เข้ม หัสวีร์ จากเด็กหนุ่มต่างจังหวัด สู่การเป็นพระเอกลูกรักของช่อง 7


ให้คะแนน


แชร์

หลายคนคงจะจำกันได้ตอนที่ เข้ม หัสวีร์ นั้นเข้ามาในวงการใหม่ๆ เล่นละครเรื่องแรกๆ จุดขายของพระเอกคนนี้คือ ความที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับพระเอกดังในอดีตอย่าง หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์ และ โอ วรุฒ วรธรรม

“จริงๆ ก็ดีใจนะครับ ที่ทุกคนมองเห็นหลายๆ ภาพในตัวผม แต่จริงๆ ก็อยากให้ทุกคนจำว่าผมคือ เข้ม หัสวีร์ และในวันนี้ทุกคนก็จำผมได้แล้วว่าผมคือ เข้ม หัสวีร์

หรืออาจจะจำผมได้ในตัวละครที่ได้รับเล่น เพราะผมโตมาจากตัวละครทุกเรื่องเลย รวมๆ คือก็ดีใจครับที่ทุกคนจำผมได้หลายๆ ภาพ (ยิ้ม)”

จากเด็กต่างจังหวัด สู่การเป็นพระเอกแถวหน้าช่อง 7 

จากนั้น เราถามพระเอกรูปหล่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าว่า เข้มเคยคิดมั้ยว่าตัวเองจะมาได้ไกลขนาดนี้ จากเด็กหนุ่มต่างจังหวัดมาเป็นพระเอกแถวหน้าของช่อง 7 มีฝีมือทางการแสดงที่แฟนๆ ให้การยอมรับมากมายขนาดนี้ ซึ่งเราได้รับคำตอบนี้จาก เข้ม หัสวีร์ ว่า 

“ผมไม่คิดเลยครับ (ยิ้ม) จนถึงทุกวันนี้การทำงานของผมก็ยังปกติเหมือนเดิม เพียงแต่ว่ามีคนรู้จักผมเพิ่มมากขึ้น การได้เจอผู้คนหน้าใหม่ที่เข้ามาในบ้านคนรักเข้ม

การที่ได้เจอกันตามงานต่างๆ ผมก็ยังปฏิบัติตัวเหมือนเดิมอยู่ คือยังไม่ได้คิดว่าตัวเองมาไกลหรือมาใกล้ แค่คิดว่าจะต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาเท่านั้นครับ”

แล้วถ้าวันนั้นเข้มไม่ได้ตัดสินใจเข้าวงการบันเทิง ตอนนี้ เข้ม หัสวีร์ น่าจะทำอะไรอยู่ในตอนนี้ พอจะบอกได้มั้ย งานนี้เข้มยิ้มและนึกมองตัวเองว่าถ้าไม่เป็นพระเอกวันนี้น่าจะทำอะไร ก่อนตอบว่า 

“ตอนนี้น่าจะต้องเรียนอยู่ และน่าจะเรียนด้านสายอาชีพ ซึ่งถ้าไม่ได้เป็นนักแสดงก็น่าจะเรียนจบด้านอาชีวะ เป็นช่าง หรือเป็นวิศวกรประมาณนั้นครับ (ยิ้ม)” 

ละครดังอย่างเรื่องโซ่เวรี ได้เปลี่ยนชีวิต เข้ม หัสวีร์ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องยอมรับว่าละครเรื่องนี้ทำให้เข้มนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังติดตลาดและลมบนมากขึ้น แถมยังมีงานพรีเซ็นเตอร์เข้ามาอีก ซึ่งเรื่องนี้เข้มบอกกับเราว่า 

“จริงๆ ผมต้องบอกว่า ละครทุกเรื่องที่ผ่านมาของผม ทำให้คนรู้จักผมเพิ่มมากขึ้น แต่จุดเปลี่ยนของตัวผมก็มาจากละครเรื่องโซ่เวรี ที่คนรู้จักในวงกว้างมากขึ้น ทำให้เกิดกระแสต่างๆ ที่ผมก็ยังไม่เคยได้เจอมาก่อนเหมือนกัน”

