำลังใจอยู่แล้ว ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันตก ในภาวะเครียดแบบนี้ เราต้องช่วยกันผลักดันให้มองไปข้างหน้า ทุกคนพยายามช่วย คุณหมอพยาบาลก็ช่วยเต็มที่ ฉะนั้นตัวคุณพ่อคุณแม่เองที่ป่วยอยู่ก็ต้องช่วยตัวเองด้วย ต้องมี กำลังใจ”

จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6389053
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6389053