โดยสาวเกรซมานั่งเล่าให้ฟังในรายการ มารีฝากไว้ให้คิด ตอน เกรซ x มารี อินหนักมาก หัวอกนักสู้ ยิ่งเลวก็ยิ่งรัก ซึ่งนักแสดงสาวเล่าเรื่องราวความรักให้ฟังว่า 

เป็นคนโฟกัสอยู่ 3 เรื่อง เรียน งาน ความรัก เป็นคนใช้หัวใจนำความรู้สึก เป็นคนตรรกะผิดในตอนนั้น จนได้บทเรียน เมื่อก่อนไม่แคร์ นอนคุยกับผู้ชายได้ งานเช้าไม่รับ คุยถึงตี 4 ตี 5 ไม่มีปล่อย เรียนด้วย ทำงานด้วย มีแฟนด้วย ปาร์ตี้ด้วย เหนื่อยมาก นอน 3-4 ชั่วโมง แต่ยังไหวเพราะให้รักนำทาง 

อดทนทุกอย่างเพื่อความรัก ทำงานหนักแค่ไหนสบาย แต่ถ้าเรื่องความรักมีปัญหามันกระทบกับงาน เราต้องทำงาน ตื่นแต่ตี 4 สมองต้องโล่ง คนที่รักเราต้องเข้าใจ

แต่ตอนนั้นมันเด็กเกินทั้งเราและเขา ความสัมพันธ์มันเลยแย่ และชีวิตมันแย่ แต่เราก็อดทน สู้ บางวันไปกองตาบวม บางวันไปกองตาโบ๋ไปทำงาน การมีแฟนแย่มันผิดมาก มันทำให้ดาวน์ เราก็จะทำงานแย่ แต่ถ้าวันไหนซีนอารมณ์ก็จะร้องไห้ได้ทั้งวันเลย (หัวเราะ) 

เคยร้องไห้จนต้องเข้าโรงพยาบาล ร้องไห้จนไข้ขึ้น มันคงโช้คมาก เครียดมาก ปวดท้อง มึนมาก แล้วก็อ้วก จนพยาบาลต้องแอบมาฉีดยานอนหลับให้หลับๆ ไป เพราะร้องไห้ คุย เกือบๆ จะเป็นบ้า

ช่วงนั้นทะเลาะกับแฟน อกหัก ผิดหวังมาก เราให้โอกาสเขาเยอะมาก แต่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้และเรารู้สึกว่าทำไมต้องมานั่งทนแบบนี้ด้วย การพยายามมา 2-3 ปี เขาตอบแทนเราแบบนี้เหรอ บางทีเราสู้แต่ผู้ชายไม่สู้ 

เกรซค้นพบว่าตัวเองไม่ได้ชอบกินเหล้าเพื่อที่จะเข้าสังคมขนาดนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งรู้สึกเหนื่อย มีแฟนที่ชอบปาร์ตี้ตลอด ถ้าไม่ไปก็มีปัญหาบ้าง ซึ่งบางทีเราก็ปล่อยให้เขาไป แต่เขาไปก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ นิสัยเปลี่ยน 

เหมือนเราต้องทนภาคกลางวันกับภาคกลางคืน เรารู้สึกว่าเลิกกันเถอะ ผู้ชายก็ขอโอกาสจะเลิกเหล้า ผ่านไป 1 เดือนก็ทำไม่ได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่หลายคนไม่แฮปปี้คือเรื่องการโกหก มีเหตุการณ์ที่เรากับเขาห่างกัน เขาอยู่ต่างจังหวัดแต่ยังเป็นแฟนกันนะ 

ก็โทรไปหาเขาตอน 3 ทุ่ม บอกว่าจะเข้านอนแล้วจะโทรมาใหม่ พอเที่ยงคืนก็ไม่รับ ตี 1 ก็ไม่รับ หลับไปแหละ ตี 4 โทรศัพท์โทรเข้า

แฟนโทรมาแต่มีเสียงผู้หญิงคุยกับแฟนเรา ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เราก็ฟังต่อจนถึง 10 นาทีก็เลยวางแล้วโทรกลับ ก็ไม่รับ โทรจนถึงตี 5 แทบบ้า 