ทำงานหนักเพื่อครอบครัว

จากนั้นเราถามเข้มต่อว่า พอวันนี้มีชื่อเสียง มีคนรู้จัก ตัวเข้มเองต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเยอะขึ้นมั้ย เพราะไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาๆ แล้ว งานนี้เข้มบอกกับเราว่า โดยส่วนตัวนั้นแทบจะไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลย ตอนนี้ก็ยังเป็นเข้มคนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนไป 

เป็นเรื่องปกติเมื่อกลายเป็นพระเอกแถวหน้า ชื่อเสียง เงินทอง ก็เข้ามาหาอย่างมากมายและรวดเร็ว ถามจริงๆ ว่ามันทำให้เข้มแอบหลงระเริงไปกับมันบ้างหรือเปล่า งานนี้ เข้ม หัสวีร์ เล่าให้เราฟังว่า 

“ยังไม่เคยนะครับ เพราะผมไม่เคยเก็บเงินเอง (ยิ้ม) เงินจากการทำงานของผม ผมให้คุณแม่เป็นคนจัดการทั้งหมด สิ่งสำคัญในชีวิตผมมีไม่กี่อย่าง นั่นก็คือครอบครัว เพื่อน และผู้ใหญ่ที่เคารพ

ทุกคนล้วนเป็นครอบครัวของผม แกนหลักในการใช้เงินของผมจะอยู่ที่ครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ เราก็จะทำงานเพื่อให้ครอบครัวสบายก่อน ทุกคนต้องอยู่ดีกินดีก่อน ของตัวผมจะเอาไว้ทีหลัง

ผมจะแบ่งเอาไว้คือให้ครอบครัว โดยให้คุณแม่เป็นคนเก็บ 70 เปอร์เซ็นต์ อีก 10 เปอร์เซ็นต์ให้ทางบ้าน ตัวผมใช้แค่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ครับ

ผมวางแผนการใช้เงินโดยให้คุณแม่เป็นคนดูแลส่วนนี้ ตัวผมรับหน้าที่ทำงานเพื่อมาซัพพอร์ตส่วนนี้ ดังนั้นจึงยังไม่หลง เพราะไม่รู้ว่าความหลงของเงินและชื่อเสียงเป็นอย่างไร

อย่างของฟุ่มเฟือยถามว่ามีบ้างไหม ก็ไม่ค่อยครับ เสื้อผ้าบางทีแฟนคลับก็ซื้อมาให้ ซึ่งพอผมใส่ก็ทำให้พวกเขาดีใจ ผมก็เลยจะใส่แต่เสื้อผ้าพวกนี้ ของที่แฟนๆ ให้มาผมจะรักษาดีมากๆ ก็จะใช้วนเวียนอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ใช้ตลอด

ถ้าเป็นของจำเป็นที่ต้องใช้เพื่องาน ผมก็มีซื้อบ้างครับ อีกอย่างคือผมเป็นคนชอบธรรมชาติและชอบอยู่บ้านมากๆ ไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยนอกจากทำงาน

บางทีมีคนถามผมว่า เริ่มสะสมของอะไรบ้าง ผมก็ตอบไม่ได้นะ เพราะว่าผมไม่ได้ยึดติดกับของภายนอกเลย เพราะได้อะไรมาก็แค่ใช้ทุกอย่างที่ได้มา

ผมไม่รู้ว่าต้องอินกับอะไรมากเกินไป ใช้ชีวิต 50 กับ 50 อยู่ตลอดวัน คือ 50 ความรู้สึกของเอง และอีก 50 ที่ออกไปเผชิญโลกข้างนอก”

