ตั๊ก มยุรา เคารพการตัดสินใจของลูกสาว คนเราพลาดกันได้ พ่อแม่พร้อมให้อภัย


ให้คะแนน


แชร์

จนทำให้มีหลายคนมองว่า น้ำตาล ท้องไม่มีพ่อ แต่ น้ำตาล ก็ได้ออกมาเคลียร์แล้วว่า ไม่ใช่ท้องไม่มีพ่อ แต่เธอนั้นได้ตัดสินใจแยกทางกับสามีชาวฮ่องกงได้ 3 เดือนแล้ว ก่อนที่จะกลับมาอยู่บ้านกับพ่อกับแม่ ล่าสุด ตั๊ก มยุรา ก็ได้เปิดใจผ่านวันบันเทิง ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า

ข่าวแนะนำ

“เรื่องเริ่มจากที่มีคนส่งข้อความจากเพจมาให้ดู แล้วมีคนพูดกันเยอะ เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา จริงๆ เรื่องเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นสัก 2 วัน มีคนถามเยอะ น้ำตาล คงไม่อยากให้เกิดประเด็นว่าคนไปคิดเอาเอง คำว่า ซิงเกิลมัมหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว ซึ่งปกติตนเองเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ลงรูปเยอะมาก 

แต่ถ้าถามก็ขอพูดตรงๆ ว่า น้ำตาล เขาเรียนจบแล้ว เขาก็อายุ 25 เขามาบอกว่าเขามีแฟน เขาชอบคนนี้ ก็ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ แล้วมันเป็นช่วงโควิดด้วย ตนคิดว่าเด็กสมัยนี้ถ้าจะทำอะไร เขาจะตัดสินใจด้วยตัวเอง ซึ่งตนเองก็เข้าใจลูกในระดับหนึ่ง ก็โอเค จะให้มาจัดงานแต่งงานใหญ่โตคงเป็นไปไม่ได้ เพราะมันเป็นช่วงโควิดตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว เราก็จัดกินข้าวกันในครอบครัว

ซึ่งเราไม่ใช่นักแสดง น้องก็ไม่ใช่นักแสดง ไม่รู้จะโชว์ทำไม ก็ทำตัวกันปกติ คือครอบครัวเรารับรู้มาแต่แรก และก็เห็นฝ่ายชายมาตลอด เราก็เคารพการตัดสินใจของลูก ซึ่งเขาก็คิดว่าเขาตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว พอถึงวันหนึ่งเราอาจดำเนินชีวิตผิดพลาด ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่คนดำเนินชีวิตผิดพลาดกันได้ เมื่อมันพลาดเขาก็มีวิธีแก้ไขด้วยตัวเขาเอง

จริงๆ เราจะลงภาพตั้งแต่เดือนที่แล้วแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิดก็ไม่อยากมาลงอะไรให้คนมาหมั่นไส้เรา เราห่วงเรื่องนี้มากกว่า ไม่ใช่เราโลกสวยหรู เรามนุษย์ปกติ รอก่อนไหม ไม่ใช่มาใส่ชุดใหญ่โตมาถ่ายรูปกัน อันนี้เปิดตัววันหลังก็ลงได้บ้าง

ถามว่าตอนที่ น้ำตาล มีปัญหาแรกๆ เขาได้มาเล่าให้ฟังมั้ย คือเขาเป็นเด็กอินเตอร์นะ ไม่ค่อยเล่า เล่าน้อยมาก ก็จะมาบอกว่าเขาชอบคนนี้ เราก็บอกว่าเขายังพูดไทยไม่ชัดเลยนะ น้ำตาล เรียนอินเตอร์เจอคนต่างชาติเยอะ ไม่ใช่เพื่อนนะ เป็นรุ่นพี่ อายุ 31 ไม่ใช่เด็กแล้ว เขาตัดสินใจว่าคนนี้ใช่ อันนี้ถูก

เมื่อมีการตัดสินใจพลาดก็เป็นบทเรียนของเขา เรารับรู้ เขาปรึกษาในสิ่งที่ปรึกษาได้ เราสอนเขา พูดในสิ่งที่สอนมาตลอด ถ้าเขาเข้าใจก็ดี ถ้าเขาไม่เข้าใจก็ต้องยอม 