ก็โทรหาเพื่อนให้พาไป แต่เพื่อนก็ดึงสติ ถามว่าจะไปทำไม ไปแล้วได้อะไร อยากจะไปเห็นอะไร แต่มันก็ค้างคาใจจนถึงวันนี้ แล้วเขาก็มาง้อที่สตู เขาก็ไม่รู้ตัว เราเลยบอกว่าโทรศัพท์กลับมาแล้วมีเรื่องแบบนี้

เขาก็เลยให้ดูไลน์เขากับผู้หญิงคนนี้ว่าไม่มีอะไร เป็นแค่เพื่อนกัน นี่ก็คิดว่าโทรศัพท์มันลั่นเหรอ แล้วโทรออกมาเอง สามารถให้คำปรึกษากับทุกคนได้ แต่เรื่องตัวเองลงเหว งงกับตัวเองมาก เราทำอะไรลงไป 

มีครั้งหนึ่งไปเที่ยวมีคอนเสิร์ตพี่เจ แต่ตอนนั้นร่างกายไม่ไหวแต่ก็ยังสู้ไปกับเพื่อนและแฟน เต้นๆ สนุกมาก แต่มีจังหวะหนึ่งอยู่ๆ ร่างกายก็ชัตดาวน์ตัวเอง เพื่อนตกใจว่าเราเป็นลม

แต่แฟนไม่เชื่อ แล้วก็อุ้มเราไปวางพาดที่ลำโพง ตอนนั้นเรารู้หมดแต่ว่าพูดไม่ได้ ก็คิดว่าจิตใจทำด้วยอะไร ทำไมเอาเรามาวางพาดไว้แบบนี้ อย่างน้อยควรพาไปส่งโรงพยาบาลหรือเอาไปออกนอกร้าน 

แฟน 5 คนที่ผ่านมา ปัญหาหลักๆ คือเรื่องปาร์ตี้ ถ้าไม่กินเหล้าก็จะไม่มีปัญหาอื่นตามมา แฟนกินเหล้าทุกคน กินแล้วมีฤทธิ์มีเดช นี่จับสลากได้ตัวอะไรมาเนี่ย 

สิ่งที่วิ่งตามแล้วเหนื่อยสุดคือวิ่งตามใจเขา เรารักเขามากกว่าเขารักเรา พอโตขึ้นก็มีสติมากขึ้น เมื่อก่อนไม่มีสติจนผ่านความเสียใจมามาก เข้าโรงพยาบาลก็หนักหนาพอแล้ว 

สำหรับใครที่วิ่งจนเหนื่อยมากกับความรัก หลายๆ คนไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา เวลาจะกรองคนที่ใช่มาในเวลาที่ถูก เชื่อว่าจะมีคนที่เคยรักกันมาก่อน ชาตินี้ก็ต้องมาเจอกัน ใครที่ไม่ใช่ก็เป็นคู่เวรคู่กรรมกันไป 

ความรักเหมือนการวิ่งมาราธอน รองเท้าที่ดีจะทำให้เราวิ่งถึงเส้นชัย เราต้องรู้ตัวให้ทัน ถ้ามันเจ็บก็พอ เราต้องรักตัวเองให้ได้ ไม่มีใครรักเราเท่าตัวเอง ถ้าไปยืนหน้าผากล้าตกลงไปในเหวแทนเขามั้ย เรายังมีพ่อ มีแม่ หน้าที่การงาน เราล้มไม่ได้ 

ตอนนั้นคือเด็กมาก มารู้ตัวอีกที เอาเวลา 3 ปีฉันคืนมาเถอะ น่าจะฉลาดให้เร็วขึ้น ถ้าใครที่ดูอยู่แล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ ยังฝืน มันเสียเวลามากนะ ปลายทางที่รออยู่ก็คือการร้องไห้อยู่ดี

แฟนทุกคนจะให้บทเรียนเราที่แตกต่างกันไป บรรดาแฟนๆ เก่าก็สั่งสอนเรามาประมาณนึงก็ต้องขอบคุณที่ให้บทเรียน ขอบคุณที่กล้าสอนหนู