ตัวตนที่แท้จริงของ เข้ม หัสวีร์ 

แม้ในวันนี้ เข้ม หัสวีร์ จะเป็นพระเอกแถวหน้า มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ตัวตนจริงๆ ของเข้มเป็นอย่างไร ซึ่งงานนี้พระเอกหนุ่มไม่รอช้า รีบอธิบายลักษณะของตัวเองให้เราได้รู้จักตัวตนของเขาทันทีว่า 

“เข้มเป็นคนเงียบครับ เข้มไม่ค่อยพูด จริงๆ เป็นคนเงียบมากๆ และชอบอยู่กับตัวเองพอสมควร อย่างเวลาอยู่บ้านจะพูดค่อนข้างน้อยมากๆ

แต่ถ้าออกมาข้างนอก ผมจะชอบบรรยากาศของความสุข คือผมสามารถสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับคนอื่นได้ เพราะผมอยากให้เขามีความสุข การปฏิบัติตัวกับแต่ละคนก็จะแตกต่าง

อย่างบางคนมีแต่ความบันเทิง ผมก็จะบันเทิง คนนี้มีสาระ ผมก็สามารถแลกเปลี่ยนสาระกันได้ คือจะให้ความสบายใจกับทุกคนที่เข้ามาหาได้

ตัวตนจริงๆ เป็นคนที่ค่อนข้างเงียบมาก แต่ภาพที่ออกไปทำให้ทุกคนรู้สึกว่ามีความสุข เป็นเข้มที่มีความสุขจะเป็นภาพตรงนั้นที่ออกมา มาเจอคนพูดเล่นมีหัวเราะ

ถ้าเวลาอยู่นอกบ้าน ผมค่อนข้างจะไฮเปอร์ แต่ถ้าอยู่คนเดียวก็จะนิ่งๆ ใช้ชีวิตส่วนตัวใช้สมอง อยากทำอะไรก็ทำ จะติสต์ๆ หน่อยเวลาอยู่ที่บ้าน

เว้นแต่เวลาอยู่กับคุณแม่ อย่างเวลาทานข้าวก็จะเติมเต็มให้กัน แต่ถ้าอยู่บ้านแล้วไม่ได้ทำอะไร อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ก็จะนิ่งๆ ครับ (ยิ้ม)”

ผลงานละครเรื่องล่าสุด 

สำหรับผลงานละครเรื่องล่าสุดของ เข้ม หัสวีร์ นั้น คือเรื่อง เผาขน ผลิตโดยค่ายโคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป ซึ่งละครเรื่องนี้ เข้มเล่าให้เราฟังว่า 

“คาแรกเตอร์ที่ได้รับนั้นค่อนข้างดาร์กหน่อยๆ ในเรื่องเป็นพ่อค้ายาที่ไต่เต้ามาจากเด็กเดินยาในผับ เรียกว่าเป็นละครสะท้อนสังคม แต่ในตัวของอำพลจะมีความเอาตัวรอดเก่ง มีความกะล่อน มีไหวพริบดี ค่อนข้างหลากหลายอารมณ์มากๆ ในตัวละครตัวนี้

ซึ่งเรื่องนี้มันมีความยากคือการบู๊ ยากทุกฉาก เพราะต้องลงแรง ลงมือด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การขึ้นสลิง หรือกระโดดตึก ผมเล่นเองก็จะมีความยาก

ผมร่วมงานกับค่ายโคลีเซี่ยมในการเล่นละครบู๊มาตั้งแต่เรื่องแรก เรื่องนี้เลยไม่ยากมาก จะเน้นไปที่บู๊ให้แตกต่างจากที่เคยเล่นอย่างไร

ส่วนเรื่องการผิดคิวไม่มีเลย เพราะทีมงานทุกคนเน้นเรื่องความปลอดภัยมากๆ ทำให้ไม่เกิดการผิดคิวเลย ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมที่ดี ทำให้ทุกคนเล่นคิวบู๊ได้อย่างถูกต้องไม่มีผิดพลาด