มันมีประโยคที่ว่า ไม่อยากให้ลูกได้เห็นในมุมที่พ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ คือเราก็ไม่ค่อยได้เห็นในมุมนั้นนะ เราก็ไปเยี่ยมเขาบ่อยๆ เพราะเขาแต่งงานออกไปก็ย้ายไปอยู่ที่บางนา ผู้ชายก็โอเค อาจจะมีอะไรที่เขาทนไม่ได้ ซึ่ง น้ำตาล เขาอยู่ในครอบครัวที่ปกติ ไม่ได้ด่าทอกัน พอเขาเจออะไรที่แรงๆ ก็รับไม่ได้ คือเราไม่เห็นตรงนั้น 

คือเขาใช้คำว่า อยู่ด้วยแล้วมัน Toxic ผู้ชายก็คงจะเกรี้ยวกราด คงจะร้าย ไม่ให้ตัดสินใจอะไรเลย ซึ่งวันที่เขาตัดสินใจ เขาก็เอาของออกมาเลย พร้อมแม่บ้านคนหนึ่งมาอยู่บ้านเราด้วยกัน เราก็ตกใจ แต่ก็โอเคมาเลยๆ

ก่อนที่จะตัดสินใจแบบนี้ ถามเขาก็ไม่พูด บอกแค่ว่าโอเคนะ อย่างเรื่องเงินผู้ชายโอเคไง เขาดูแลดี แต่ก็อาจจะมีเรื่องคำพูดที่เขาไม่ถูกใจ เพราะน้ำตาลเขาไม่ชอบคนพูดแรง อันนี้คงจะแรงจนเขารับไม่ได้ เพราะเขาบอกว่าอยู่แล้วไม่มีความสุข ไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น เลยมาอยู่บ้านเราดีกว่า แล้วเริ่มชีวิตใหม่

เราเป็นพ่อแม่เรารับได้ทุกเรื่องไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรากลับมาอยู่ด้วยกัน อยู่มา 2-3 เดือนกว่าจากวันนั้น เราไปเยี่ยมเขาทุกวันไม่ได้ เราก็คิดถึงหลาน เขามีครอบครัวแล้วเราจะไปยุ่งมากก็ไม่ได้ พอเขาบอกว่าจะกลับมาอยู่กับแม่ ก็กลับมาเพราะห้องเขาก็ยังอยู่ ยังบอกเขาว่าค่อยๆ คิดใหม่ เขาบอกเขาได้คิดแล้ว

เราเป็นพ่อแม่ก็ต้องอภัย ผิดพลาดเป็นบทเรียนเขาต่อไปจะเลือกต้องใช้สมองคิดมากกว่าหัวใจ ตอนนี้กำลังทำบ้านให้เขาใหม่ เพราะเขาอยากมีครอบครัวกับลูก กับแม่บ้านเขา ก็ไปใช้ชีวิตกัน

น้ำตาลเขาเป็นผู้ใหญ่ ตัดสินใจค่อนข้างแย้งกับตัวเขาที่ดูหน่อมแน้ม เขาบอกว่าเขาอดทนแล้ว แล้วเขาก็ไป ถ้าเป็นเราอาจทำไม่ได้เท่าเขา

เรามีความรู้สึกว่า ซิงเกิลมัมเข้ามาให้กำลังใจเยอะมาก มีทั้งดีไม่ดีเข้ามา เพราะคนเห็นหน้าเราก็รู้จัก มีหมดให้อภัย ยินดี สมน้ำหน้า เราไม่โกรธใคร ไม่ดราม่า เราอยู่โลกนี้มานาน เราเคยเป็นมาหมดทุกอย่าง อะไรไม่ดีก็อย่าไปดูมัน 

แทบไม่ต้องให้กำลังใจ น้ำตาลอาจจะต้องมาให้กำลังใจพี่ เขาบอกคุณแม่อย่าไปสนใจ เพราะเขาก็เคยเครียดเวลาใครมาว่าอะไรเขาเยอะๆ แต่เดี๋ยวนี้เขาดีขึ้น โลกทำให้เขาเข้าใจอะไรหลายอย่าง ทำให้จิตใจเขาสบายขึ้น”.

ชมคลิป

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2104161
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2104161