และแม้จะเป็นละครบู๊ แต่ฉากหวานๆ พระเอก-นางเอกก็มีบ้าง ทะเลาะกับนางเอกตลอดเวลา ถ้าพูดแล้วเขาไม่ฟัง ก็จะมีขโมยจูบบ้าง เรียกว่าเป็นรสชาติของละคร มีแหย่ๆ หยอกๆ กันบ้าง เป็นความหวานๆ ที่ออกมาในสไตล์กวนๆ ยียวนกันตลอดเวลา”

เรื่องนี้ถูกจับตามองว่าเข้มได้รับหน้าที่เป็นป๋าดัน ดันนางเอกใหม่ให้แจ้งเกิดด้วย รู้สึกกดดันหรือไม่ งานนี้เจ้าตัวบอกกับเราว่า 

“จริงๆ การ์ตูน มีฝีมือในการแสดงอยู่แล้วนะครับ การทำงานของเขาเลยราบรื่น และตัวเขาก็เข้ากับทีมงานในกองละครได้ดีด้วย เขาเป็นคนตั้งใจจริงจัง และตัวผมก็ไม่ได้ถึงกับเป็นป๋าดันเขานะ เรียกว่าช่วยกันมากกว่า เพราะละครจะเล่นกันแค่ 2 คนไม่ได้ องค์ประกอบคือนักแสดงทุกคน ทีมงาน การดำเนินเรื่อง ทุกตัวละครสำคัญหมดครับ”

อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่แรก เพราะ เข้ม หัสวีร์ เล่นละครเรื่องไหนก็ดัง เรตติ้งก็ปัง งานนี้เกร็งหรือกดดันหรือไม่กับเรื่องนี้ เราได้รับคำตอบว่า 

“กดดันครับ แล้วก็กลัว คือความกลัวมันก็มาพร้อมกับการพัฒนาของตัวเอง และความกดดันมันก็มาพร้อมกับการต้องพัฒนาตัวเอง ต้องย้ำเตือนตัวเองว่าเราจะชะล่าใจในการทำงานไม่ได้

อย่าคิดว่าพอมีชื่อเสียงแล้วเราต้องหยุด คิดแบบนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นองค์ประกอบพวกนี้ที่เข้ามาหา ทั้งความกดดันในการที่ทุกคนเฝ้ารอคอย ผมก็ต้องพัฒนาเพิ่มขึ้นมาอีกให้ได้หลายสเตป

ต้องพัฒนาตัวเองด้วยการเรียนรู้ทุกอย่างเพิ่มเติม ต้องเรียนรู้และทำความรู้จักตัวละครของตัวเองให้ดีที่สุด ใส่รายละเอียดของตัวละครตัวนี้ออกมาให้ดีที่สุด เพราะหน้าที่ของผมคือการดูแลตัวละครที่ได้รับมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ

สุดท้าย ผมอยากฝากละครเรื่องนี้กับทุกคนเลย เพราะค่ายโคลีเซี่ยมยังไม่เคยทำละครบู๊แนวนี้มาก่อน และละครเรื่องนี้เนื้อเรื่องไม่อืด ทุกการไล่ล่า หรือทุกการปฏิบัติล้วนมาด้วยเหตุและผล ทุกคนเข้าใจได้ง่าย เป็นละครที่ยังมีข้อคิด สอดแทรกเรื่องคุณธรรมความดี และเป็นละครสะท้อนสังคมได้ดีมากๆ

และผมเชื่อว่ายังเป็นละครครอบครัวอีกหนึ่งเรื่อง ด้วยความตั้งใจของทีมงานและทีมนักแสดง ผมอยากให้ทุกคนรอติดตาม บู๊สนั่น บู๊ครบ อยากให้ทุกคนรอติดตามครับ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35 ครับ”.

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Varanya Phae-araya

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2103870
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2103870